ฐานะที่พึงพิจารณาด้วยกำลังของบัณฑิต [6624-3d] เมื่อต้องพบเจอสิ่งที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจ คนพาลย่อมไม่รู้ชัดซึ่งประโยชน์ แต่บัณฑิตจะสามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งนี้เป็นประโยชน์หรือมีโทษ แล้วกระทำในสิ่งที่ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์นั้นได้กล่าวถึงฐานสูตรต่างๆ กล่าวคือฐานะแห่งความเสื่อมและความเจริญ 4 ประการ คือ ทำสิ่งที่ไม่น่าพอใจและน่าพอใจเมื่อทำย่อมเป็นไปเพื่อโทษหรือประโยชน์บุคคลมีศรัทธาเลื่อมใส โดยฐานะ 3 ประการ คือ เป็นผู้ใคร่จะเห็นท่านผู้มีศีล ปรารถนาจะฟังพระสัทธรรม ปราศจากความตระหนี่ฐานะที่ใครๆ ไม่พึงได้ 5 ประการ คือ ขอสิ่งที่มีความแก่, ความเจ็บ, ความตาย, ความสิ้นไป, ความฉิบหายเป็นธรรมดา ว่าอย่าแก่...ฯ เป็นฐานะที่ใครๆ ไม่พึงได้ฐานะที่ควรพิจารณาเนืองๆ 5 ประการ คือ พิจารณาเนื่องๆว่า เรามีความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพรากจากของรัก เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นไปได้ เรามีกรรมเป็นของตน เราทำกรรมใดไว้ ย่อมเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
6/13/2023 • 59 minutes, 25 seconds มงคลชีวิต 19 #การงานไม่มีโทษ [6546-3d] การงานไม่มีโทษ หมายถึง ไม่ถูกติเตียน เป็นสิ่งที่จะทำให้เรานั้นเป็นมงคลในชีวิต เพราะว่าการงานที่ถูกติเตียนได้ มันดีไม่เต็มที่ ได้ผลไม่เต็ม การงานบางอย่างทำไปทางกาย วาจา ใจ ไม่ว่างานราษฎร์ งานหลวง งานตนเอง หรืองานส่วนรวม ถ้าทำแล้วมันผิด ผิดในหลักศีล หลักกฎหมาย หลักธรรม และหลักประเพณี มันจะมีโทษแฝงอยู่ มันจะได้ผลไม่เต็มที่ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
11/15/2022 • 59 minutes, 4 seconds มงคลชีวิต 18 #การสงเคราะห์ญาติ [6545-3d] “ความคุ้นเคยเป็นญาติอย่างยิ่ง” ให้มองทุกคนเหมือนเป็นญาติของเรา “มองกันด้วยสายตาแห่งคนที่มีความรักใคร่กัน” เพราะทุกคนเป็นญาติกันแน่ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่ทางโลกก็ทางธรรม ไม่สายโลหิตก็ตามความคุ้นเคย ดังนั้น ‘สังคหวัตถุ 4’ คือ สิ่งที่สามารถสงเคราะห์กัน ช่วยเหลือดูแลกัน จะมีอยู่ 4 ประการ คือ (1) สมานัตตตา การวางตัวให้เหมาะสม (2) ทาน การให้การแบ่งปัน (3) ปิยวาจา การไม่กล่าวคำให้แตกแยก การรักษาวาจา กล่าวคำที่จะให้เขาสบายใจ และ (4) อัตถจริยา การประพฤติตนให้เป็นประโยชน์ ช่วยเหลือกันในความเป็นญาติ รวมทั้งช่วยบริหารจัดการครอบครัวญาติมิตรให้มั่งคั่ง เจริญพรั่งพร้อมกันขึ้นมา ซึ่งเมื่อเราทำกับเพื่อนกับญาติอย่างนี้ ความเป็นมงคลจะเกิดขึ้นแน่นอน Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
11/8/2022 • 1 hour, 5 minutes, 26 seconds มงคลชีวิต 17 #ธรรมจริยา [6544-3d] “ธรรมจริยา” เป็นมงคลชีวิตที่เป็นส่วนของสังคมภายนอก ที่ว่าเราจะประพฤติธรรมอย่างไร โดยจำแนกด้วยหมวดธรรมะต่างๆ ประการแรก ธรรมะคืออะไร ประการที่สอง ธรรมะคือกุศลกรรมบท 10 อย่าง คือ การประพฤติธรรมในเรื่องของช่องทางที่กระทำทางกาย วาจา ใจ ประการที่สาม คือ การประพฤติธรรมให้มีหลักความเที่ยงธรรม ความยุติธรรม ต้องไม่ลำเอียงเพราะ “รัก โกรธ หลง กลัว” ประการที่สี่ เรื่องว่าจะเอาอะไรเป็นใหญ่ ธรรมะเป็นใหญ่ “ธัมมาธิปไตย” หรือ “โลกาธิปไตย” หรือตนเองเป็นใหญ่ “อัตตาธิปไตย” คือ การพึ่งตนพึ่งธรรม และประการสุดท้าย คือ จำแนกตามสังฆคุณ 9 ประการเมื่อมีธรรมจริยาแล้ว จะทำให้เป็นมงคลได้ มีความก้าวหน้ามีการพัฒนามีความเจริญ เพราะมีการลงมือปฏิบัติ เกิดการเดินไปตามทางให้ถึงจุดหมาย นั่นจึงเป็นมงคลในชีวิต Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
11/1/2022 • 1 hour, 1 minute, 51 seconds มงคลชีวิต 16 #การให้ทาน [6543-3d] ‘ทาน’ มาจากคำว่า “ทานญฺจ หรือ ทานัญจะ” ซึ่งมีทั้งการให้เพื่ออนุเคราะห์หรือสงเคราะห์ และการให้เพื่อบูชาคือทำบุญ “สิ่งที่จะทำจิตของเราไม่ก้าวหน้า แต่เศร้าหมอง หนึ่งในหลายๆ อย่างนั้น คือ ความตระหนี่”“ทานที่ให้แล้วมีผล ยัญที่บูชาแล้ว ก็มีผล” ดังนั้น ‘ทาน’ จะมีผลอย่างไร ขึ้นอยู่ที่ของที่ให้ อยู่ที่เจตนาและศรัทธาของผู้ให้ และผู้รับ เปรียบผู้ให้ไว้กับเมล็ดพันธุ์ และผู้รับกับแปลงนา ดั่งคำว่า เนื้อนาบุญและเพราะการกำจัด การให้ การละออกไป เป็นความสามารถของจิตแบบเดียวกันกับการที่เราจะกำจัดกิเลสได้ แบบเดียวกันเพื่อที่จะให้เกิดสมาธิด้วย เกิดปัญญาด้วย ดังนั้น การให้ทานจึงเป็นพื้นฐานของศีล ของสมาธิ และของปัญญาด้วย ไล่เรียงกัน “ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา” มีผลเกี่ยวเนื่องกันเป็นตัวสนับสนุนในมงคลข้อต่อๆ ไป จนถึงนิพพานได้เลย Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
10/25/2022 • 58 minutes, 21 seconds มงคลชีวิต 15 #ทำงานไม่คั่งค้าง [6542-3d] ‘งาน’ คือ อะไรก็ได้ที่เป็นระบบ เป็นขั้นตอน มีวิธีการปฏิบัติ และจะเกิดความเป็นมงคลได้นั้น คุณธรรมในการทำงานให้สำเร็จ คือ อิทธิบาท 4การเจริญอิทธิบาท 4 ต้องเข้าใจให้ถูก ต้องมีองค์ประกอบอีก 2 อย่าง คือ “ธรรมเครื่องปรุงแต่ง” หรือเป้าหมาย และประกอบด้วย “สมาธิ” ที่จะมาเชื่อมกับกิจแต่ละอย่างๆ คือ“ฉันทะ” ความพอใจความเต็มใจ ที่ทำให้เริ่มลงมือทำ“วิริยะ” ความเพียร ความกล้า ความกระตือรือร้น ความมีระเบียบวินัย ทำให้งานสำเร็จได้“จิตตะ” ความใส่ใจ ถูกต้อง ตรวจสอบ ทำให้งานมีความต่อเนื่อง“วิมังสา” การพินิจพิเคราะห์ แยกแยะพิจารณา เปลี่ยนแปลงให้งานนั้นๆ ดีขึ้นด้วยองค์ประกอบ 3 ประการ ตั้งไว้แล้ว จะทำให้การทำการงานนั้น ไม่ย่อหย่อน ไม่เกียจคร้าน ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่สยบในภายใน แต่สำเร็จ “การงานไม่อากูล” ลุล่วงไปได้นั่นเอง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
10/18/2022 • 1 hour, 38 seconds มงคลชีวิต 14 #สงเคราะห์ภรรยา [6541-3d] “ทารสงฺคห” คือ สงเคราะห์ภรรยา ซึ่งธรรมะลักษณะนี้เป็นธรรมที่มาคู่กัน อาศัยกันจึงเกิดขึ้น ‘ภรรยา’ คือ ผู้ควรถูกเลี้ยง ‘สามี’ คือ ผู้มีธรรมเป็นใหญ่ ผู้ที่อุปการะเลี้ยงดูในที่นี้ได้จำแนกลักษณะของคู่ครองไว้ไล่มาตั้งแต่คู่ครองที่ดีได้กุศล 4 ประเภท คือ เปรียบด้วยมารดา น้องสาว สหายและทาสี และอีก 3 ประเภทที่ไม่ได้สงเคราะห์กัน คือ เปรียบด้วยเพชฌฆาต โจร และนายดังนั้นถ้าจะอยู่ร่วมกันแล้วเป็น ‘มงคล’ คือ โชคดี ทั้งสองฝ่ายต้องมีคุณธรรมต่างๆ สงเคราะห์กัน ทำหน้าที่ของตนให้ถูกต้อง เพื่อที่จะ ‘สังคหะ’ คือ “ผูก-ยึด” คน 2 คนไว้กันได้ อันนี้จะเป็นมงคลในเรือน ที่ดีย่ิงกว่าวัตถุมงคลหรือเครื่องรางของขลังใดๆ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
10/11/2022 • 1 hour, 47 seconds มงคลชีวิต 13 #สงเคราะห์เลี้ยงดูบุตร [6540-3d] “ปุตฺตสงฺหค” คือ สงเคราะห์บุตร ‘สงเคราะห์’ มาจากภาษาบาลีคำว่า ‘สงฺคห’ หมายถึง การดูแล ส่วน ‘บุตร’ มาจากภาษาบาลีคำว่า ‘ปุตฺต’ หมายถึง บุตรและธิดา ผู้ทำสกุลให้บริสุทธิ์ หรือผู้ยังดวงใจของพ่อแม่ให้เต็มอิ่มขึ้นมา ลูกแบ่งตามสภาวธรรม คือ การให้กำเนิดได้ 3 แบบ คือ ลูกที่ให้กำเนิด ลูกที่นำมาเลี้ยงดู และลูกศิษย์ และแบ่งได้ตามภูมิ คือ อภิชาตบุตร อนุชาตบุตร และอวชาตบุตร ซึ่งการสงเคราะห์บุตรเจาะจงมาในเรื่องการเลี้ยงดูอย่างไรให้ดีพ่อแม่ทำความดีแล้ว ก็ต้องเลี้ยงลูกให้ดี ด้วยองค์ประกอบ 2 ส่วน อาหารกาย และอาหารใจ ที่สำคัญคือ คุณธรรมของพ่อแม่ “ความดีความชั่วต้องรู้จักให้รู้จักป้องกัน” การเลี้ยงดู “อย่าตามใจเกินไปอย่าบังคับเกินไป” “อย่าใช้อารมณ์ อย่าใช้กิเลส แต่ใช้ความดี กันจากความชั่ว ใช้ความดีปลูกฝังความดี” สงเคราะห์ให้เขาตั้งอยู่ในธรรมได้นั่นเอง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
10/4/2022 • 1 hour, 2 minutes, 38 seconds มงคลชีวิต 12# การบำรุงบิดามารดา [6539-3d] “มาตาปิตุอุปัฏฐานัง” การบำรุงเลี้ยงดูมารดาบิดา เป็นมงคลที่เป็นลักษณะของการแสดงออกถึงความดีของเรากับคนใกล้ตัวก่อน นั่นคือ มารดาบิดา ที่เรียกว่า “อุปัฎฐานัง” คือ การอุปัฏฐากอุปถัมภ์ บำรุงเลี้ยงดูมารดาบิดา และกระทำตอบที่เหมาะสมกัน หลักๆ จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ กตัญญู (รู้คุณ) และกตเวที (การกระทำตอบความดีนั้น) หรือในหน้าที่ต่อทิศทั้ง 6 ซึ่งเวลาที่เราจะรู้คุณก็ต้องรู้ด้วยปัญญา ต้องเข้าใจให้ถึงในจิตใจของเราว่า คนๆ นี้เขามีคุณอย่างไรคือถ้าเราเข้าใจแยกแยะระหว่างคำว่า พ่อกับบิดา แม่กับมารดาได้ว่าการบำรุงเลี้ยงดูเป็นลักษณะคุณธรรมที่สำคัญของความเป็นมารดาบิดา เข้าใจในคุณธรรมของความเป็นมารดาบิดาในความเป็นพรหม คือ มีเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขาในบุตรธิดา ชนิดที่ไม่มีประมาณ ไม่มีหมด และไม่มีเงื่อนไข เข้าใจในความเป็นความเป็นบูรพาจารย์ คือ อาจารย์คนแรกที่แสดงโลกนี้แก่บุตรทั้งหลาย เข้าใจในความเป็นผู้บำรุงเลี้ยง คือ ให้เลือดหมายถึงน้ำนมให้ดื่มกิน ให้อาหารเลี้ยงดูจนเติบโตขึ้นมาได้ รักษาจากเหลือบยุงลมแดด และสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย และเพราะมีคุณธรรมมีคุณสมบัติของความเป็นมารดาบิดา ท่านจึงเป็นอาหุเนยยะบุคคลส่วนความกตเวที คือ การกระทำตอบ กระทำตอบต่อมารดาบิดาชนิดที่เหมาะสมเสมอกัน ก็คือด้วยการประดิษฐานให้ท่านมีคุณธรรมที่สูงยิ่งขึ้นไป นั่นคือ ให้ท่านมีศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญา จะเป็นคุณธรรมที่ทำให้ไปเป็นเทวดา เกิดในสุคติได้ ซึ่งในคุณธรรมทั้ง 4 ข้อนี้ มีความหมายที่ลึกซึ้งของการดำรงวงศ์สกุล วงศ์ในที่นี้เราหมายถึงอริยวงศ์ หมายถึงศากยวงศ์ คือ วงศ์ของผู้ที่หนักแน่น หนักแน่นในความดี วงศ์ของผู้ประเสริฐ มีคุณธรรมของผู้ประเสริฐเขาจะมีกัน เพราะฉะนั้นการกระทำตอบที่เหมาะสม คือ นอกจากการบำรุงเลี้ยงดูท่านแล้ว หยั่งให้ท่านตั้งอยู่ในความดี และในการที่จะให้ท่านอยู่ในความดีเราก็ต้องมีความดีด้วยเช่นกัน Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
9/27/2022 • 1 hour, 33 seconds มงคลชีวิต 11 # มีวาจาสุภาษิต [6538-3d] ‘วาจา’ มีทั้งที่เป็นสุภาษิต และทุพภาษิต อย่างไรก็ตาม การฝึกให้มี ‘วาจาสุภาษิต’ วาจาที่ไม่มีโทษ จะก่อให้เกิดอานิสงส์ และมงคลแก่ชีวิตของเราได้โดยในอังคุตตรนิกาย ‘วาจาสูตร’ นั้นมีองค์ 5 ประการ ได้แก่ พูดถูกกาล พูดคำจริง พูดคำอ่อนหวาน พูดคำประกอบด้วยประโยชน์ และพูดด้วยเมตตาจิต‘พูดถูกกาล’ นั้น ต้องพิจารณาถึง เวลา สถานการณ์ และสถานที่ที่จะพูด‘พูดคำจริง พูดคำอ่อนหวาน และพูดคำประกอบด้วยประโยชน์’ นั้น เป็นส่วนของคำพูด ซึ่งต้องพิจารณาใคร่ครวญ ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังจากที่พูดไปแล้วด้วย ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ต่อตนเอง และผู้อื่นและ ‘พูดด้วยเมตตาจิต’ นั้น เป็นเจตนาให้ผู้ฟังได้ดี ได้ประโยชน์โดยไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทน คือ มีเมตตาจิตเป็นพื้นฐาน ซึ่งยังรวมถึง เจตนาที่จะไม่พูดโกหก ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดยุยงให้แตกกัน และไม่พูดเพ้อเจ้อ อีกด้วย Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
9/20/2022 • 1 hour, 1 minute, 17 seconds มงคลชีวิต 10 # มีวินัยดี [6537-3d] การมีวินัยดี ทางโลก ได้แก่ การปฏิบัติตาม กฎกติกา กฎหมาย เป็นต้น ส่วนทางธรรมนั้น ได้แก่ การตั้งอยู่ในศีลนั่นเองการมีวินัยดี คือ ตั้งอยู่ในศีล นอกจากจะเป็นประโยชน์แก่ตน และส่วนรวมให้เกิดความเลื่อมใส ความผาสุก ยังเป็นอริยทรัพย์ และช่วยให้พระสัทธรรมตั้งมั่นอยู่ได้นานอีกด้วย‘วินัย คือ ศีล นำไปดี นำไปแจ้ง นำไปต่าง’ เพราะคนธรรมดา เป็นคนที่ดีได้ หากตั้งอยู่ในศีล พระปลอมหรือพระจริง ก็แจ้งชัดได้ด้วยศีล นักเลงหรือตำรวจ ก็แยกต่างกันได้ด้วยศีล นั่นเอง# มงคลคาถากลุ่ม 3 ฝึกให้เป็นคนมีประโยชน์ทางกาย คือ ข้อ 7 ศึกษาให้มาก เป็นพหูสูต ข้อ 8 แล้วฝึกฝนจนชำนาญเป็นศิลปอาชีพ และข้อ 9 ทำอาชีพของตนนี้ ให้อยู่ภายใต้วินัยที่ดี คือ ศีล นั่นจะทำให้ชีวิตเราเป็นมงคลได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
9/13/2022 • 1 hour, 50 seconds มงคลชีวิต 9 # มีศิลปวิทยา [6536-3d] ‘สิปฺปญฺจ หรือ ศิลปะ’ หมายถึง การมีความชำนาญ หรือทักษะในงานของตน หรือ ‘หัตถโกศล’ คือ ฉลาดลงมือทำด้วยตนเองความเป็นมงคลในชีวิต คือ การเล่าเรียนวิชาต่าง ๆ (พหูสูต) แล้วนำไปประกอบเลี้ยงชีพ (ศิลปะ) ให้ประสบความสำเร็จในชีวิต(ผล) ที่ดีได้ ในทางธรรมก็เช่นกัน เราต้องมีทั้งปริยัติ (ศึกษา) ปฎิบัติภาวนา (ฝึกทักษะ) เพื่อให้เกิด ปฎิเวธ (ปัญญา) ได้นั่นเองนอกจากนี้ ศิลปะยังต่างจากสัมมาอาชีวะในอริยมรรค 8 ที่หมายถึงการดำเนินชีวิตชอบด้วยทั้งนี้ เราต้องอาศัยศรัทธา ความเพียร ความมีอาพาธน้อย การไม่โอ้อวดไม่มีมายา และปัญญา รวมทั้งบัณฑิต เพื่อชี้ให้เห็นช่องทาง เพื่อพัฒนาศิลปะของเราให้สูงยิ่งๆ ขึ้นไป Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
9/6/2022 • 1 hour, 3 minutes, 3 seconds มงคลชีวิต 8 # พหูสูต [6535-3d] ‘พาหุสัจจะ’ หรือ ‘พหูสูต' ได้แก่ ผู้ที่ได้สดับฟังมาก ซึ่งผู้ที่อาศัยการฟ ังบ่อยๆ แล้วนำข้อมูลนั้น มาพิจารณาใคร่ครวญโดยแยบคาย จะสามารถก่อให้เกิดปัญญาได้ ดังนั้น ‘พหูสูต' จึงมีปรากฎอยู่ในธรรมหลายหมวดมากการเรียนรู้ที่ดี ต้องเรียนรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม คือ นอกจากเพื่อการหาเลี้ยงทางกายแล้ว จิตใจก็ควรตั้งอยู่ในศีล สมาธิ และปัญญา ด้วยทั้งนี้ ท่านพระอานนท์ ผู้เป็นเลิศในด้านพหูสูต ได้กล่าวถึง คุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นพหูสูตคือ ต้องเป็นผู้ฉลาดในอรรถ ในธรรม ในพยัญชนะ ในนิรุตติ และฉลาดในเบื้องต้นและเบื้องปลาย นั่นเอง#มงคลคาถากลุ่มที่ 3 ข้อ 7 พาหุสัจจะ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
8/30/2022 • 1 hour, 1 minute, 41 seconds มงคลชีวิต 7 # ตั้งตนไว้ชอบ [6534-3d] ‘อตฺตสมฺมาปณิธิ จ’ หมายถึง ตั้งตนไว้ชอบ ในที่นี้คือ การตั้งจิต เพื่อรักษากาย และจิตใจ ให้อยู่ในทางที่เป็นกุศลธรรมในปัจจุบัน ซึ่งท่านพระพุทธเจ้าได้ทรงชี้ทางที่ปลอดภัยไว้ให้แล้ว คือ อริยมรรคมีองค์ 8 ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา นั่นเองการ ‘ตั้งจิตไว้ถูก’ ไม่ว่าจะเจอผัสสะที่น่าพอใจหรือไม่ นั่นจึงเป็นมงคล ท่านยังทรงตรัสให้เรานึกถึงศีล นึกถึงโสตาปัตติยังคะ 4 ให้มีปีติ สุข อันเกิดจากศรัทธาที่หยั่งลงมั่นไม่หวั่นไหว ซึ่งจะช่วยให้ชนะอุปสรรคได้ เช่นกัน ทั้งนี้ ผู้ที่ ‘ตั้งตนไว้ชอบแล้ว’ จะยังผลให้เกิดแก่ตนเองทั้ง ชั้นต้น ชั้นกลาง และชั้นสูงสุด ได้แน่นอนอนึ่ง การมีวาสนามาก่อนนั้น ทำให้เราได้เกิดเป็นมนุษย์ การอยู่ในปฏิรูปเทศ คือ มีสิ่งแวดล้อมที่ดี มีธรรมให้ฟัง และการตั้งตนชอบ เช่น การฟังธรรม แทนฟังเพลง นี่คือ เรามีมงคลข้อ 4-6 แล้วนั่นเอง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
8/23/2022 • 1 hour, 2 minutes, 42 seconds มงคลชีวิต 6 # มีบุญวาสนา [6533-3d] ท่านพระพุทธเจ้าทรงตรัสสอน “ปุพฺเพ จ กตปุญฺญตา” ทำความดีไว้ก่อน เพราะ ‘บุญ’ เป็นชื่อของความสุขบาปที่สะสมไว้ เรียกว่า ‘อาสวะ’ ตรงข้ามกับ บุญที่สะสมไว้ๆ เรียกว่า ‘วาสนา’ ผู้ไม่ประมาทจึงต้องสะสมบุญความดีไว้ให้มาก จนเป็นวาสนา เพื่อผลในปัจจุบัน และต่อๆ ไป เหมือนดอกเบี้ยทบต้นทั้งนี้ ‘การทำดี’ (บุญกิริยาวัตถุ 10) ทำได้หลายทาง โดยกล่าวไว้ 2 นัยยะ นัยยะแรก คือ ทางกาย 3 วาจา 4 และใจ 3 และอีกนัยยะ คือ ทาน ศีล ภาวนา ความอ่อนน้อม การช่วยเหลือผู้อื่นด้วยแรง และปัญญา การแผ่อุทิศส่วนบุญ การอนุโมทนาบุญ การฟังธรรม การสอนธรรม และการทำความเห็นให้ตรง นอกจากนี้ ในกัมมวิภังคสูตร ยังอธิบายถึงลักษณะของ อายุ หน้าตา ยศ ฐานะ เป็นต้น ที่เป็นผลของการสะสมบุญวาสนามานั่นเอง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
8/16/2022 • 59 minutes, 23 seconds มงคลชีวิต 5 # อยู่ถิ่นที่เหมาะสม [6532-3d] ‘อยู่ในปฎิรูปเทส’ หมายถึง อยู่ในถิ่นที่มีสิ่งแวดล้อมดี เหมาะสมโดยเราสามารถเลือกถิ่นที่อยู่ที่เหมาะสม หรือทำถิ่นที่อยู่นั้นให้เหมาะสมขึ้นมา ให้ร่างกาย และจิตใจของเราเกิดความสบาย จุดประสงค์เพื่อให้สามารถตั้งอยู่ในธรรม และบรรลุธรรมได้นั่นเองในที่นี้ ท่านจึงให้พิจารณาเรื่อง ‘สัปปายะ 4’ ได้แก่ ที่อยู่ อาหาร บุคคล และธรรมะ รวมทั้ง ‘สัปปายะ 7’ ซึ่งเพิ่มในส่วน ที่โคจร การพูดคุย ดินฟ้าอากาศ และอิริยาบถ รวมถึงเรื่อง ‘อนุตริยะ 6’ ได้แก่ การเห็น การฟัง การได้มีศรัทธา การศึกษา การบำรุง และการตามระลึกในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ด้วย นั่นจึงจะเป็นถิ่นที่อยู่ที่เลิศทีเดียว(มงคลฯ กลุ่มที่ 2 ข้อ 4-6 คือ อยู่ในปฏิรูปเทส ทำความดีให้พร้อมไว้ก่อน และตั้งตนไว้ชอบ) Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
8/9/2022 • 1 hour, 40 seconds มงคลชีวิต 4 # สิ่งที่ควรบูชา [6531-3d] ‘ปูชา จ ปูชนียานํ’ การบูชาสิ่งที่ควรบูชา ในทางพุทธศาสนา ได้แก่ การบูชาในพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบการบูชาจำแนกได้ 4 รูปแบบ เริ่มจาก การชื่นชอบในการคบหาบัณฑิตนั้น นับเป็นการบูชาอย่างหนึ่ง คือ ‘ปัคคัณหะ’ เมื่อชื่นชอบจึงมีการนำธูปเทียน ของหอม และสิ่งของไป ‘สักการะ’ เป็นอามิสบูชา และเมื่อมี ‘สัมมานะ’ คือ ศรัทธาตั้งมั่น จึงมีการ ‘ปฏิบัติบูชา’ ในที่สุด‘การบูชา’ ไม่ใช่ ‘ความงมงาย’ การเตรียมเครื่องบูชานั้น เป็นเหมือนอุปกรณ์ เป็นเหมือนเครื่องนำ ทำให้จิตใจของเรามีความนิ่มนวล เกิดความดีงามขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ ‘ความกตัญญู’ ก็ต่างจาก ‘การบูชา’ การกระทำตอบจึงควรยึดหลักศีลธรรมเป็นพื้นฐานทั้งนี้ การบูชายังเกิดอานิสงส์ คือ เป็นการไล่เสนียด ป้องกันการหลงผิด อบรมจิตให้ดีขึ้น และผลในทางปาฎิหาริย์อีกด้วย Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
8/2/2022 • 1 hour, 1 minute, 39 seconds มงคลชีวิต 3 # คบบัณฑิต [6530-3d] การ ‘คบบัณฑิต’ เป็นมงคลชีวิตข้อที่สอง โดย ‘บัณฑิต’ ใน พาลบัณฑิตสูตร มีลักษณะ 3 อย่าง คือ มักคิดความคิดที่ดี มักพูดคำพูดที่ดี มักทำการทำที่ดี หรือ กุศลกรรมบท 10 นั่นเองการ ‘คบบัณฑิต’ นั้น ก็คือ การรับแนวความคิด แนวการปฏิบัติ รวมถึงการให้การสนับสนุน และทำไปในแนวทางเดียวกัน โดยผู้ที่สามารถแยกแยะ ‘รู้สิ่งที่ผิด–รู้สิ่งที่ถูก’ ได้นั้น ถือว่าเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติของบัณฑิต สามารถฝึกพัฒนาตนให้ยิ่งขึ้นได้ ทั้งนี้ ผู้ที่ฝึกฝนตนให้ คิด พูด ทำดี ได้เป็นปกตินั้น จึงเป็นบัณฑิต ผู้รู้ประโยชน์ ทั้งในปัจจุบัน ในเวลาต่อมา และที่สุดอีกด้วยอนึ่ง มงคลชีวิต 38 ประการ ได้แบ่งออกเป็น 10 คาถา (บทร้อยกรอง) ดังนี้ 1. ดูวงนอก ผู้อื่น (มงคลฯ ข้อที่ 1-3), 2. ดูวงใน สร้างความพร้อมในตน (ข้อ 4-6), 3. ฝึกตนให้มีประโยชน์ (ข้อ 7-10), 4. ทำประโยชน์ต่อครอบครัว (ข้อ 11-14), 5. ทำประโยชน์ต่อสังคม (ข้อ 15-18), 6. ปรับสภาพจิตใจให้พร้อม (ข้อ 19-21), 7. แสวงหาธรรมเบื้องต้น (ข้อ 22-26), 8. แสวงหาธรรมเบื้องสูง (ข้อ 27-30), 9. ฝึกทำกิเลสให้สิ้นไป (ข้อ 31-32), 10. เรื่องของปัญญา (ข้อที่ 33-38)ทั้งนี้ คาถากลุ่มแรกคือ ไม่คบคนพาล, คบบัณฑิต และบูชาคนที่ควรบูชา ซึ่งการบูชานั้นมี 4 รูปแบบ เริ่มจากปัคคัณหะ (การยกย่อง) และอีก 3 แบบ จะกล่าวในตอนต่อไป Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
7/26/2022 • 1 hour, 1 minute, 35 seconds มงคลชีวิต 2 # ไม่คบคนพาล [6529-3d] ‘ไม่คบคนพาล’ เป็นมงคลข้อแรก ที่ท่านพระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ เพื่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้า เกิดความดีขึ้นในชีวิตเพราะความพาลนั้น คล้ายดั่งเชื้อโรค ติดต่อกันได้ การคบคนพาล จึงจะทำให้ความคิด การพูด หรือการกระทำของเราเป็นไปในทางอกุศลได้‘คนพาล’ จะมีลักษณะ 5 ประการคือ จะชักนำไปในทางที่ผิด เห็นผิดเป็นชอบ ทำในสิ่งที่ธุระไม่ใช่ พูดดีๆ ด้วยก็โกรธ และไม่รับรู้ระเบียบวินัย ทั้งนี้ แยกแยะได้ โดยเราพิจารณาจาก กุศลธรรม เป็นที่ตั้งแน่นอนว่า บางครั้งเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเจอกับคนพาล และจำเป็นต้องอยู่ใกล้กัน แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องคบหาเสวนาด้วย ทั้งนี้ การ ‘เลือกคบบัณฑิต’ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดี ซึ่งจะขอกล่าวในตอนต่อไป Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
7/19/2022 • 59 minutes, 32 seconds มงคลชีวิต 1 # การดำเนินชีวิตที่เป็นมงคล [6528-3d] ‘มงคล’ หมายถึง ธรรมที่จะนำมาซึ่งความเจริญในชีวิต ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านทรงประกาศไว้ 38 ประการ เป็นสิ่งที่ต้องลงมือทำเอง ทั้งกาย วาจา และใจ ไปตามลำดับ โดยจะจัดทำเป็น‘ซีรีส์มงคลชีวิต’ ไว้ สำหรับพรรษากาลปีนี้มงคลข้อแรก คือ ‘การไม่คบคนพาล’ ได้แก่ ผู้ที่มีกำลังความดีน้อย ไม่เกี่ยวกับกำลังกาย หรือกำลังความรู้ โดยใน ‘พาลบัณฑิตสูตร’ กล่าวถึง เครื่องหมายที่เห็นได้ชัด 3 ประการ คือ ความคิด คำพูด และการกระทำที่มักจะเป็นสิ่งที่ไม่ดี หรืออกุศลกรรมบท 10 นั่นเอง ซึ่งก็จะตรงข้ามกับบัณฑิตนอกจากนี้ ใน ‘อกิตติชาดก’ ยังอธิบายคนพาลไว้ว่า มีลักษณะ 5 ประการ คือ คนพาลมักจะชักนำไปในทางที่ผิด, มักทำในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ, มักจะเห็นผิดเป็นชอบ, ถึงพูดดีให้ก็โกรธ และไม่รับรู้ระเบียบวินัย ซึ่งจะอธิบายในตอนหน้าต่อไป Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
7/12/2022 • 1 hour, 2 minutes, 31 seconds ลักษณะคำสอนของพระพุทธเจ้า [6527-3d] ‘สวากขาตธรรม’ เป็นพระธรรมคำสอนที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ มีลักษณะ 3 ประการคือ 1. เป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง 2. ประกอบด้วยเหตุผลพร้อม และ 3. ทำให้เกิดความน่าอัศจรรย์โดยแบ่งเป็น พระธรรมและพระวินัย เป็นการแสดง เทศนาและสัจจะ ที่มีทั้ง สมมติและปรมัตถ์ ควบคู่กัน โดยอาจยกบุคคลหรือสภาวะธรรมขึ้นอธิบาย พร้อมอัตถะ คือ ความหมายตรงหรือที่ซ่อนอยู่ ทั้งนี้ คำสอนมีทั้งปริยัติและปฎิบัติ สอดคล้องตามกิจในพระศาสนา คือ คันถธุระและวิปัสสนาธุระ นั่นเอง โดยคำสอนทั้งหมดรวมเรียกว่า นวังคสัตถุสาสน์ มี 9 ประเภทด้วยกัน ซึ่งสามารถกล่าวโดยสรุปแก่เหล่าพุทธบริษัท เป็นพุทธโอวาท 3 คือ “ไม่ทำความชั่วทั้งปวง ทำแต่ความดี และทำใจของตนให้สะอาดบริสุทธิ์”นอกจากนี้ ท่านพระพุทธเจ้ายังทรงบัญญัติ ลักษณะตัดสินธรรมวินัย 7 และ 8 ประการไว้ด้วย ที่เหมือนกัน คือ เป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด เป็นต้น ทั้งนี้ ก็เพื่อป้องกันอาสวะ โทษภัย และอกุศลที่จะเกิดในปัจจุบันหรืออนาคต และเพื่อความผาสุก ความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม ฯลฯ นั่นเอง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
7/5/2022 • 59 minutes, 12 seconds อธิษฐาน 4 พละ 4 [6526-3d] การจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้เกิดความสำเร็จขึ้นได้ ต้องอาศัยความตั้งใจมั่นอย่างแรงกล้า ในทีฆนิกาย กล่าวถึง ‘อธิษฐาน’ ซึ่งไม่ใช่การร้องขอ แต่หมายถึง ธรรม 4 ประการ ที่ควรตั้งมั่นไว้ในใจ ได้แก่ ปัญญา (ใช้พิจารณา) สัจจะ (ทำให้เกิดขึ้นจริง) จาคะ (สละความเคยชินที่ไม่ดีออก) และอุปสมะ (ความสงบ)ซึ่งสัมพันธ์กับหมวดธรรมในอังคุตรนิกาย ที่กล่าวถึง ‘พละ 4’ คือ กำลัง ได้แก่ ปัญญาพละ (ปัญญา) วิริยพละ (ความเพียร) อนวัชชพละ (กรรมที่ไม่มีโทษ) และสังคหพละ (การสงเคราะห์)กล่าวคือ ‘อธิษฐาน 4’ และ ‘พละ 4’ นั้น เริ่มจากปัญญาเหมือนกัน อาทิ เห็นสิ่งที่เป็นกุศล-อกุศล คุณ-โทษ เกิด-ดับ เป็นต้น โดยสามารถตั้ง ‘อธิษฐาน’ เป็นวิริยพละ หรือนำ ‘พละ’ ไปเกื้อหนุนอธิษฐานในการทำสิ่งนั้น ที่เป็นกุศลด้วยกาย วาจา และใจ ให้สำเร็จเป็นจริงขึ้นมาได้ ยิ่งกว่านั้น ผู้ที่มีพละ 4 นี้ จะทำให้ไม่หวั่นไหวต่อภัย 5 ประการในการดำเนินชีวิตอีกด้วย Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
6/28/2022 • 58 minutes, 7 seconds ตัณหาเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ ในสังยุตตนิกายได้อธิบายถึงตัณหา 2 ได้แก่ ตัณหาให้เกิดการแสวงหา และตัณหาให้เกิดอุปาทาน ที่อาศัยเหตุเป็นไป จนเกิดเป็นบาปอกุศลได้กล่าวคือ เพราะมีตัณหาจึงทำให้เกิดการแสวงหา และเมื่อหามาได้ จะมีการปลงใจรัก ความกำหนัดพอใจ สยบมัวเมา จับอกจับใจ และจึงเกิดความตระหนี่ หวงกั้นขึ้นโดยเริ่มจากใจ ขยายไปทางกาย วาจา ให้เกิดอกุศลธรรมได้ รวมถึงเกิดอุปาทาน 4 คือ กามุปาทาน ทิฏฐุปาทาน สีลัพพัตตุปาทาน และอัตตวาทุปาทาน อันก่อให้เกิดภพ เกิดชาติ ฯลฯ เพราะความยึดถือต่อไปด้วยอย่างไรก็ตาม ตัณหาทุกอย่างนั้นเกิดจากเวทนา และเวทนานั้นเกิดจากผัสสะ ดังนั้น จึงต้องใช้ ‘สติ’ มีสติรู้แต่ไม่ตามผัสสะ เวทนาก็จะไม่เกิด เมื่อเวทนาไม่เกิด ตัณหาก็เกิดขึ้นไม่ได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
6/21/2022 • 58 minutes, 31 seconds การฝึก ‘การทำให้มีกำลังในสมาธิ’ และ ‘การทำจิตให้อยู่ในอำนาจ’ ในอังคุตตรนิกายหมวด 6 และ 7 นั้น มีความสอดคล้องในการปฏิบัติ จึงนำมารวมกันได้ 8 ประการ คือ (1) ฉลาดในสมาธิ หมายถึง ความชำนาญ แตกฉานในองค์ประกอบต่างๆ ของสมาธิที่รวมกันเป็นหนึ่งนั้น (2-4) ฉลาดในการเข้า-ดำรงอยู่-ออกจากสมาธิในแต่ละขั้นๆ ในทุกอิริยาบถ ทั้งนี้ การเข้าสมาธิได้ง่าย ต้องอาศัยความอดทน มีสติไม่ไปตามผัสสะต่างๆ ที่มากระทบ (5) ฉลาดในความเหมาะสมแห่งสมาธิ คือ เจริญสมถะ วิปัสสนา อุเบกขา หรือโพชฌงค์ 7 ตามสถานการณ์ (6) ฉลาดในธรรมเป็นที่โคจร ที่เอื้อต่อสมาธิ เช่น ศีล และศีลที่เป็นไปเพื่อสมาธิ (7) ฉลาดในการทำสมาธิโดยติดต่อ คือ เพียรรักษาสมาธิไว้ตลอดเวลา และ (8) ฉลาดในอภินิหารแห่งสมาธิ คือ ปัญญา นั้นเอง เหมือนฝึกกีฬาให้มีความชำนาญขึ้นๆ เราก็จะเป็นผู้ถึงความมีกำลังในสมาธิ มีอำนาจเหนือจิตได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
6/14/2022 • 59 minutes, 25 seconds อนาคตภัย 5 ประการ [6523-3d] ภัยในอนาคต 5 ประการ ได้แก่ ความแก่ชรา ความป่วย การเกิดทุพภิกขภัย สงคราม และสมัยที่สงฆ์แตกกันท่านพระพุทธเจ้าทรงเตือนไว้ เราควรร้อนใจในการเร่งทำความเพียรตอนนี้ ด้วยการเจริญมรรค 8 เพื่อให้เกิด ‘ปัญญา’ เป็นอันดับสูงสุด ซึ่งจิตจะมีปัญญาได้ ต้องมี ‘สติรักษาจิตให้เป็นสมาธิ’ ไม่ให้ไปเสวยอารมณ์ต่างๆ ทั้งสุขหรือทุกข์ และไม่สุขไม่ทุกข์ พิจารณาเห็นเวทนาเป็นของไม่เที่ยง ไม่ควรยึดถือ ตัดความยึดถือ คือ อุปาทาน นั้นด้วยปัญญา ‘แยกกายแยกจิตออกจากกัน’อนาคตเมื่อร่างกายเกิดทุกข์ เพราะความชรา เจ็บป่วยบ้าง ยากต่อการอยู่อย่างสงบ เพราะอาหารขาดแคลน หรือสงครามบ้าง หรือเพราะสงฆ์ และคำสอนที่ผิดเพี้ยนไปบ้าง เราก็จะยังอยู่ผาสุกได้ด้วย ‘จิตที่มีปัญญา’ นี้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
6/7/2022 • 58 minutes, 32 seconds สิ่งที่ควรเคารพ 6 ประการ [6522-3d] คารวะ หมายถึง การทำความเคารพ เพราะตระหนักเห็นถึงคุณค่า และความสำคัญในสิ่งนั้นโดยในอังคุตตรนิกายกล่าวถึง ‘คารวตา’ มี 6 ประการ ได้แก่ สัตถุคารวตา ธัมมคารวตา สังฆคารวตา คือ ความเคารพในพระพุทธเจ้า และการตรัสรู้ของพระองค์ ในพระธรรมที่พระองค์ทรงประกาศไว้ด้วยปัญญาอันยิ่ง และในหมู่สงฆ์ผู้ปฏิบัติชอบ นอกจากนี้ ยังมี สิกขาคารวตา อัปปมาทคารวตา และปฏิสันถารคารวตา คือ ความเคารพในการศึกษา ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ให้อยู่ในกรอบของศีล สมาธิ ปัญญา ในความไม่ประมาทด้วยการมีสติ และในปฏิสันถารต่อผู้อื่นด้วยการพูดที่ดี‘คารวตา 6’ นี้ เป็นสิ่งที่เราควรใส่ใจ เพราะการตระหนักรู้ถึงคุณค่า และการปฎิบัติต่อด้วยความเคารพหนักแน่นนั้น เป็นบุญ เป็นปัญญา เป็นการเพิ่มคุณค่า คือ คุณธรรมให้กับตนเอง เป็นการเคารพต่อตนเองด้วย นั่นเอง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
5/31/2022 • 57 minutes, 26 seconds ธรรมที่เป็นที่พึ่ง [6521-3d] ‘นาถกรณธรรม’ เป็นธรรมหมวด 10 ในอังคุตรนิกาย กล่าวถึง ธรรมที่เป็นที่พึ่ง 10 ประการด้วยกันการที่เราน้อมระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งนั้น ไม่ใช่ด้วยการสวดมนต์ อ้อนวอนเท่านั้น แต่รวมถึงการที่เราต้องประกอบตนให้มีคุณธรรม คือ ‘นาถกรณธรรม’ นี้ เพื่อให้เกิดปัญญาในการชำแรกกิเลสด้วยทั้งนี้ ปัญญาจะเกิดขึ้นได้ ต้องมีคุณธรรมต่างๆ มาประกอบเช่นกัน เริ่มจากต้องมี ศีล ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุด การฟังธรรมให้มาก มีกัลยาณมิตร เป็นผู้ว่าง่าย ใส่ใจการงาน ใคร่ในธรรมเพื่อต่อยอดความรู้ ปรารภความเพียร สันโดษ มีสติ และเกิดปัญญา ในการเห็นการเกิด-ดับ เพื่อละวางความยึดถือ ให้ถึงความสิ้นทุกข์ได้ นี้จึงเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
5/24/2022 • 58 minutes, 1 second คำพูดที่ควรกล่าว [6520-3d] คำพูดเป็นสิ่งสำคัญ ท่านพระพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติไว้ถึง ‘กถาวัตถุ 10’ คือ เรื่องที่ควรพูด นอกเหนือจาก คำพูดที่เว้นขาดจากการพูดโกหก ส่อเสียด หยาบคาย และพูดเพ้อเจ้อและ ‘อักโกสวัตถุ 10’ คือ เรื่องที่ไม่ควรพูด เพราะไม่มีประโยชน์ และทำความเจ็บช้ำน้ำใจแก่ผู้อื่น ได้แก่ ชาติกำเนิด ชื่อ โคตร อาชีพ ศิลปะ (ฝีมือ) โรค รูปพรรณสัณฐาน กิเลส อาบัติ และคำสบประมาทอื่น ๆส่วน ‘กถาวัตถุ 10’ เรื่องที่สมควรพูด ได้แก่ ถ้อยคำให้เกิดความมักน้อย คือ ไม่โอ้อวด ความสันโดษ เกิดความสงัด ไม่คลุกคลีด้วยหมู่ ปรารภความเพียร ให้ตั้งอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ และวิมุตติญาณทัสสนะซึ่งการพูด ‘กถาวัตถุ 10’ ให้ถูกคน ถูกที่ ถูกเวลาได้นั้น นอกจากจะเป็นสัมมาวาจาแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างสัมมาสติ สัมมาวายามะ และสัมมาทิฐิ คือ ความเห็นชอบ ไปตามทางมรรค 8 พร้อมกันอีกด้วย Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
5/17/2022 • 1 hour, 26 seconds ปัญญาจัดเป็นอันดับสูงสุด จะเกิดขึ้นได้ก็จากคุณธรรมต่างๆ มาประกอบเข้าด้วยกัน อย่างเป็นขั้นตอน ซึ่งคุณธรรมที่จะทำความแกล้วกล้า เพื่อให้เกิดปัญญา ท่านกล่าวถึง เวสารัชชกรณธรรม 5 ได้แก่1. ศรัทธา ความมั่นใจในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ในหลักคำสอน และในหมู่สงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ2. ศีล ความเป็นปกติ ในที่นี้รวมถึง การมีวินัยด้วย เช่น การตื่นเช้า การประมาณในการบริโภค เป็นต้น3. พาหุสัจจะ การเป็นผู้ศึกษาให้มากทั้งใน และนอกระบบ4. วิริยารัมภะ การลงมือทำจริง ด้วยความมีสติแยกแยะ และจิตที่ตั้งมั่นเป็นสมาธิ5. ปัญญา ความรอบรู้ อันเกิดจากการเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติจริงและจากปัญญาที่เกิดนี้ ก็จะก่อให้เกิดผลสะท้อนกลับ (feedback loop) นั่นคือ ศรัทธาที่เพิ่มมากขึ้น วนไปอีก สังเกตุ ปรับ พัฒนา ก็จะทำให้ปัญญาของเราแหลมคมยิ่งขึ้น เห็นตามความเป็นจริงได้ จนถึงที่สุด Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
5/10/2022 • 59 minutes, 36 seconds คุณสมบัติของคนดี [6518-3d] ‘สัตบุรุษ หรือสัปปบุรุษ’ หมายถึง คนดี เป็นผู้ประกอบด้วยสัทธรรม ตามจูฬปุณณมสูตร คือ ผู้มี ‘ศรัทธา หิริ โอตัปปะ พหูสูต ความเพียร สติมั่นคง และปัญญา’ โดยทั่วไป เราจะพิจารณาว่าใครเป็นคนดี ก็โดยเทียบจากคุณธรรมที่กล่าวนี้ จากมิตรสหายที่บุคคลนั้นคบหา จากความคิด การให้คำปรึกษา วาจา 4 การกระทำ ทิฐิความเห็น และทานที่ให้นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของ ‘อุบาสกธรรม 7’ คือ คุณสมบัติของชาวพุทธที่ดี และ ‘กัลยาณมิตรธรรม 7’ คือ คุณสมบัติของมิตรแท้ และ ‘สัปปุริสธรรม 7’ ในธัมมัญญูสูตร อันเป็นคุณสมบัติของสัตบุรุษ ที่เปรียบดั่งคุณธรรมของพระเจ้าจักรพรรดิคุณธรรมเหล่านี้ ศึกษาเพื่อเป็นบรรทัดฐาน พัฒนาจุดที่ยังมีน้อยอยู่ หรือหากมีคุณสมบัติเหล่านี้แล้ว ก็รักษาคงไว้เพื่อความดีงาม และความเจริญต่อไป Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
5/3/2022 • 58 minutes, 19 seconds อริยบุคคลผู้อยู่ด้วยความประมาท [6517-3d] ในธรรมวินัยนี้ อริยบุคคล แปลว่า คนประเสริฐ หมายถึง ผู้ที่ประกอบด้วยโสตาปัตติยังคะ 4 ดำเนินไปตามมรรค 8อย่างไรก็ตาม ในนันทิยสูตร ท่านพระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า อริยบุคคลผู้ซึ่งพอใจเพียงโสตาปัตติยังคะ 4 เท่านั้น นับว่ายังประมาทอยู่ และกล่าวถึงอริยบุคคลผู้ไม่ประมาทว่า คือ ผู้ที่พยายามทำให้ยิ่งขึ้นไป ด้วยการปวิเวกในเวลากลางวัน หลีกเร้นในเวลากลางคืน จิตสงบเป็นสมาธิ มีสติปัฎฐาน 4 โพชฌงค์ 7 เป็นต้น เพื่อการตรัสรู้ธรรมที่ยิ่งขึ้นไป จนถึงที่สุดแห่งธรรมทั้งนี้ อริยบุคคลแบ่งออกเป็น 7 ประเภท ได้แก่ ธัมมานุสารี สัทธานุสารี คือ โสดาปัตติมรรค ด้วยความไม่ประมาทแล้วพัฒนาขึ้นเป็น กายสักขี ทิฏฐิปปัตตะ สัทธาวิมุต ก็คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี และพระอนาคามี ในขั้นผล และที่สุดได้แก่ อุภโตภาควิมุต ปัญญาวิมุต ซึ่งก็คือ พระอรหันต์ ตามลำดับ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
ห้ายุคพุทธศาสนา [6516-3d] เป็นเรื่องราวในส่วนของเถรคาถา กล่าวถึงยุคของพุทธศาสนาตามนัยในพระไตรปิฏก โดยอธิบายแบ่งไว้เป็น 5 ยุค ได้แก่ วิมุตติยุค สมาธิยุค ศีลยุค สุตยุค และทานยุคเริ่มตั้งแต่วิมุตติยุค คือ สมัยที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ที่ผู้คนสมัยนั้นบรรลุธรรมได้โดยง่าย ต่อมาการเริ่มมีวัดในชุมชน ต่อมาเป็นการปฎิบัติที่เน้นไปในเรื่องของศีล การเกิดสัทธรรมปฎิรูป จนถึงทานยุคที่เน้นการให้ทานอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเราจะอยู่ในยุคสมัยใดก็ตาม ด้วยทิฐิที่ถูกต้อง และด้วยการปฏิบัติ เริ่มจากการให้ทาน การฟังธรรม การรักษาศีล การเจริญสมาธิ และพัฒนาจนเกิดเป็นปัญญา ให้ถึงวิมุตติอันเป็นแก่นของพุทธศาสนา นั่นก็เท่ากับเราได้สร้างยุคต่างๆ เหล่านี้ให้เจริญขึ้นแล้วในใจของเรานั่นเอง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
4/20/2022 • 1 hour, 1 minute, 46 seconds สิ่งต้องมี ที่ตั้งอาศัย [6515-3d] ท่านพระพุทธเจ้าได้ทรงประทานโอกาส หรือแนวทางไว้ เพื่อให้เราสามารถพัฒนาธรรมในจิตใจของเราให้เกิดปัญญาสูงสุดได้ ทั้งนี้ เราต้องเข้าใจในหลักการ 3 ข้อคือ 1.ทุกอย่างมีเหตุมีผลเสมอ 2. ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ 3. พัฒนาสิ่งที่เป็นประโยชน์‘ธรรมเป็นสิ่งต้องมีที่ตั้งอาศัย’ กล่าวคือ ศีลมีอินทรีย์สังวร และหิริโอตัปปะเป็นที่ตั้ง และศีลเองก็เป็นที่ตั้งอาศัยของธรรมที่ทำให้สามารถรู้เห็นตามความเป็นจริงได้ นอกจากนี้ ยังกล่าวถึง ‘การปลูกศรัทธา’ เพื่อให้เราตั้งตนอยู่ในธรรมและอุปนิสสูตรกล่าวถึง การทำนิพพานให้แจ้งตามหลักปฏิจจสมุปบาท ไปจนถึง ศรัทธานี้มีทุกข์เป็นที่ตั้งอาศัย และศรัทธาก็เป็นที่ตั้งของธรรมที่จะทำให้ถึงความดับทุกข์ได้เช่นกันเราจะมีศรัทธาในทุกข์ได้นั้น ต้องอาศัย ‘ปัญญา’ นั่นเป็น สัมมาทิฐิ กับสัมมาสังกัปปะ ดังนั้น ยถาภูตญาณทัสสนะ และนิพพิทาญาณ จึงเป็นส่วนของ ‘สมาธิ’ และความปราโมทย์ ปีติ ปัสสัทธิ สุข จึงเป็นส่วนที่เกิดจาก ‘ศีล’ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็คือ มรรค 8 นั่นเอง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
4/12/2022 • 58 minutes, 57 seconds “นิวรณ์ 5” ได้แก่ กามฉันทะ พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะ และวิจิกิจฉา เป็นกิเลสประเภทหนึ่ง ที่เกิดขึ้นในช่องทางใจระหว่างการปฏิบัติสมาธิภาวนา เป็นเครื่องขวางกั้น ทำให้จิตขุ่นมัว ไม่เป็นสมาธิการจะระงับนิวรณ์ได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ “การมีสติ” ระลึกรู้ถึงนิวรณ์ที่เกิดขึ้น และการใช้ “กำลังของสติ” ไม่ให้จิตน้อมไปตามความคิดเหล่านั้น นั่นจะทำให้นิวรณ์อ่อนกำลังและดับไป นอกจากนี้ การไม่ตั้งความพอใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง การเจริญพรหมวิหาร 4 รวมถึงการเจริญโพชฌงค์ 7 ก็ทำให้นิวรณ์ระงับได้ เช่นเดียวกันทั้งนี้ ในการเจริญสมาธิภาวนา เราอาจใช้นิวรณ์เป็นกรอบนิมิตได้ว่า สมาธิช่วงไหนควรเป็นไปเพื่อให้จิตสงบ หรือช่วงไหนควรเป็นไปเพื่อการพิจารณาให้เกิดปัญญา ได้อีกด้วย Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
4/5/2022 • 58 minutes, 4 seconds “กิเลส” เป็นเหตุแห่งทุกข์ ต้องละเสีย จึงอ้างอิงในส่วนของอังคุตตรนิกาย ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ ในหมวด 6 ว่าด้วย วิธีการละกิเลส อาศัยธรรมหมวด 5 เป็นเหตุทำให้จิตหลุดพ้นจากกิเลสได้กล่าวคือ การฟังธรรม การเทศน์สอน การทบทวน การคิดใคร่ครวญในธรรม หรือการทำสมาธิ ธรรม 5 อย่างนี้ เมื่อปฏิบัติให้บ่อยแม้ข้อใดข้อหนึ่งก็จะเกิดความรู้ในอรรถธรรมมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความปราโมทย์ ปีติ ทำให้กายระงับ และจิตเป็นสุข มีสติ และสมาธิตั้งมั่นเป็นอารมณ์อันเดียว ซึ่งจิตที่มีสติตั้งมั่นนี้เองเป็นเหตุปัจจัยแก่ธรรมหมวด 6 ว่าด้วยการละกิเลส คือ การสำรวม การพิจารณาก่อนเสพสิ่งต่างๆ การงดเว้นสิ่งควรงด การอดทน การละเรื่องกามพยาบาทเบียดเบียน รวมถึงการภาวนาเพื่อให้เกิดโพชฌงค์ด้วยจะเห็นว่า ธรรม 2 หมวดนี้ สอดคล้องรับกัน เป็นวิธีปฏิบัติเพื่อให้ถึงความดับทุกข์ หรือมรรค 8 นั่นเอง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
3/29/2022 • 59 minutes, 32 seconds กิเลสเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ กิเลสเกิดขึ้นที่จิตเพื่อทำลายจิต ทำให้จิตเศร้าหมอง เป็นสิ่งที่ควรละเสียโดยทั่วไปเราแบ่งกิเลสออกเป็น 3 กอง คือ ราคะ โทสะ โมหะ อย่างไรก็ดี กิเลสสามารถจำแนกย่อย ตามที่ท่านพระพุทธเจ้าได้ทรงแจกแจงไว้ในพระสูตรต่างๆ อาทิ กิเลส 4 และ 10 อย่าง อุปกิเลส 11 และ 16 อย่าง รวมทั้งที่มาของกิเลส 1500 ตัณหา 108 ในอนุฎีกา นอกจากนี้ ยังมี วิปัสสนูปกิเลส อาสวะ อคติ นิวรณ์ มัจฉริยะ มานะ มละ อนุสัยหรือสังโยชน์ ทิฐิ รวมไปถึง ปปัญจธรรม ซึ่งที่กล่าวมานี้ หัวข้อรายละเอียดอาจมีซ้ำกันบ้าง หรือต่างกันบ้าง แต่ทั้งหมดลงรับกัน และเป็นเครื่องเศร้าหมองเหมือนกันทั้งสิ้น ซึ่งการที่เราได้รู้จักกับกิเลสเหล่านี้ จะทำให้เรากว้างขวางขึ้น สามารถแยกแยะกิเลสได้มากขึ้นในการปฏิบัตินั่นเอง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
3/22/2022 • 1 hour, 41 seconds อัปปมัญญา 4 หรือพรหมวิหาร 4 คือ การแผ่จิตอันเต็มไปด้วยกับ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายทุกทิศทางโดยไม่เจาะจง ไม่มีประมาณที่น่าสนใจ คือ พระพุทธเจ้าท่านทรงแสดง “เมตตาสูตร” โดยการนำพรหมวิหาร 4 มาประกอบเข้ากันกับการเจริญโพชฌงค์ 7 ในการพิจารณาธรรมต่างๆ โดยความเป็นปฏิกูล และไม่เป็นปฏิกูล อาศัยความวิเวก ความคลายกำหนัด ความดับ และน้อมไปเพื่อการสลัดคืน จนทำให้เกิดผล คือ เจโตวิมุตติตามลำดับขั้น สูงสุดถึงอรูปสัญญาสมาบัติในขั้นอากิญจัญญายตนะได้อนึ่ง อรูปฌาณปกติมีพื้นฐานมาจากรูปฌาณ แต่พระสูตรนี้สามารถกำหนดจิตด้วยการเจริญพรหมวิหาร 4 ในที่นี้ คือ “กรุณา” ขึ้นไปร่วมกับ “โพชฌงค์ 7” เพื่อผล คือ เจโตวิมุตติในขั้นอรูปสัญญาสมาบัติได้เช่นกัน Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
3/15/2022 • 55 minutes, 32 seconds โพชฌงค์ 7 องค์ธรรมแห่งการตรัสรู้ หนึ่งในโพธิปักขิยธรรม 37 ประการ มรดกชิ้นสำคัญที่พระพุทธเจ้าทรงมอบไว้ให้เรา ที่เมื่อฟังแล้ว นอกจากจะมีอานิสงส์ให้หายจากโรคโดยควรแก่ฐานะแล้ว ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จิตของเราต้องมีเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในอริยสัจ 4 ด้วย โดยเริ่มจาก สติสัมโพชฌงค์ ร้อยเรียงต่อเนื่องไปจนถึงอุเบกขาสัมโพชฌงค์ ทั้งนี้สามารถแยกโพชฌงค์ 7 ออกเป็น 14 ข้อโดยแบ่งตามการพิจารณาได้ในการเจริญโพชฌงค์นี้ “สติ” ถือเป็นกำลังสำคัญยิ่ง ซึ่งต้องอาศัยศีลเป็นบาท ดังนั้นนอกจากศีล 5 หรือศีล 8 แล้ว ศีลที่เป็นไปเพื่อสมาธิจะสามารถช่วยหนุนให้สติมีกำลังมากขึ้นได้ ยิ่งกว่านั้นการมี “สติ” รู้สภาวะจิตของตัวเอง จะทำให้สามารถปรับการเจริญโพชฌงค์ให้เป็นไปอย่างเหมาะสมแยบคายได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
3/8/2022 • 57 minutes, 21 seconds วัคซีน คือ มรรค 8 [6509-3d] เชื้อไวรัสสามารถแทรกซึมผ่านเซลล์เข้ามาในร่างกายของเราทำให้ป่วยได้ กิเลสก็เหมือนไวรัสสามารถแทรกซึมเข้าจิตของเราผ่านผัสสะทางตาหูจมูกลิ้นกายใจทำให้จิตเราป่วยเศร้าหมองได้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเราก็เปรียบเหมือนความดี ซึ่งมีอยู่ในทุกคนอยู่แล้วเพียงแต่มีมากน้อยไม่เท่ากัน ดังนั้นจึงต้องมีการคิดค้นวัคซีนเพื่อช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงดีขึ้น เช่นเดียวกันจิตใจจะแข็งแรงผ่องใสจากกิเลสเครื่องเศร้าหมองได้ พระพุทธเจ้าก็ได้ทรงคิดค้นวัคซีนที่ผ่านการทดลองด้วยพระองค์เองแล้วขึ้นมา วัคซีนนี้มีชื่อว่า “มรรค 8”มารับวัคซีนชนิดนี้กันเพื่อที่เราจะได้มีภูมิคุ้มกัน รักษาจิตของเราไว้ให้ดีได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
3/1/2022 • 57 minutes, 11 seconds อนุปุพพิกถา เรื่องการหลีกออกจากกาม [6508-3d] เนกขัมมะ ธรรมข้อสุดท้ายในอนุปุพพิกถาที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ตามลำดับเพื่อเป็นแนวทางให้ไปถึงโลกุตระได้‘เนกขัมมะ’ หมายถึง การหลีกออกจากกาม ได้แก่ ฌานสมาธิในขั้นต่างๆการจะทำให้จิตน้อมไปในทางหลีกออกจากกามได้นั้น ต้องฝึกจิตให้พิจารณาเห็นบ่อยๆ ถึงคุณและโทษของกามว่า มีคุณน้อยแต่โทษมากขนาดไหนเมื่อเทียบกับเนกขัมมะที่มีคุณมากแต่โทษน้อยนิดเดียวอย่างไรก็ตาม สมาธิแม้ว่าจะได้บ้างไม่ได้บ้าง การตั้งจิตดำริ ‘คิดที่จะหลีกออกจากกาม’ เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องตั้งไว้เสมอ“เนกขัมมะ” ทางสายกลาง เป็นหนึ่งในบารมี 10 ทัศ เป็นทางออกทางเดียว เพื่อการดับโทษของกาม เพื่อความสงบสุขจากในภายใน เพื่อความรู้ยิ่งรู้พร้อม ถึงสัมโพธิญาณได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
2/22/2022 • 1 hour, 41 seconds อนุปุพพิกถา เรื่องโทษของกาม [6507-3d] “กาม” คือ ความกำหนัดยินดีพอใจที่เกิดขึ้นอยู่ในจิตใจของเรา วัตถุภายนอกที่วิจิตรพิสดารเลิศหรูดูดี นั่นไม่ใช่กาม นั่นเรียกว่ากามวัตถุ แต่ความเพลินความพอใจความยินดีในกามวัตถุนั้นเรียกว่ากาม เราจะเห็นคุณของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ต้องเห็นโทษของมันด้วย เห็นทั้งข้อดีข้อเสีย แบบนี้จึงจะมีความรอบคอบมีความรัดกุม มีไหวพริบ มีปฏิภาณ มีปัญญา มีโยนิโสมนสิการ อะไรที่จะดีโดยส่วนเดียวไม่มี จะรู้ว่า “โทษของกาม” หนึ่งในอนุปุพพิกถา คือ สิ่งที่พระพุทธเจ้าแสดงไปตามลำดับเป็นอย่างไร มีโทษอย่างไร กามที่มันยึดโยงเราทุกทางเป็นอย่างไร“..กามเปรียบกับเขียงสับเนื้อ เปรียบกับท่อนกระดูก เปรียบชิ้นเนื้อที่นกคาบไป เปรียบกับคบเพลิงหญ้า เปรียบกับหลุมถ่านเพลิง เปรียบด้วยของในความฝัน เปรียบเหมือนของยืมเขามา เปรียบกับผลไม้บนต้น เปรียบกับรูรั่วของเรือ เปรียบด้วยคลื่น..” Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
2/15/2022 • 59 minutes, 53 seconds อนุปุพพิกถา เรื่องของสวรรค์ [6506-3d] สัคคกถา ธรรมข้อที่สามในห้าข้อของอนุปุพพิกถา เป็นเรื่องของสวรรค์ ที่หากมนุษย์ตายแล้วได้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ จะมีความสุขมากเพียงไร ด้วยการเปรียบเทียบความสุขของมนุษย์ที่แม้เป็นถึงพระเจ้าจักรพรรดิ กับความสุขของเทวดาบนสวรรค์ก็เหมือนแค่หินก้อนเท่าฝ่ามือกับภูเขาหิมาลัย การเป็นเทวดาทำได้ไม่ยาก ด้วยการสร้างเหตุปัจจัยไว้ตั้งแต่อยู่บนมนุษย์โลกนี้ ทั้งทางกายโดยการให้ทาน การรักษาศีล มีความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน และทางจิตใจโดยการเจริญเทวตานุสสติ คือ การระลึกถึงคุณธรรมของเทวดาอันประกอบไปด้วย ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา เช่น การมีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าของมัฏฐกุณฑลีบุตรก่อนตาย การมีศีล การได้ฟังธรรม การให้ทาน และการมีปัญญาเห็นการเกิดขึ้นการดับไป คุณธรรม 5 ข้อนี้จะเป็นเหตุให้ได้เป็นเทวดาได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
2/8/2022 • 55 minutes, 22 seconds อนุปุพพิกถา เรื่องของศีล [6505-3d] สีลกถา เป็นข้อสองในห้าข้อของอนุปุพพิกถาที่ท่านพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ตามลำดับเป็นแนวทางให้ไปถึงโลกุตระ‘ศีล’ เป็นพื้นฐานของคุณธรรมทุกอย่าง‘ศีล’ หมายถึง ความเป็นปกติของมนุษย์ในการดำเนินชีวิต และเป็นหนึ่งในอนุสติ 10 เรียกว่า ‘สีลานุสติ’ คือ การตามระลึกถึงศีล ทำให้มีความไม่ร้อนใจ เมื่อไม่ร้อนใจ จิตจะมีความสบาย เกิดความสงบระงับ เป็นสมาธิ และเกิดปัญญาเห็นตามความเป็นจริงได้ ซึ่งอานิสงส์ในการรักษาศีล 5 นั้น ให้ผลตั้งแต่ปัจจุบัน แม้ตายแล้วก็มีผลไปสุคติโลกสวรรค์ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
2/1/2022 • 59 minutes, 17 seconds อนุปุพพิกถา เรื่องของทาน [6504-3d] ทานกถา เป็นหนึ่งในห้าข้อของอนุปุพพิกถาที่ท่านพระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ตามลำดับเป็นแนวทางให้ไปถึงโลกุตระทาน หมายถึง การให้หรือการสละออก ซึ่งตรงกันข้ามกับการตระหนี่หรือการหวงกั้นท าน ยิ่งให้ยิ่งได้ เพราะการให้ทาน ทำให้ได้ละความตระหนี่ ทำให้ได้บุญ ทำให้ได้ความเบาสบายขึ้นในจิตใจ เป็นบ่อเกิดแห่งปัญญาทาน และอานิสงส์ของทานมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขปัจจัยปรุงแต่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ผู้รับ ผู้ให้ ของที่ให้ หรือแม้แต่เรื่องของเวลาในการให้นอกจากนี้ยังมีทานที่ยิ่งไปกว่านั้นอีก นั่นคือ การสละราคะ โทสะ โมหะ ออกเป็นทาน โดยที่ไม่ต้องมีผู้รับ เป็นทานที่เมื่อสละออกแล้ว มีผลไปถึงโลกุตระได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
1/25/2022 • 58 minutes, 1 second โอกาสดี 4 ประการ เพื่อการบรรลุธรรม [6503-3d] ขณะ หรือเวลา หรือโอกาสใน 4 อย่างนี้ ได้แก่ การที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น การที่ได้เกิดในพื้นที่หรือประเทศที่มีคำสอนของพระพุทธเจ้า การที่มีสัมมาทิฎฐิ (ความเห็นที่ถูกต้อง) และการที่มีอายตนะ 6 อย่างครบสมบรูณ์ (ไม่พิการ)...โอกาสดี 4 ประการ ที่ได้ยากขนาดนี้ เกิดขึ้นแล้ว อย่าไปรีรอ อย่าให้ล่วงเลยไปเสีย โอกาสนี้ไม่ได้มีอยู่เรื่อย ๆ ตอนนี้อยู่ในช่วงโปรโมชั่น ครั้งนึงครั้งเดียว คือ ตอนนี้แหละ ตรงนี้แหละ ช่องที่เราอยู่ในกัปนี้ ที่ยังมีคำสอนพระพุทธเจ้าโคตมอยู่ในตอนนี้ เพราะมันไม่แน่ว่าชาติหน้าที่เราเกิดมาอาจจะไปเบียดเสียดยัดเยียดอยู่ในนรก เกิดเป็นสัตว์ที่เกิดในของโสโครก เป็นสัตว์เดรัจฉาน ไปเกิดเป็นสัตว์ในอรูปพรหม หรือแม้แต่ไปเกิดในประเทศที่ไม่มีคำสอนของพระพุทธเจ้าอยู่... มันไม่แน่ไม่นอนว่าโอกาสหน้าที่จะมาต่อไป มันจะมีหรือไม่ แต่ถ้ามีอยู่ตอนนี้ รีบเลย คือ ให้เป็นโสดาปัตติผลให้ได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
1/18/2022 • 59 minutes, 54 seconds เส้นทางที่ปลอดภัย [6502-3d] "เรานั้นแห้ง (ร้อน) แล้วผู้เดียว เปียกแล้วผู้เดียว อยู่ในป่าน่าพึงกลัวแต่ผู้เดียว เป็นผู้มีกายอันเปลือยเปล่า ไม่ผิงไฟ เป็นมุนีขวนขวายแสวงหาความบริสุทธิ์" ดังนี้ พระพุทธเจ้าตรัสเล่าแก่พระสารีบุตร ใน มหาสีหนาทสูตร สีหนาทวรรค มู.ม. ๑๒/๑๕๕/๑๗๗, ที่วนสัณฑ์ ใกล้เมืองเวสาลีพระพุทธเจ้าตอนเป็นโพธิสัตว์ ท่านก็ต่อสู้ ฝ่าฟัน อดทน ตั้งเป้าหมายไว้ถูกแล้ว คือ แสวงหานิพพาน ต่อสู้เอาอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ นี้คือสูงสุดแล้ว เพราะไม่ได้แสวงหาความทุกข์มาทับถมตัวเอง แต่ว่าถ้าไปผิดทาง เป็นไปเพื่อมิจฉามรรคแล้ว ก็จะเป็นไปดังที่พระองค์ทรงตรัสแก่พระสารีบุตรข้างต้น เพราะว่าการทำทุกรกิริยา นี้เป็นมิจฉามรรค ตั้งเป้าหมายไว้ถูกอยู่ก็จริง แต่เพราะไปผิดทาง มันก็จึงตันตึ๊ก ไปต่อไม่ได้ เป็นความทุกข์ความโศก ความเร้าร้อน จึงได้แก้ไขตนเอง เปลี่ยนแปลงจากเรื่องของมิจฉามรรคมาปฏิบัติตามทางสายกลาง คือ อริยมรรคมีองค์ 8 ปฏิบัติตามถูกทางแล้ว นี่แหละ สร้างทางใหม่ขึ้นมา ซึ่งก็คือทางเดิมที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายท่านได้ดำเนินเอาไว้แล้ว ปรับปรุงแก้ไขให้มันดีขึ้นมา เป็นทางที่เกษม ที่ปลอดภัย ที่โล่งได้ บอกประกาศมาจนถึงทุกวันนี้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
1/11/2022 • 53 minutes, 13 seconds ปัญญาเป็นอันดับสูงสุด [6501-3d] ปัญญา 3 (ความรอบรู้ รู้ทั่ว เข้าใจ รู้ซึ้ง)1. จินตามยปัญญา (ปัญญาเกิดแต่การคิดการพิจารณาหาเหตุผล)2. สุตมยปัญญา (ปัญญาเกิดแต่การสดับการเล่าเรียน)3. ภาวนามยปัญญา (ปัญญาเกิดแต่การฝึกอบรมลงมือปฏิบัติ)- พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)"ภาวนามยปัญญา" ปัญญาที่เกิดจากการภาวนา "ภาวนา" หมายถึง การพัฒนา "ภาวนามยปัญญา เป็นปัญญาที่จะทำให้เกิดการพัฒนาต่อ ๆ ไป ต่อ ๆ ไป จะมีความลึกซึ้งลงไป ลึกซึ้งลงไปเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ..."เอามาทำดู คิดอยู่ใช่เปล่า? แล้วเอามาทำดู ไม่ใช่คิด ๆ แล้ว คิด ๆ แล้ว แต่ลงมือทำจริง ๆ""ปัญญาชำแรกกิเลส ในทางคำสอนของพระพุทธเจ้า ให้เข้าถึงจิตใจว่า จะเข้าสู่จิตใจได้ ให้เกิดภาวนามยปัญญา คือ ต้องทำการภาวนา ทำการพัฒนาจิต โดยการใคร่ครวญพิจารณา คิดใช่เปล่า? แล้วด้วยจิตที่เป็นสมาธิ มันจะเปลี่ยนจากแค่สิ่งที่เราได้ฟังเป็นปัญญา มาคิดนึกเพ่งลงไป เอาใจจดใจจ่อลงไป คือ "สมาธิ"""แล้วเกิดเป็นญาณ คือ ความรู้ คือ แสงสว่าง "ภาวนามยปัญญา" มันอยู่ตรงนี้" Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
1/4/2022 • 1 hour, 2 minutes, 31 seconds อปัณณกปฏิปทา ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิด 3 อย่าง [6452-3d] อปัณณกปฏิปทา ธรรม 3 อย่างที่ใช้เวลาไหนก็ได้ทั้งนั้น ธรรมที่ผู้ปฏิบัติแล้วจะไม่ผิด ปรารภทำอยู่เรื่อย ๆ แล้ว จะเป็นไปเพื่อความสิ้นอาสวะทั้งหลาย Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
12/28/2021 • 59 minutes, 3 seconds ความหมายของสัมปชัญญะ [6451-3d] พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้ “พวกเธอทั้งหลายจงเป็นผู้มีสติอยู่อย่างมีสัมปชัญญะเถิด” ทั้ง ‘สติ’ และ ‘สัมปชัญญะ’ เป็นธรรมะ 2 อย่าง อันเป็นอุปการะแก่โลกมาก แต่มีความหมายที่แตกต่างกัน รวมถึง ‘ปัญญา’ ด้วย เพราะมักจะนำมาพูดด้วยกันอยู่เสมอ แล้วทั้งหมดนี้มีความแตกต่าง และเกี่ยวข้องกันอย่างไร และเราควรน้อมนำมาฝึกปฏิบัติอย่างไร เพื่อให้มีความก้าวหน้าในธรรมวินัยนี้ โปรดมาศึกษาได้จาก episode นี้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
12/21/2021 • 59 minutes, 46 seconds ❝ อุเบกขา 10 ❞ หมายถึง ความวางเฉยแบบวางใจเป็นกลาง ๆ โดยไม่เอนเอียงเข้าข้างเพราะชอบ เพราะชัง เพราะหลง และเพราะกลัว เช่น ไม่เสียใจเมื่อคนที่ตนรักถึงความวิบัติ หรือไม่ดีใจเมื่อศัตรูถึงความวิบัติ มิใช่วางเฉยแบบไม่แยแส หรือไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งๆ ที่สามารถช่วยเหลือได้ เป็นต้นลักษณะของผู้มีอุเบกขา คือ เป็นคนหนักแน่นมีสติอยู่เสมอ ไม่ดีใจ ไม่เสียใจจนเกินเหตุ เป็นคนยุติธรรม ยึดหลักความเป็นผู้ใหญ่ รักษาความเป็นกลางไว้ได้มั่นคง ไม่เอนเอียงเข้าข้าง ปฏิบัติหน้าที่ด้วยเหตุผล ถูกต้องคลองธรรม และเป็นผู้วางเฉยได้ เมื่อไม่อาจประพฤติเมตตา กรุณา หรือมุทิตาได้อุเบกขา 10 ประเภท ได้แก่...1) อุเบกขาในพรหมวิหาร 4 เป็นผู้วางเฉยได้เมื่อไม่อาจประพฤติเมตตา กรุณา หรือมุทิตาได้ พิจารณาปลงใจลงไปในกรรมว่า "สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของของตน ทำดี จักได้ดี ทำชั่ว จักได้ชั่ว แต่ละสัตว์บุคคล ทั้งตนเอง แต่ละคน ย่อมต้องเป็นไปตามกรรมของตน ตามที่ตนได้กระทำไว้"และยิ่งขึ้นไปกว่านั้น ก็พิจารณาโดยถึงปรมัติ คือ โดยเนื้อความที่ละเอียด ลุ่มลึก ว่า "ที่เรียกว่า สัตว์บุคคล ตัวตน เราเขา นั้น เป็นสมมุติบัญญัติ และโดยปรมัติแล้ว ไม่มีสัตว์บุคคล ตัวตนเราเขา เมื่อพิจารณาดังนี้ จะทำให้จิตใจปล่อยวางความยึดถือในสัตว์ หรือโดยความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขาได้"2) อุเบกขาในอายตนะ 6 คือ การวางเฉยในอายตนะทั้ง 63) อุเบกขาในความเพียร คือ ทางสายกลางในการทำความเพียร ไม่หย่อนเกินไป ไม่ตึงเกินไป4) อุเบกขาในโพชฌงค์ ❝โพชฌงค์ 7 ❞ เป็นองค์ธรรมแห่งการตรัสรู้ธรรม อุเบกขาในโพชฌงค์ จึงหมายถึง จิตมีอุเบกขา เป็นองค์ประกอบในการที่เราจะรู้ธรรมะ เห็นธรรมะ ให้เกิดการปล่อยวาง ละกิเลส ตัณหา อวิชชาได้ ให้ออกไปจากจิตใจได้ อุเบกขาตัวนี้จึงเป็นผลกันมาของโพชฌงค์ทั้ง 75) อุเบกขาในฌาน อุเบกขา ตั้งแต่ฌาน 3 ขึ้นไป "เธอมีความคิดดังนี้ว่า มิฉะนั้น เราพึงมีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขามีสติอยู่เป็นสุข""เธอยังไม่ยินดีเพียงตติยฌานที่ได้บรรลุ ฯลฯ เธอเสพโดยมาก เจริญ กระทำให้มากซึ่งนิมิตนั้น อธิษฐานนิมิตนั้นให้มั่นด้วยดี เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า ผิฉะนั้นเราพึงบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัส โทมนัส ก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่" #พระพุทธพจน์6) อุเบกขาในเวทนา เวลาเราวางความสุข ความทุกข์ อทุกขมสุข (ความไม่ใช่ทุกข์ ไม่ใช่สุข) แล้ว ก็จะเหลืออุเบกขาในเวทนา อุเบกขาในเวทนา จึงเป็นเวทนาอย่างหนึ่ง ที่ว่ามันละเอียดลงไปกว่าอทุกขมสุข7) อุเบกขาในสังขาร คือ การไม่ยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ 5 (สังขาร ในที่นี้หมายถึง ขันธ์ 5) ต้องเห็นขันธ์ 5 โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาความวางเฉยเกิดขึ้นแน่นอน เพราะจิตเราจะไม่เข้าไปยึดถือสิ่งนั้น โดยความเป็นตัวตน เราก็จะไม่ยินดี ยินร้าย สะดุ้ง สะเทือนไปตามการเปลี่ยนแปลงของขันธ์ 5 นั้น อุเบกขามันจึงแทรกอยู่ในวิปัสสนาแทรกอยู่ในสังขารนี้ด้วย หมายความว่า คุณทำวิปัสสนาแล้ว อุเบกขานั้น จึงเป็นสิ่งที่หวังได้ วางเฉยได้ในสังขาร8) อุเบกขาในวิปัสสนา "วิปัสสนา" แปลว่า เห็นตามความเป็นจริง เห็นตามความเป็นจริงโดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา9) อุเบกขาในเจตสิก หรือ อุเบกขาที่ยังธรรมทั้งหลายที่เกิดพร้อมกันให้เป็นไปเสมอกัน ไม่ว่าจะเรื่องพรหมวิหาร 4 อายตนะ ความเพียร โพชฌงค์ ฌาน เวทนา สังขาร และวิปัสสนา เพราะมันอยู่ในจิต องค์ประกอบของจิตตรงนี้ ก็คือ "เจตสิก" เป็นอุเบกขาในเจตสิก จึงเป็นเหตุให้อุเบกขานั้น ไปอยู่ในทุกที่ทุกอย่างทุกส่วนได้10) อุเบกขาในสติบริสุทธิ์ อุเบกขาบริสุทธิ์จากข้าศึก อุเบกขาปราศจากข้าศึก อุเบกขาที่มีสติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา คำนี้อยู่ในหัวข้อของฌานที่ 3❝ มีอุเบกขา เป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ ❞#พระพุทธพจน์ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
12/14/2021 • 1 hour, 9 seconds ‘ทุกข์’ เป็นธรรมที่เข้าไปตั้งอาศัยของ ‘ศรัทธา’ โดย ‘ศรัทธา’ นี้ หมายถึง ความเชื่อ ความมั่นใจ ความลงใจ ความเลื่อมใส อันประกอบไปด้วยปัญญาและความเพียร ถ้าไม่มีปัญญามาหนุน ก็จะกลายเป็นความงมงาย ศรัทธาแล้วลงมือทำจริง แน่วแน่จริง มันก็จะมีจุดเชื่อม ตรงจุดเชื่อมนั้นคือ ‘กำลังใจ’ เราสามารถตั้ง ‘ศรัทธา’ ไว้ในทุกอย่างที่เราทำ ถ้าเราเชื่อว่า ‘เราทำได้’ กำลังจิตของเราก็จะไปทางนั้น ‘ศรัทธา’ จะต้องประกอบกัน 3 อย่าง คือ มั่นใจในผู้ที่ทำสำเร็จมาแล้ว (พุทโธ), มั่นใจในกระบวนการวิธี (ธัมโม), และมั่นใจว่าตัวเราต้องทำสำเร็จได้ (สังโฆ) ‘ศรัทธา’ มีโทษด้วย ถ้าเราวางไว้ผิด เปรียบเหมือนติดกระดุมเม็ดแรก ถ้าติดผิดมันก็จะผิดตามไปหมด เราจึงควรตั้งไว้ในคุณธรรม จะสามารถเป็นตัวจุดประกายให้ผู้อื่นได้ด้วย Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
12/7/2021 • 1 hour, 14 seconds ทางสายกลางดับกรรมได้ [6448-3d] พระพุทธเจ้าทรงค้นพบช่องทางรอด อันเป็นทางสายกลาง คือ อริยมรรคมีองค์ 8 ผู้ที่จะรอดช่องนี้ได้จะต้องอาศัย 'ศรัทธา' ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสไว้กับท่านสหัมบดีพรหม ณ ใต้ต้นไทรอันเป็นที่พักร้อนของเด็กเลี้ยงแพะ… “ประตูสู่นิพพานอันเป็นอมตะ เราเปิดไว้แล้ว สัตว์เหล่าใดที่จะมาตามทางนี้ สัตว์เหล่านั้นจงปลงศรัทธาลงไปเถิด”หนทางอันประเสริฐนี้ยังมีอยู่ เป็นช่องทางที่ไม่ติดตัน ไม่วนไปในสังสารวัฏ ที่เมื่อผู้ไม่ประมาทปฏิบัติตามแล้ว ก็จะได้รับผลเหมือนกันหมด ทำให้คลายความยึดถือทั้งหมดได้ กรรมดับไปได้ ไปสู่ทางอันเกษม ถึงความดับเย็น คือ พระนิพพานได้แน่นอน Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
11/30/2021 • 58 minutes, 4 seconds หิริ โอตตัปปะ : ธรรมคุ้มครองโลก [6447-3d] ‘โลกบาล’ เป็นหลักธรรมคุ้มครองรักษาโลก ที่ช่วยให้มนุษย์อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข อันประกอบด ้วยหลักธรรม 2 ประการที่จะมาคู่กันเสมอในจิตใจ ที่จะทำให้บุคคลทำแต่ความดี คือ หิริและโอตตัปปะ ‘หิริ’ แปลว่าความละอายต่อบาป และ ‘โอตตัปปะ’ แปลว่าความกลัวต่อบาปบุคคลผู้มีหิริและโอตตัปปะ มีสติสัมปชัญญะ มีการสำรวมอินทรีย์ ศีลจึงสมบูรณ์ เป็นเครื่องที่ทำให้เกิดปัญญาเห็นตามความเป็นจริง ถึงพระนิพพานได้ในที่สุด Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
11/23/2021 • 57 minutes, 15 seconds บททดสอบคือผัสสะ [6446-3d] ผู้ปฏิบัติธรรมทุกคนที่มีจิตน้อมมา เดินมาตามแนวทางของมรรคแล้ว ตัดสินใจแล้วว่า ‘ชีวิตนี้ฉันจะอยู่ในมรรคแปดนี้ให้ได้’ มันจะต้องมีเครื่องมาทดสอบ มาตรวจสอบจิตใจของเรา ในการเดินทางของเรานั้น มันยังอยู่ในกรอบขอบของมรรคแปดได้หรือไม่เครื่องทดสอบนี้จะมาในรูปของ ‘ผัสสะ’ ที่มีมากระทบอยู่ตลอดเวลา เพราะธรรมชาติของจิตมันจะไปตามผัสสะทั้งที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจ ซึ่งผู้ปฏิบัติ ต้องหมั่นคอยตรวจสอบ คอยปรับให้ตรงทาง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
11/16/2021 • 1 hour, 20 seconds ในวาระที่พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญสัจจบารมี ท่านได้ทรงแสดงธรรมไว้ เพื่อเป็นวิธีการรักษาตนที่จะไม่ประมาท เป็นหมวดธรรมที่มีความสำคัญมาก สามารถนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง ในการรับราชการ หรือในการทำงานที่มีหัวหน้าที่สามารถให้ทั้งคุณและโทษแก่เราได้ ท่านได้ทรงสอนไว้ใน ‘ราชวสดีธรรม’ ซึ่งขยายความจากพระพุทธพจน์ที่แยกออกเป็นคาถาได้ 49 ข้อ รายละเอียดโปรดติดตามได้ใน episode นี้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
11/9/2021 • 56 minutes, 28 seconds ความหมาย และการทำงานของขันธ์ 5 [6444-3d] พระพุทธเจ้าทรงแบ่งสิ่งที่เหมือนกันคล้ายกัน มาจับกองรวมเข้าด้วยกัน เพื่อทำความเข้าใจให้ถูก ปัญญาจึงจะเกิด ท่านแบ่งไว้เป็น 5 กอง กอง คือ ขันธ์ เรียกว่า ‘ขันธ์ 5’ คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ วิญญาณขันธ์ และสังขารขันธ์ ซึ่งขันธ์ทั้ง 5 นี้เป็นที่ตั้งแห่งความยึดถือได้ คือ อุปาทานการทำงานของขันธ์ทั้ง 5 เมื่อมีการกระทบกันทางช่องทางอายตนะภายในและภายนอก มีวิญญาณรับรู้ 3 อย่างนี้เรียกว่า ‘ผัสสะ’ ซึ่งเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาในช่องทางใจ ใจจึงต้องมีสติรักษาไว้ เพราะจิตอยู่ในช่องทางใจ จิตจึงไม่ปรุงแต่งไปในทางอกุศล Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
11/2/2021 • 57 minutes, 46 seconds สาธุนรธรรม (ธรรมะของคนดี) [6443-3d] การจะปรับเปลี่ยนคนไม่ดีให้เป็นคนดีได้ ต้องใช้ความดีเท่านั้น พระโพธิสัตว์ได้กล่าวคาถาที่เป็นธรรมะของคนดี 4 ข้อ จงเดินไปตามทางที่ท่านเดินไปแล้ว จงอย่าเผาฝ่ามืออันชุ่ม อย่าประทุษร้ายในหมู่มิตร ไม่ว่าในกาลไหน ๆ และอย่าตกอยู่ในอำนาจของอิสตรีที่ดูหมิ่นชาย Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
10/26/2021 • 58 minutes, 6 seconds คาถา 5 บาท หนทางแห่งความสุข คาถาอันเป็นทางไปสู่ความประเสริฐ คือ ลาภทั้งหลายมีความไม่มีโรคเป็นอย่างยิ่ง ทรัพย์ มีความสันโดษเป็นอย่างยิ่ง ญาติมีความคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง บรรดาทางทั้งหลายให้ถึงอมตธรรม ทางมีองค์ 8 เป็นทางอันเกษม ทุกเส้นทางที่เราเดินไป ถ้ามีองค์ประกอบอันประเสริฐ 8 อย่าง อยู่ในจิตใจของเราแล้ว การเดินทางนั้นปลอดภัยแน่นอน Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
10/19/2021 • 58 minutes, 2 seconds ในการฟังธรรม เราสามารถน้อมนำมาประพฤติปฏิบัติตามได้จริง ๆ หรือเปล่า นั่นคือ แสดงถึงปัญญาที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า ปัญญาของบุคคลมี 3 ระดับ ซึ่งสามารถพัฒนาได้ จากปัญญาที่มีลักษณะเหมือนหม้อคว่ำ คือ จำอะไรไม่ได้เลย มาเป็นลักษณะเหมือนตัก คือ จำได้เฉพาะเวลาที่นั่งฟังอยู่ พัฒนาจนมีปัญญากว้างขวาง มีลักษณะเหมือนหม้อหงาย คือ นำไปปฏิบัติได้ในชีวิตประจำวัน อย่าให้ธรรมะอยู่แค่เฉพาะในวัด ที่พระ ในตำราคัมภีร์ หรือในซีดีเท่านั้น ที่สำคัญคือ เราได้พัฒนาปัญญาจนกระทั่งน้อมนำธรรมะที่มีองค์ประกอบอันประเสริฐ 8 อย่าง มาทำได้ในชีวิตของเราทุก ๆ ขณะ มีสติระลึกได้ ไม่ตามกระแสที่พัดไปของกิเลส และตัณหา จึงจะได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง ในธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้า Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
10/12/2021 • 48 minutes, 43 seconds กสิณทั้ง 10 อย่างเป็นมรรค เป็นการฝึกสมาธิแบบหนึ่ง โดยการเห็นสิ่งนั้นแล้วจ้องดู เพ่งดู จะลืมตาหรือหลับตาก็ตาม แล้วทำให้รวมเข้ากันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันหมด ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงประกาศสอนไว้ เพื่อใช้เป็นทางไปสู่พระนิพพาน โดยการฝึกนี้ควรต้องอยู่ในชีวิตประจำวันของเราด้วย ข้อควรระวัง ในการฝึกกสิณนั้น อย่าให้มีความอยากได้ฤทธิ์ เพราะจะไปติดกับดักหลุมพรางของกิเลส และอาจทำให้เกิดความวิปลาสได้ เราเพียงใช้เป็นทางผ่านเท่านั้น อย่าไปยึดถือผิดจุด เพราะแม้ยึดถือในสิ่งที่ดี ก็ยังเป็นโทษ แต่ให้ใช้เป็นสรณะ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
10/5/2021 • 59 minutes, 56 seconds ธรรมอันเป็นเครื่องอยู่ตามลำดับ คือ อนุปุพพวิหาร 9 ประการ การเข้าออกสมาธิอันมีความสืบเนื่องต่อกันขึ้นไปโดยลำดับ ดังนี้ 1) ปฐมฌาน 2) ทุติยฌาน 3) ตติยฌาน 4) จตุตถฌาน 5) อากาสานัญจายตนะ 6) วิญญาณัญจ ายตนะ 7) อากิญจัญญายตนะ 8) เนวสัญญานาสัญญายตนะ และ 9) สัญญาเวทยิตนิโรธ นี้คือ วิหารธรรม อันเป็นเครื่องอยู่ของจิต 9 ระดับ บุคคลผู้เฉลียวฉลาดรอบรู้ในสมาธิ มีความเฉียบแหลมในการสงัดจากอกุศลธรรม ทำให้เจริญ ทำให้มาก รอบรู้ซึ่งนิมิตแห่งสมาธิ เปรียบได้กับแม่โคผู้ชาญฉลาดที่เที่ยวไปตามภูเขา ย่อมรู้จักเขต ย่อมฉลาดที่จะเที่ยวไปบนภูเขาที่ขรุขระ และรอบรู้ในการเดิน การยันเท้าบนภูเขานั้น Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
9/28/2021 • 59 minutes, 29 seconds ความมั่นคงและไม่หวั่นไหวแห่งจิต อินทรีย์ 5 และพละ 5 นั้น ต่างมีองค์ประกอบ 5 ประการ คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา หากจะเปรียบเทียบ สติ ย่อมเทียบได้กับ หัวธนู วิริยะ คู่กับ สมาธิ ช่วยพยุงธนูไว้ ศรัทธา คู่กับ ปัญญา พยุงด้านปลายของธนู หากอินทรีย์หรือพละตัวใดมากไป ธนูนั้นย่อมขาดความสมดุล ไม่สามารถแล่นตรงสู่เป้าหมายได้ กล่าวได้ว่า อินทรีย์ 5 และพละ 5 นั้น เหมือนกันโดยองค์ธรรมเพียงแต่ใช้อธิบายคนละนัยยะ คือ ความเป็นใหญ่ และความไม่หวั่นไหว เปรียบเสมือนแม่น้ำใหญ่ที่มีเกาะอยู่กึ่งกลาง แบ่งแม่น้ำออกเป็นสองสาย แม่น้ำทั้งสองที่ถูกแบ่งนั้น ย่อมเป็นสายน้ำเดียวกัน และไหลบรรจบกันในที่สุด Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
9/21/2021 • 59 minutes, 51 seconds บุคคลผู้ประพฤติปฏิบัติตามธรรมที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนไว้ ผลที่จะพึงหวังได้ คือ ความผาสุก ซึ่งจะปรากฏเป็นความเบาบางของกิเลส นำไปสู่การสิ้นสุดของการเวียนว่ายตัดภพชาติให้น้อยลงไปตามลำดับ การเดินตามทางนั้นเป็น มรรค เมื่อมาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว เรียกว่า ผล และมีพระนิพพานเป็นที่สุดแห่งการประพฤติปฏิบัติ พึงเห็นโทษของการเวียนว่ายตายเกิดว่า เป็นสิ่งที่ไม่น่ายินดี พึงเห็นคุณของพระธรรมคำสอน ว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐ และน้อมนำมาป ระพฤติปฏิบัติเพื่อที่สุดแห่งพรหมจรรย์ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
9/14/2021 • 1 hour, 2 minutes, 27 seconds คุณสมบัติที่จะทำให้เป็นผู้ไพบูลย์ในความดีทั้งปวง 6 ประการ เป็นผู้มากด้วยปัญญา มีความเพียรประกอบการงาน มีปีติปราโมทย์อยู่เสมอ เป็นผู้มากด้วยความไม่สันโดษในกุศลธรรมทั้งหลาย และมีความเพียรพยายามทำกิจให้ลุล่วง ก้าวสู่คุณความดีที่สูงยิ่งขึ้นไป คุณสมบัติทั้ง 6 ประการ ครอบคลุมหลักในการดำเนินชีวิต ให้เป็นผู้เจริญทั้งทางโลก และทางธรรม สมควรที่บุคคลพึงปฏิบัติตาม เพื่อความเจริญ และเป็นสุข Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
9/7/2021 • 58 minutes, 35 seconds อสัตบุรุษยกตนข่มท่าน เพราะสกุล เพราะยศ เพื่อแลกกับลาภเล็กน้อย แม้ถูกใครถามถึงความไม่ดีของตนก็ปกปิดไม่เปิดเผยให้ปรากฏ เมื่อถูกใครถามถึงความไม่ดีของตน ก็นำเอาปัญหาไปทำให้ไขว้เขวแล้วกล่าวความไม่ดีของตนอย่างไม่เต็มที่ นี่คือ หนึ่งในวิสัยแห่ง “อสัตบุรุษ” Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
8/31/2021 • 56 minutes, 33 seconds ธรรมอันวิสุทธิ 7 ประการ เป็นปัจจัยส่งต่อ ๆ กัน ยิ่ง ๆ ขึ้นไปเพื่อบรรลุนิพพาน เปรียบประดุจรถ 7 ผลัดส่งต่อกันเพื่อให้บุคคลถึงที่หมายโดยสวัสดี เกิดเป็นความสะอาดหมดจด บริสุทธิ์ และปราศจากกิเลส อันเป็นไปในทางกาย จิต และปัญญา Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
8/23/2021 • 55 minutes, 29 seconds มรรควิธีที่เปรียบเสมือนเรือเพื่อข้ามจากฝั่งแห่งทุกข์สู่ความดับสนิทไม่เหลือแห่งกองทุกข์ คือ ความเพียรชอบ ที่พึงตั้งขึ้นไว้เบื้องหน้า อันได้แก่ เพียรระวังบาปอกุศลมิให้เกิดขึ้น เพียรละบาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว เพียรทำกุศลที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น และเพียรรักษากุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญบริบูรณ์ จงเพียรรักษาความดีให้ถึงพร้อมบริบูรณ์เพื่อความดับไม่เหลือแห่งกองทุกข์นี้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
8/17/2021 • 55 minutes, 52 seconds เวทนากับทางไปแห่งจิต 36 ทาง 6432-3d ความโสมนัส โทมนัส และอุเบกขา อันเนื่องด้วยเหย้าเรือน เป็นเหตุให้บุคคลยังคงเวียนว่ายอยู่ในวัฏสงสาร เมื่อบุคคลรู้แจ้งถึงความเป็นของไม่เที่ยง ความแปรปรวน ความจางคลาย และความดับไม่เหลือ เห็นอยู่ด้วยปัญญาอันชอบตรงตามที่เป็นจริงอย่างนี้ ย่อมหลุดพ้นจากบ่วงแห่งทุกข์นี้ได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
8/10/2021 • 56 minutes, 45 seconds ประตู 11 บาน สู่นิพพาน 6431-3d บุคคลผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีจิตที่ยังไม่หลุดพ้น ย่อมหลุดพ้น อาสวะทั้งหลายที่ยังไม่สิ้น ย่อมถึงความสิ้นไป และย่อมบรรลุถึงธรรมที่ปลอดโปร่งจากกิเลสเป็นเครื่องประกอบไว้ อันไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า ธรรมอันเป็นประตูแห่งอมตะธรรมนั้น คือ เมื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งอันเหตุปัจจัยปรุงแต่งขึ้น สิ่งนั้นไม่เที่ยง มีความดับไปเป็นธรรมดา Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
8/3/2021 • 55 minutes, 22 seconds จิตที่สะสมอารมณ์โกรธ อาฆาต พยาบาท ขุ่นแค้น จนเกิดเป็นสนิมเกาะใจ หาความสุขไม่ได้ด้วยแรงของพยาบาท อาฆาต ด้วยภัยของความอาฆาตนี้ พระสารีบุตรได้กล่าวถึงวิธีการระงับความอาฆาต ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นในจิต ดังนี้ แม้ความอาฆาตพึงเกิดขึ้นในบุคคลใด พึงเจริญกรุณาในบุคคลนั้น เปรียบดังเหมือนสงสารคนป่วยไม่สบาย พึงเข้าไปตั้งความกรุณา ความเอ็นดู ความอนุเคราะห์ ในบุคคลนั้นเสีย Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
7/27/2021 • 55 minutes, 22 seconds ธรรมที่ควรทำให้บังเกิด 6429-3d การกำหนดรู้ที่เกิดจากอำนาจแห่งสมาธิ ย่อมทำให้เกิดการรู้แจ้งกระจ่างชัดเจน มีจิตตั้งมั่นเป็นกลาง เช่น เมื่อบุคคลเห็นรูปด้วยตา ฟังเสียงด้วยหู ดมกลิ่นด้วยจมูก ลิ้มรสด้วยลิ้น ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกาย รู้แจ้งธรรมารมณ์ด้วยใจแล้ว ย่อมเป็นผู้ไม่ดีใจไม่เสียใจแต่เป็นผู้วางเฉย มีสติสัมปชัญญะอยู่ นั่นคือ ธรรมที่ควรทำให้บังเกิด Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
7/20/2021 • 58 minutes, 9 seconds ความระลึกรู้ ความตระหนักรู้ นั้นคือ สติ อันเป็นประธานในการกำหนดพิจารณาสิ่งทั้งหลายให้รู้เห็นตามความเป็นจริง การเจริญสติให้มั่นคงเป็นหนทางสายเอกอันเป็นไปเพื่อการดับทุกข์ เพื่อความบริสุทธิ์ เพื่อบรรลุธรรมที่ถูกต้อง เพื่อทำบุคคลผู้เจริญให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน หนทางนี้ คือ “สติปัฏฐาน 4” Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
7/13/2021 • 58 minutes, 47 seconds จิตที่เป็นสมาธิบริสุทธิ์ปราศจากกิเลส ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่ออิทธิวิธี คือ “ฤทธิ์”ฤทธิ์ทั้งปวง จักมีขึ้นได้ด้วยความเพียรพยายาม ขวนขวายทั้งสิ้น ฤทธิ์ทั้งปวงล้วนเกิดจาก ศีล สมาธิ ปัญญา อันบริบูรณ์ เปรียบเหมือนช่างหม้อผู้ฉลาด เมื่อนวดดินดีแล้ว ต้องการภาชนะชนิดใด ๆ พึงทำภาชนะชนิดนั้น ๆ ให้สำเร็จได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
7/6/2021 • 55 minutes, 45 seconds บุคคลใดถูกกิเลสครอบงำแล้วให้กระทำกรร ม เมื่อกระทำกรรมแล้วย่อมได้รับผลของกรรม เมื่อได้รับผลของกรรมแล้ว กิเลสเกิดขึ้นอีก แล้วกระทำกรรมอีก ย่อมเสวยผลของกรรมนั้น หมุนวนเวียนสืบเนื่องด้วยอำนาจของกิเลส กรรม และวิบาก "บุคคลนั้นย่อมได้ชื่อว่า เป็นผู้หมุนวนเวียนเกิดเวียนตายอยู่ใน วัฏฏะ 3" Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
6/29/2021 • 59 minutes, 53 seconds คุณสมบัติของผู้เป็นโจทก์ 6425-3d ธัมม์ทั้ง 5 ประการ คือ โจทก์โดยกาลควร ด้วยเรื่องจริง ด้วยคำอ่อนหวาน ด้วยเรื่องที่ประกอบด้วยประโยชน์ และด้วยเมตตาจิต บุคคลผู้โจทก์พึงตั้งตนอยู่ในธัมม์นั้น แม้บุคคลผู้ถูกโจทก์พึงตั้งตนอยู่ในธัมม์ 2 ประการ คือ ความจริง และความไม่โกรธการสำรวมวาจาเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง บุคคลพึงกล่าววาจาที่ไม่เป็นเหตุยังตนให้เดือดร้อน และไม่เป็นเหตุเบียดเบียนผู้อื่น วาจานั้นแล เป็นสุภาษิต Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
6/22/2021 • 36 minutes, 45 seconds กิเลสกามที่ผูกมัดใจบุคคลไว้กับทุกข์ อันเป็นเครื่องร้อยรัดจองจำจิตใจให้จมอยู่ในวัฏฏะ นั้นคือ สังโยชน์ เครื่องรึงรัดจิตเปรียบประดุจดั่งเกลียวเชือกผูกรัดจองจำลูกวัวไว้กับหลักบุคคลผู้เห็นภัยแห่งเครื่องร้อยรัดนี้ ย่อมอบรมตนให้เจริญในสติปัฏฐาน และดำรงตนในอริยมรรคมีองค์แปด พึงเห็นว่าความพึงพอใจเกิดจากเหตุปัจจัยมาปรุงแต่ง สิ่งใดปรุงแต่ง สิ่งนั้นไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นทนอยู่ไม่ได้ สิ่งใดทนอยู่ไม่ได้ สิ่งนั้นไม่มีแก่นถาวรให้ยึดถือพึงพอใจ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
6/15/2021 • 55 minutes, 21 seconds ธรรมที่มีอุปการะมาก 6423-3d องค์ธรรมอันเกื้อกูลบุคคลให้ดำรงตนอย่างถูกต้องดีงาม ทั้งในด้านกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม มีกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต เป็นธรรมอันมีคุณสมบัติพร้อมแห่งการเอื้อเฟื้อประโยชน์สุขแก่บุคคลเปรียบดั่งบิดามารดาผู้อนุเคราะห์บุตร ให้ตั้งตนอยู่ในความดีงาม ธรรมทั้ง 55 ข้อนี้ เป็นองค์ธรรมที่มีอุปการะมาก เกื้อกูลการกระทำความดีให้มั่นคง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
6/8/2021 • 59 minutes, 4 seconds การที่บุคคลจะก้าวไปสู่ความสำเร็จในการงานได้นั้น จำเป็นต้องอาศัยหลักธรรมเพื่อเป็นรากฐานนำพาชีวิตไปสู่ความสำเร็จหลักธรรมนั่นคือ อิทธิบาท 4 อันเป็นไปเพื่อการเสริมสร้างความมุ่งมั่น โดยอาศัยสิ่งเร้าจากภายในจิตใจของตนเอง คือ การพอใจในสิ่งที่ทำ มีความขยันหมั่นเพียร มีจิตใจจดจ่อ และมีการไตร่ตรองในงานที่ทำ เป็นองค์ธรรมสำคัญที่ควรปลูกฝังให้เกิดขึ้นภายในจิตใจ เพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ในที่สุด Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
6/1/2021 • 29 minutes, 12 seconds ธรรมของผู้อยู่ประจำวัด 6421-3d ข้อปฏิบัติของการอาศัยอยู่ร่วมกันด้วยความสงบ สุภาพและเคารพนอบน้อม คือ ศีลและวัตร 14 เป็นต้น อันเป็นไปเพื่อธํารงความสงบเรียบร้อยในการอยู่ร่วมกันผู้ที่ดำรง ตนใน ศีล และข้อปฏิบัติทั้ง 22 ข้อนี้ ย่อมเป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใสศรัทธา บุคคลผู้ตั้งอยู่ในธรรม ย่อมไม่คลาดจากธรรมอันเกษม Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
5/25/2021 • 29 minutes, 59 seconds ข้อสอบของอริยบุคคล 6420-3d บุคคลผู้ดำเนินตามทางแห่งมรรค 8 จนสามารถมองเห็นฝั่งแห่งนิพพานอยู่เบื้องหน้า มีจุดหมายแห่งการบรรลุอย่างแน่แท้ เรียกว่า อริยบุคคล ผู้บรรลุธรรมวิเศษ แบ่งตามประเภทบุคคลมี 4 ประเภท คือ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ อริยบุคคลผู้ไกลจากข้าศึก ย่อมเห็นว่าสังขารเป็นทุกข์อย่างยิ่ง เมื่อทราบเนื้อความนี้ตามความเป็นจริงแล้ว ย่อมทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน เพราะนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
5/18/2021 • 1 hour, 1 minute, 35 seconds วิญญาณฐิติ และจิต 6419-3d ความหลากหลายและแตกต่างของสัตว์โลกที่มีภพภูมิต่างกัน ทั้งกายต่างกัน เหมือนกัน หรือสัญญาต่างกัน เหมือนกัน ไม่ว่าจะเกิดในภพใดก็ตาม ก็ยังไม่สามารถพ้นไปจากทุกข์ได้ ตราบใดที่ยังมีกิเลส ย่อมมีที่ตั้งของปฏิสนธิ ที่เป็น วิญญาณฐิติ การอบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกไปตามลำดับ ความไม่ประมาทในการเจริญกุศล คือ การดับแห่งเหตุของกิเลสทั้งปวง เรามักจะคุ้นเคยหรือได้ยินได้ฟังบ่อยครั้งกับคำว่า "จิตวิญญาณ" จึงควรทำความเข้าใจเพื่อให้จิตไปเกิดในภูมิที่ต้องการ สืบเนื่องจากการเป็นกระแสต่อ ๆ กันไปในความยึดถือสิ่งต่าง ๆ ด้วยความเป็นตัวตน วิญญาณก้าวลงไปยึดถือ เพราะมีตัณหาเป็นเหตุ "วิญญาณฐิติ" หรือฐานที่ตั้งแห่งวิญญาณ ถูกเข้าไปยึดถือโดยวิญญาณจนกลายเป็นจิตขึ้นมา ให้เห็นด้วยปัญญาว่าตัวตนไม่ใช่ตัวตน ไม่มีสาระแก่นสาร ไม่มีค่าที่จะยึดถือเอาไว้ เกิดความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด และปล่อยวางได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
5/11/2021 • 57 minutes, 38 seconds กัลยาณมิตร เป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์ 6418-3d มิตรในชีวิตของทุกคน หากพูดถึงในรูปแบบของบุคคลก็อาจจะเป็นได้ทั้งบรรพชิต และฆราวาส ย่อมมีหลากหลายประเภท แต่เราควรให้ความสำคัญกับมิตรแท้ หรือ "กัลยาณมิตร" ที่ถึงพร้อมด้วยศีล สมาธิ ปัญญา และคุณธรรมความดี เป็นผู้ห่างไกลจากสิ่งอันเป็นข้าศึกในการพัฒนาศักยภาพชีวิต และตั้งตนอยู่อย่างเหมาะสมแห่งการเคารพ รวมถึงการแนะประโยชน์ให้แก่บุคคลรอบข้าง จนเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาไปสู่ประโยชน์และความสุขในระดับที่สูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
5/4/2021 • 19 minutes, 15 seconds วัดความก้าวหน้าทางธรรม 6417-3d พระผู้มีพระภาคทรงจำแนกกามโภคีบุคคลออกเป็น 10 ประเภท คือ หาทรัพย์มาได้โดยชอบบ้าง โดยทางมิชอบบ้าง แจกจ่ายบ้าง ไม่แจกจ่ายบ้าง ทำบุญบ้าง ไม่ทำบุญบ้าง มัวเมาในทรัพย์นั้นบ้าง ไม่มัวเมาบ้าง ฯลฯทรงแสดงหลักเกณฑ์เพื่อพ ิจารณาตัดสินคุณสมบัติของกามโภคีบุคคล ว่า กามโภคีบุคคลเช่นไรควรติเตียน กามโภคีบุคคลเช่นไรควรสรรเสริญ ดังผู้มีปัญญาบริโภคโภคะเหล่านั้น โดยรู้เท่าทันเห็นโทษ ทำตนให้เป็นอิสระหลุดพ้น เป็นนายเหนือโภคทรัพย์ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
4/27/2021 • 57 minutes, 41 seconds หากทุกคนสามารถตั้งความปรารถนาในเรื่องของญาติพี่น้อง โภคทรัพย์ โรคภัยไข้เจ็บ การรักษาศีล และการมีทิฏฐิ ความเข้าใจที่ถูกต้องได้ ย่อมต้องการเลือกให้เป็นไปในทางความถึงพร้อม หรือ "สมบัติ" (สัมปทา) และย่อมไม่ต้องการความเสื่อม ความไม่ดี หรือ "วิบัติ"ทั้งสมบัติ 5 หรือ วิบัติ 5 นั้นไม่ได้เกิดจากการอ้อนวอนขอร้อง แต่เป็นทางแยกที่เราต้องสร้างเหตุสร้างปัจจัยเพื่อเดินไปตามปากทางแห่งความเจริญหรือความเสื่อมก็ได้ เพราะทั้ง 2 ทางย่อมมีโทษหรืออานิสงส์เกิดขึ้นแน่นอน ทั้งนี้หากเราด ำเนินตามทางของอริยมรรคมีองค์แปด ย่อมไปถึงเป้าหมาย นั่นคือ เข้าถึงซึ่งพระนิพพานได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
4/20/2021 • 58 minutes, 39 seconds จักรวรรดิวัตร 12 คือ ธรรมอันเป็นพระราชจริยานุวัตร สำหรับพระมหาจักรพรรดิ และพระราชาเอกในโลก ที่ใช้สำหรับดำเนินกุศโลบาย และนโยบายทางการเมือง การปกครอง โดยทรงถือ และอาศัยธรรมข้อนี้ร่วมกันกับทศพิธราชธรรม และสังคหวัตถุ 4 เป็นธงชัย มีธรรมเป็นยอดธง มีธรรมเป็นใหญ่ จัดการรักษาป้องกัน และคุ้มครองอันเป็นธรรม Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
4/13/2021 • 11 minutes, 8 seconds ความรู้ยิ่งอันยอดเยี่ยมซึ่งหาที่เปรียบมิได้ ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นของที่เชิญคนเข้ามาพิสูจน์ สามารถรู้เห็นได้เฉพาะตน เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตน เมื่อทำแล้วปฏิบัติแล้ว ทำให้เกิดความดีขึ้น รู้สึกได้ถึงความพอ รู้สึกได้ถึงความอิ่ม และรู้สึกได้ถึงความเต็ม จึงถือว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นแบบฉบับได้เป็นอย่างดี ซึ่งประกอบไปด้วยความรู้ยิ่งที่ยอดเยี่ยม สูงสุด ไม่มีอีก ไม่มีเหลือ และไม่มีอะไรเกินไปจากนี้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
4/6/2021 • 56 minutes, 13 seconds พร 9 ประการ สมปรารถนาด้วยธรรม 6413-3d ขึ้นชื่อคำว่า "พร" เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็ปรารถนา เพื่อต้องการให้เกิดความสุข ความสมหวังด้วยประการทั้งปวงในชีวิต ดังนั้น เราจึงควรทำความเข้าใจในความหมายที่ลึกซึ้งของพรทั้งหมด 9 ประการ ซึ่งได้รวบรวมมาตามคำสอนของพระพุทธเจ้าจากพระสูตรต่าง ๆ อันได้แก่ จักกวัตติสูตร จูฬกัมมวิภังคะสูตร และอิฏฐสูตร Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
3/30/2021 • 59 minutes, 13 seconds บารมี 10 ปฏิปทาอันประเสริฐ 6412-3d ความดีที่บำเพ็ญไว้ หรือข้อปฏิบัติที่สามารถตรวจสอบดูด้วยจิตใจตนเอง ซึ่งเมื่อทำให้เต็มแล้วจะทำให้บรรลุถึงพระนิพพานได้ เรียกว่า "บารมี" มีทั้งหมด 10 ประการด้วยกัน และยังแบ่งเป็นขั้นต้น ขั้นกลาง และขั้นสูงสุดด้วย โดยในแต่ละข้อจะเกี่ยวเนื่อง สอดรับกัน ในแง่มุมของศีล สมาธิ ปัญญา ซึ่งจะมีมรรคแปดเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้บารมีเต็มได้ และมากเพียงพอที่จะทำให้บรรลุธรรมเป็นอริยบุคคลในขั้นต่าง ๆ ด้วย Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
3/23/2021 • 59 minutes, 13 seconds ซึมเศร้าจิตเฉา เพราะพ่ายนิวรณ์ 5 6411-3d โรคซึมเศร้า และโรคเครียด เป็นอาการทางจิตซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเวลา และทุกสถานที่ โดยที่มีสาเหตุหลักมาจากนิวรณ์ห้าเป็นเงื่อนไขนั่นเอง อย่างไรก็ตาม เราสามารถเอาชนะโรคเหล่านี้ได้ด้วยการเจริญพละ 5 และอิทธิบาทสี่ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
3/16/2021 • 1 hour, 44 seconds ปฏิจจสมุปบาทสายดับ "นิรุชฌติ" 6410-3d "ทุกข์เท่านั้นที่เกิด และทุกข์เท่านั้นที่ดับ นอกจากทุกข์แล้วไม่มีอะไรเกิด ไม่มีอะไรดับ"ปฏิจจสมุปบาทสายดับ "นิรุชฌติ" คือ ธรรมในการอธิบายความเสื่อม และความสลาย เหตุเพราะความเสื่ อมและความสลายนั้น ตนกระทำเองก็ไม่ใช่ ผู้อื่นกระทำให้เสื่อมสลายก็หาไม่ ทั้งตนกระทำเองทั้งผู้อื่นกระทำให้ก็ไม่ใช่ เกิดขึ้นเพราะอาศัยตนไม่ได้กระทำเอง ผู้อื่นไม่ได้กระทำให้ก็ไม่ใช่ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
3/9/2021 • 59 minutes, 40 seconds ปฏิจจสมุปบาทสายเกิด "อุปปัชชติ" 6409-3d ความทุกข์ที่รุนแรงที่สุดในชีวิตคนหนึ่ง ๆ ก็คือ ความตาย นั่นเอง ดังนั้นเราจะสามารถรับมือกับความตายได้ก็ด้วยการทำให้การเกิดสิ้นไป รายละเอียด และวิธีการสามารถศึกษาได้จากธรรมะของพระพุทธเจ้า ที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าต้องอาศัยการใคร่ครวญโดยแยบคายเป็นอย่างดี จึงจะกลั่นกรองออกมาเป็นธรรมะได้ ถือเป็นสัจจะความจริงสำหรับทุกกรณี ทุกคน ทุกเวลา และทุกสถานที่ เป็นอกาลิโก และทนต่อการเพ่งพิสูจน์ได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
3/2/2021 • 58 minutes, 3 seconds พละ หลักธรรมปรับสมดุลจิต 6408-3d พละ มรรคาแห่งธรรม ธรรมอันเป็นกำลังในการปฏิบัติเพื่อประหารอกุศล พลังอันเป็นหลักมั่นคงในจิตแห่งการเจริญปัญญา เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้พร้อม เพื่อนิพพาน Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
2/23/2021 • 57 minutes, 57 seconds ศรัทธา 4 วิจิกิจฉา 8 การละอีก 6 6407-3d การเพิ่มกำลังของปัญญาเพื่อต่อสู้กับกิเลสได้นั้น ก็ด้วยการปลูกศรัทธาให้เจริญงอกงาม ซึ่งประกอบด้วยศรัทธา 4 ประเภทในขณะเดียวกันก็จะมีศัตรูที่จะมาขวางทางของศรัทธาเพื่อไม่ให้เกิดความมั่นใจได้อย่างเต็มที่ ซึ่งก็คือ วิจิกิจฉา 8 อย่างนั่นเองทั้งนี้จะสามารถกำจัดวิจิกิจฉาทั้งหมดออกไปจากจิตได้ก็ต้องอาศัยธรรมสำหรับการละวิจิกิจฉาทั้ง 6 ประการ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
2/16/2021 • 1 hour, 1 minute, 56 seconds เสนามาร 10 ประการ 6406-3d บุคคลจะหลุดพ้นจากสังสารวัฏ เพราะความอยากนั้นเป็นไปไม่ได้เลย แต่ในทางตรงกันข้าม เหตุที่ต้องเวียนวนอยู่ในสังสารวัฏมาแสนนานก็เพราะความอยากยุทธวิธีชนะเสนามารทั้ง 10 ประการ จึงต้องอาศัยความกล้าหาญ ความเพียร ถึงจะหลุดพ้นจากสังสารวัฏ และพบความสุขอันเกษม นั้นคือ “นิพพาน”"นี้เสนามารของท่าน (เป็นมารไม่ปล่อยท่านให้พ้นอำนาจไป) เป็นผู้ประหาร ท่านผู้มีธรรมดัม (มืด) คนไม่กล้า ย่อมไม่ชนะเสนานั้นได้คนกล้าย่อมชนะได้ ครั้นชนะแล้วย่อมได้ความสุข ดังนี้"- ขุททก. จูฬ. ๓๐ / ๒๘๙ / ๑๑๑. Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
2/9/2021 • 1 hour, 3 minutes, 48 seconds เหตุอันบุคคลยังวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏ เพราะถูกหุ้มห่อไว้ด้วยอวิชชา เป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้ตามความจริง คือ ความไม่รู้ในอริยสัจ 4 เมื่อไม่รู้ตามความจริง จิตก็มืดมน หนทางดับอวิชชา นั้นมีอยู่ ติดตามรับฟังได้ในใต้ร่มโพธิบท ตอน “วิธีดับอวิชชา” Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
2/2/2021 • 51 minutes, 59 seconds ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ที่ต้องทำให้เจริญ อริยมรรค มีองค์ 8 ย่อลงมา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา อันเป็นมรดกธรรมที่องค์สมเด็จพระสัมมาสั มพุทธเจ้าทรงมอบไว้ให้ บุคคลใดดำเนินตามทางแห่ง “ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ” ปฏิบัติให้มาก ทำให้เจริญ ย่อมดับกองทุกข์ได้สนิท เข้าใจหนทางแห่งการดำเนิน และการปฏิบัติ เพื่อกระทำที่สุดแห่งทุกข์ให้แจ้ง ได้ในใต้ร่มโพธิบทตอนนี้ ซึ่งเป็นตอนสุดท้าย ของเรื่อง อริยสัจ ทั้ง 4 ตอน Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
1/26/2021 • 58 minutes, 6 seconds ทุกขนิโรธอริยสัจ ที่ต้องทำให้แจ้ง 6403-3d สิ่งใดมีเงื่อนไขปัจจัย เกิดขึ้น มีอยู่ ดำรงอยู่ ความดับของเงื่อนไขปัจจัยนั้น ย่อมต้องมี ทุกข์จะดับได้เพราะเหตุแห่งทุกข์นั้นดับลงความจางคลาย ความหลุดออกไปแห่งตัณหา คือ ความดับไม่เหลือแห่งกองทุกข์ นั้นคือ ทุกขนิโรธอริยสัจเข้าใจความดับไม่เหลือของทุกข์อย่างแจ่มแจ้งได้ในใต้ร่มโพธิบทตอนนี้ ซึ่งเป็นตอนที่ 3/4 ของเรื่อง “อริยสัจ” Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
1/19/2021 • 54 minutes, 33 seconds ทุกขสมุทัยอริยสัจ ที่ต้องละ 6402-3d ใต้ร่มโ พธิบทในวันนี้ยังคงอยู่ในหัวข้อเรื่อง "อริยสัจ" และในวันนี้เป็นเรื่องของ "ทุกขสมุทัยอริยสัจ" เหตุอันเป็นแดนเกิดแห่งทุกข์เหตุเกิดของความทุกข์ คือ ตัณหา ลักษณะของตัณหา คือ 1. ทำให้มีการเกิดอีก 2. ประกอบด้วยความกำหนัด 3. เพลินในอารมณ์ พระพุทธองค์ท่านทรงแจกแจงไว้ ดังนี้ ตัณหาในกาม ตัณหาในความมีความเป็น ตัณหาในความไม่มีไม่เป็นประกอบไปด้วย 3 อย่างนี้ คือ “ ทุกขสมุทัย” Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
1/12/2021 • 52 minutes, 25 seconds ทุกขอริยสัจ ที่ต้องกำหนดรู้ 6401-3d ใต้ร่มโพธิบทในวันนี้เป็นตอนแรกของ "อริยสัจ องค์ความรู้แห่งปัญญา" เริ่มด้วย ทุกข์ ต้องกำหนดรู้ ทุกข์ ต้องรอบรู้ และทุกข์ ต้องเข้าใจ นั้นคือ "ทุกขอริยสัจ ที่ต้องปริญญายะ" Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
1/5/2021 • 56 minutes, 48 seconds เริ่มต้นปีใหม่ด้วยการพัฒนา 6353-3d “บันทึกแห่งชีวิต”ทบทวนชีวิตตลอดปีเก่าที่ผ่านไป เริ่มต้นปีใหม่ด้วยการพัฒนา บ นรากฐานแห่งธรรม “สัมมัปปธาน 4"พิจารณา ทบทวน และพัฒนาชีวิตบนรากฐานแห่งธรรมเป็นอย่างไร ติดตามฟังได้จากใต้ร่มโพธิบท ตอน เริ่มต้นปีใหม่ด้วยการพัฒนา Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
12/29/2020 • 58 minutes, 5 seconds รื่นเริงทางโลก เบิกบานทางธรรม ด้วยศีล 7 บริษัท 3 …เมื่อไม่ชอบสิ่งใด อย่าทำสิ่งนั้นกับผู้อื่น… ความเป็นปกติ 7 อย่าง คืออะไร ?วาจาสำคัญอย่างไรในยุคปัจจุบัน ?อะไรคือเหตุแห่งความสามัคคีหรือแตกแยก ?หาคำตอบได้ที่ใต้ร่มโพธิบท ตอน รื่นเริงทางโลก เบิกบานทางธรรม ด้วยศีล 7 บริษัท 3 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
12/22/2020 • 55 minutes, 12 seconds ดำรงจิตไม่แปรปรวน ด้วยวาจา 5 อุปมา 6 6351-3d “เวลาที่เรามีผัสสะอันไม่น่าพอใจมากระทบแล้ว เราจะทำความสงบเสงี่ยม อ่อนน้อม เยือกเย็น อยู่ได้ไหม?”ในเวลาที่ชีวิตต้องพบเจอกับเหตุการณ์ที่ทำให้เราไม่พอใจจากปัจจัยภายนอก จากบุคคลอื่น ทั้งถูกนินทา ด่าทอ ว่าร้าย จนเกิดความทุกข์ในใจ เ ราจะทำอย่างไร?หัวข้อในวันนี้จึงเป็นเรื่องของวาจา 5 อย่าง และอุปมาอีก 6 อย่าง ที่เมื่อเราทำความเข้าใจแล้ว เราจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ คือ เมื่อเจออุปสรรคที่ไม่น่าพอใจแล้ว เรายังสามารถที่จะทำจิตใจให้มั่นคงเข้มแข็งและสบายใจอยู่ได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
12/15/2020 • 58 minutes, 18 seconds พัฒนาศักยภาพ ยกระดับสู่บุรุษอาชาไนย 6350-3d Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
12/8/2020 • 58 minutes, 11 seconds อาชาไนยขั้นกว่า ด้วยการฝึก 6349-3d Sense of Urgency หรือความสลดสังเวช ความสะดุ้ง ความกลัว เป็นเหตุปัจจัยให้บุคคลอาชาไนยหรืออริยบุคคลได้ปฏิบัติธรรมด้วยความพากความเพียรตามหลักอริยมรรคมีองค์แปด จนกระทั่งสำเร็จเกิดเป็นอรหัตผลขึ้นได้ เปรียบได้กับม้าอาชาไนยที่ถูกฝึกดีแล้ว ยังสามารถฝึกให้ได้เร็วหรือช้าเพื่อตอบสนองต่อคำสั่งของผู้ฝึกได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้องและแม่นยำหากยังไม่สามารถบรรลุธรรมขั้นอรหัตผล ก็ยังคงเป็นผู้ที่ผ าสุกอยู่ได้ ด้วยการตั้งความเพียรโดยแยบคาย สมดุล และมีตนส่งไปในแนวธรรมะกล่าวคือ ไม่มากเกินไปจนขึงเครียด ฟุ้งซ่าน หรือไม่น้อยเกินไปจนกลายเป็นความเกียจคร้าน Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
12/1/2020 • 58 minutes, 14 seconds เนกขัมมะ การหลีกออกจากกาม 6348-3d เนกขัมมะ หนึ่งในอนุปุพพิกถา คือ ทางสายกลาง คือ ฌานสมาธิในขั้นต่าง ๆ ประเด็นคือ การดำริคิดนึกจะหลีกออกจากกามหรือเนกขัมมะสังกัปปะ กับการหลีกออกจากกามหรือเนกขัมมะ ไม่เหมือนกันทีเดียว แค่ตั้งจิตไว้ว่าจะต้องทำสมาธิบ้าง ได้มากบ้างน้อยบ้างฟุ้งซ่านบ้าง ยังไม่ได้สมาธิเต็มที่ แค่อยากจะทำนี่ดีมากแล้ว ..รู้อยู่ว่าเนกขัมมะเป็นทางไปสู่ความสำเร็จ รู้อยู่ว่ามรรคแปดทำให้ไปสู่นิพพานพ้นจากความทุกข์ได้ แต่จิตทำไมไม่แล่นไป ฝึกสิ ทำให้มาก คือ ใคร่ครวญโดยแยบคาย ให้เห็นโทษของกามมีมาก แต่โทษของเนกขัมมะมีน้อย ประโยชน์ของมันมากจริง ๆ ทั้งเป็นความสงบระงับเย็น ความที่จะดับโทษของกามได้ และยังเป็นไปเพื่อสัมโพธิ ..มาตามทางให้ถูกใช้ปัญญาเป็นยาใส่ไปในจิตใจของเรา ร่างกายมีแต่จะเสื่อม คิดจะพึ่งหมอพึ่งยา ร่างกายมันมีวันหมดอายุ แล้วคุณจะพึ่งอะไร การหลีกออกจากกาม หรือเนกขัมมะเท่านั้นจะเป็นทางออกเป็นที่พึ่งเดียวของเรา.. Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
11/24/2020 • 1 hour, 41 seconds กามาทีนวกถา โทษของกาม 6347-3d “กาม” คือ ความกำหนัดยินดีพอใจที่เกิดขึ้นอยู่ในจิตใจของเรา วัตถุภายนอกที่วิจิตรพิสดารเลิศหรูดูดี นั่นไม่ใช่กาม นั่นเรียกว่ากามวัตถุ แต่ความเพลิดความพอใจความยินดีในกามวัตถุนั้นเรียกว่ากาม เราจะเห็นคุณของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ต้องเห็นโทษของมันด้วย เห็นทั้งข้อดีข้อเสีย แบบนี้จึงจะมีความรอบคอบมีความรัดกุม มีไหวพริบ มีปฏิภาณ มีปัญญา มีโยนิโสมนสิการ อะไรที่จะดีโดยส่วนเดียวไม่มี จะรู้ว่า “โทษของกาม” หนึ่งในอนุปุพพิกถา คือ สิ่งที่พระพุทธเจ้าแสดงไปตามลำดับเป็นอย่างไร มีโทษอย่างไร กามที่มันยึดโยงเราทุกทางเป็นอย่างไร ติดตามฟังได้ในเอพิโสดนี้“..กามเปรียบกับเขียงสับเนื้อ เปรียบกับท่อนกระดูก เปรียบชิ้นเนื้อที่นกคาบไป เปรียบกับคบเพลิงหญ้า เปรียบกับหลุมถ่านเพลิง เปรียบด้วยของในความฝัน เปรียบเหมือนของยืมเขามา เปรียบกับผลไม้บนต้น เปรียบกับรูรั่วของเรือ เปรียบด้วยคลื่น..” Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
11/17/2020 • 59 minutes, 53 seconds สัคคกถา เรื่องของสวรรค์ 6346-3d เรื่องสวรรค์ หนึ่งในอนุปุพพิกถา ธรรมที่แสดงไปตามลำดับ ที่ที่มีความสุขมากกว่าโลกมนุษย์มาก ๆ ที่เมื่อได้ฟังเอพิโสดนี้แล้ว จะมีความเข้าใจว่า สวรรค์เป็นแบบนี้ เหตุปัจจัยที่จะทำให้ไปเป็นเทวดาเป็นแบบนี้ ไม่ได้ยาก! ให้ทาน รักษาศีล เจริญเทวตานุสสติ ทำจิตให้เลื่อมใส และการทำบุญในเนื้อนาบุญ ทำน้อยได้มากยิ่งทำมากยิ่งได้มากขึ้นไปอีก ที่สำคัญความเป็นเทวดา สามารถเป็นได้ตั้งแต่เป็นมนุษย์โลกนี้ ด้วยคุณธรรม มีศีล มีจาคะ มีความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน ก็เป็นเทวดาเดินดิน อยู่บนพื้นดิน มีความสุขเกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน ต่อให้เทวดาและภพหน้าไม่มีจริง หรือถ้าเทวดาและภพหน้ามีจริง ความสุขของเทวดาบนสวรรค์นั้น ก็เทียบไม่ได้เพียงส่วนเสี้ยวของภูเขาหิมาลัยกับหินก้อนเท่าฝ่ามือที่เป็นความสุขของพระเจ้าจักรพรรดิ ฟังแล้วให้มีความมั่นใจว่า ในทางคำสอนของพระพุทธเจ้า มีสวรรค์เป็นที่ไปและที่สูงกว่านั้นยังมีอีก Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
11/10/2020 • 55 minutes, 22 seconds ทานกถา เรื่องของทาน 6345-3d ‘ทาน’ คือ การให้ หนึ่งในอนุปุพพิกถา คือธรรมะที่แสดงไปตามลำดับ เพื่อชี้แนวแห่งโลกุตระ‘ทาน’ ที่เมื่อสละออก ซึ่งสิ่งของภายนอก ความตระหนี่อยู่ตรงไหน ละที่ตรงนั้น ความตระหนี่ความหวงกั้นหายไปเกิดบุญทันที‘ทาน’ ยิ่งให้ยิ่งได้ การได้ คือ ลาภะ ให้ ‘ทาน’ คือ ละความตระหนี่ จิตจึงเบา ความเบา คือ ผล ผล คือ การได้ลาภะคือบุญ ผล คือ ความสุข บุญคือชื่อของความสุข ‘ทาน’ ให้โดยไม่กระทบตนไม่กระทบคนอื่น มีจิตอนุเคราะห์ให้ทาน ให้ทานอันควร ให้โดยเคารพ ให้โดยศรัทธา นี่จึงเป็นลักษณะของสัตบุรุษที่ให้ทาน ‘ทาน’ คือ การให้เพื่อหวังบุญ ให้อย่างไรจึงมีอานิสงส์มาก ไม่เศร้าหมอง และการให้ทานอย่างไรที่เหนือกว่าสิ่งของทั้งปวง เป็นการให้ทานขั้นสูงสุด Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
11/3/2020 • 58 minutes, 1 second วิชชา จรณะ และทางเสื่อม 4 ประการ 6344-3d ในวันนี้จะได้นำเอาเรื่อง จรณะ 15 วิชชา 8 และทางเสื่อม 4 อย่าง ที่เราคุ้นเคยจากบางส่วนของบทสวดมนต์ที่ว่า "วิชชา จรณะ สัมปันโน…" คือ เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ประโยคนี้มีความสำคัญต่อกันเพื่อนำไปสู่ความเจริญได้อย่างไร แล้วทางเสื่อมทั้ง 4 อย่างของวิชชาและจรณะเป็นอย่างไร ติดตามรับฟังได้ในใต้ร่มโพธิ์ตอนนี้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
10/27/2020 • 59 minutes, 32 seconds "ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่งที่เป็นเหตุให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิดเกิดขึ้น หรืออกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วเสื่อมไปเหมือนความเป็นผู้สันโดษ" - อํ. เอก-ทุ-ติ ๒๐/๑๒/๖๖.หัวข้อแม่บทในวันนี้เป็นเรื่องของ "ความสันโดษ" ซึ่งเป็นธรรมะที่อยู่ในหัวข้อปฏิบัติ ที่เป็นทางกาย ทางวาจา ไม่ใช่ศีลแต่ว่าเหนือกว่าศีลขึ้นมานิดนึง เราจะมาเจาะจงลึกลงไปในหัวข้อและความหมายโดยละเอียด เพื่อให้เกิดความเข้าใจ จนสามารถนำไปใช้ในการปฏิบัติในชีวิตประจำวันให้ได้มากขึ้น Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
10/20/2020 • 58 minutes, 28 seconds ความหมายของสัมปชัญญะ 6342-3d "ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุ พึงเป็นผู้มีสติอยู่ อย่างมีสัมปชัญญะ"ข้อความคำสอนนี้มีความหมายว่าอย่างไร? ในวันนี้เราจะมาทำความเข้าใจในความหมายของคำว่า "สัมปชัญญะ" ทั้งจะยังได้ทำความเข้าใจความเกี่ยวข้องกันของ สติ สัมปชัญญะ ปัญญา และฐานที่ตั้งแห่งความมีสัมปชัญญะ 19 ฐาน Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
10/13/2020 • 59 minutes, 47 seconds "ที่นี่คนมาเยอะ ต้องศักดิ์สิทธ์แน่ ๆ""ฉันไปทำบุญ (ไหว้พระ) ที่นี่มา เลยกลับมา ถูกหวย ขายของดี เป็นเทนำ้ เทท่าเลย""คนนี้จำพระสูตรได้มาก ต้องบรรลุธรรมแน่ ๆ เลย""พระองค์นี้เป็นพระเถระแล้ว ต้องบรรุลุธรรมขั้นสูงแน่ ๆ เลย""พระองค์นี้ยังหนุ่มอยู่เลย คงยังไม่บรรลุธรรมอะไร"การให้เหตุผลต่าง ๆ เหล่านี้เป็นข้อสรุปที่ถูกต้องหรือบกพร่องกันแน่ แล้วที่ว่าถูกต้องจริง ๆ จะเป็นไปในลักษณะไหน เรามาค้นหากันในใต้ร่มโพธิ์ตอนนี้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
10/6/2020 • 57 minutes, 57 seconds ประตูสู่ความเสื่อมและความเจริญ 6340-3d หัวข้อที่ยกขึ้นในวันนี้ก็คือ ปากทางแห่งความเสื่อม และปากทางแห่งความเจริญ คือ ทางที่มันจะไปดีหรือไม่ดี สู่ความเจริญหรือความเสื่อม ทางนั้นก็ต้องผ่านประตู ทางเป็นมรรค ส่วนประตูก็ คือ มุขนั่นเอง เราจะเลือกไปทางไหน ช่องทางแห่งความเสื่อมเราเรียกว่า อบายมุข ที่ถ้าเราไปไม่ดีไม่ว่าจะเป็นอบายมุข 4 หรืออบายมุข 6 มันก็คือ มิจฉามรรค มีที่หมายคือ อบาย 4 แต่ถ้ามาตามทางไม่ว่าจะเป็นวัฒนมุข วุฒิธรรม 4 เหล่านี้อยู่ในมรรค 8 เป็นสัมมามรรค ที่ให้เกิดความเจริญความดีขึ้น ไปสู่ภูมิมนุษย์ เทวดา พรหม หรือว่าจบที่นิพพานได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
9/29/2020 • 57 minutes, 52 seconds โครงสร้างของสมาธิทั้ง 9 ขั้น 6339-3d ในเอพิโสดนี้ เราจะได้มาทำความเข้าใจในองค์ประกอบต่าง ๆ ของสมาธิ แจกแจงพิจารณาทั้งเหตุปัจจัย เงื่อนไข และลักษณะของสมาธิในแต่ละรูปแบบ เจาะลึกลงไปให้เห็นรายละเอียดข้างในแต่ละส่วน ๆ ของสมาธิทั้งหมด 9 ขั้น คือ อนุปุพพวิหาร 9 อันว่าด้วยการเข้าออกสมาธิทั้ง 9 ขั้นที่ประณีตไล่ต่อกันขึ้นไปโดยลำดับ ได้แก่1) ปฐมฌาน 2) ทุติยฌาน 3) ตติยฌาน 4) จตุตถฌาน 5) อากาสานัญจายตนะ 6) วิญญาณัญจายตนะ 7) อากิญจัญญายตนะ 8) เนวสัญญานาสัญญายตนะ และ 9) สัญญาเวทยิตนิโรธ เหล่านี้คือ วิหารธรรม เป็นเครื่องอยู่ของจิต 9 ลำดับ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
9/22/2020 • 59 minutes, 29 seconds เหตุของการถามและลักษณะของการตอบปัญหา 6338-3d ใต้ร่มโพธิ์บทในวันนี้ เป็นหัวข้อธรรมะที่เกี่ยวกับเรื่องเหตุของการถามปัญหาทั้ง ๕ ข้อ และลักษณะการตอบปัญหา ๔ อย่าง รวมไปถึงธรรมะในหมวดอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้เราได้ศึกษาให้เ ข้าใจในการถามปัญหาและวิธีการตอบคำถามต่าง ๆ ตามแนวทางที่พระพุทธเจ้าและพระอริยสาวกท่านได้นำมาใช้งานในวาระที่เหมาะสมต่าง ๆ กันไป Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
9/15/2020 • 56 minutes, 39 seconds แง่ต่างแห่งปปัญจสัญญา 6337-3d ใต้ร่มโพธิ์บทในวันนี้ เราจะได้มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่อง "แง่ต่างแห่งกิเลสเครื่องเนิ่นช้า" คือ ปปัญจสัญญาสังขา ซึ่งเนื้อหาหลักมาจากคำถามของท่านท้าวสักกะเทวราชในเรื่อง สักกะปัญหะสูตร (ปฏิจจสมุปบาทแห่งการดับปปัญจสัญญาสังขา) เพื่อที่จะได้ทำให้แจ้งซึงวิธีดับปปัญจสัญญาสังขานี้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
9/8/2020 • 56 minutes, 7 seconds โลกหมุนตามโลกธรรม 6336-3d ใต้ร่มโพธิบทในตอนนี้เป็นเรื่องของโลกธรรมทั้ง 8 ประการ ที่เมื่อเกิดขึ้นกับเราแล้ว จะมีวิธีการอย่างไรที่จะไม่ประมาทเมื่อมีลาภ ได้ยศ สรรเสริญ สุข ทำอย่างไรที่จิตใจจะไม่ถูกครอบงำเมื่อเกิดความเสื่อมจากลาภ ยศ สรรเสริญ ถูกนิ นทาและมีทุกข์ ทำอย่างไรจึงจะ "ไม่หมุนไปตามกระแสของโลก…อยู่ในโลกก็ไม่ติดในโลก" ได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
9/1/2020 • 57 minutes, 40 seconds ธรรมะของพ่อค้าแม่ขาย 6335-3d ธรรมะในวันนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับพ่อค้าแม่ค้าและคนทำธุรกิจต่าง ๆ ถึงวิธีการที่ว่าทำอย่างไรจึงจะทำการค้าให้มีกำไร? ทำอย่างไรถึงจะไม่ขาดทุน? คุณสมบัติของคนที่จะทำการค้าให้ได้กำไรต้องทำอย่างไร? สิ่งใดควรค้าขาย สิ่งใดไม่ควรค้าขาย? เราจะมาทำความเข้าใจทั้งหมดได้ในตอนนี้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
8/25/2020 • 57 minutes, 50 seconds รถ 7 ผลัดเพื่ออนุปาทาปรินิพพาน 6334-3d ในตอนนี้จะได้นำเสนอเรื่องราวซึ่งเป็นอุปมาอุปมัยเปรียบเทียบด้วยรถ 7 ผลัด ที่ท่านพระปุณณมันตานีบุตรได้กล่าวเป็นคำถามและคำตอบไว้กับท่านพระสารีบุตรโดยในความเป็นไปอันแท้จริงแล้ว ข้อความถามทั้งหมดเป็นหัวข้อที่ท่านพระสารีบุตรได้กำหนดขึ้นเพื่อให้ท่านพระปุณณมันตานีบุ ตรได้ตอบ โดยไล่เรียงไปตามความบริสุทธิ์ 7 ขั้น ขอเชิญรับฟัง "ความบริสุทธิ์หมดจด 7 อย่าง หรือ วิสุทธิ 7" ได้ในตอนนี้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
8/18/2020 • 56 minutes, 56 seconds ปัญญาของบุคคล 3 ระดับ 6333-3d ในเรื่องปัญญาของบุคคล 3 ระดับนี้ เป็นเรื่องของการฟังธรรมคือ ฟังธรรมแล้ว จำได้ไหม? แนวทางที่มีองค์ประกอบอันประเสริฐ 8 อย่าง เป็นยังไง? จำได้แล้ว เอาไปทำได้ไหม? นี่คือสิ่งที่สำคัญสิ่งสำคัญที่จะพัฒนาปัญญา จากลักษณะเป็นหม้อคว่ำ คือ จำอะไรไม่ได้เลย มาเป็นหม้อหงายได้ นั่นคือให้มีการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เอาไปให้ได้ อย่าให้อยู่เฉพาะกับพระ อยู่กับตำรา หรือ ว่าอยู่กับรายการวิทยุนี้ เอาไปให้ได้ เอาไปพัฒนาใช้ให้ได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
8/11/2020 • 48 minutes, 43 seconds เหตุปัจจัยที่ทำให้เป็นคนว่ายาก 6332-3d ในวันนี้จะยกหัวข้อที่เรียกว่า "เหตุปัจจัยที่ถ้าละได้แล้ว ก็จะทำให้เป็นคนว่าง่าย" คนเราจะเป็นคนบอกยาก หรือบอกง่าย สามารถดูได้จากคุณธรรม 16 อย่างต่อไปนี้ ที่เมื่อรับฟังแล้ว เราควรที่จะนำมาใคร่ครวญ มาอบรมในจิตใจอยู่เสมอว่าเรามีไหม ถ้าหากว่ามี แล้วเราจะละออกได้อย่างไร Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
8/4/2020 • 59 minutes, 15 seconds ไม่ต้องเชื่อตามผู้อื่นในคำสอนของศาสดาตน …ให้เรามี "ศรัทธา" ในระดับที่ไม่ต้องเชื่อตามคำสอนนั้นแล้ว… จิตใจเมื่อมีศรัทธาก็จะเกิดความเพียร คือ ความกล้าที่จะทำจริงแน่วแน่จริง ศีลก็จะค่อยๆ สมบูรณ์บริบูรณ์ขึ้นมาได้ สิ่งที่จะตามมา คือ ความไม่ร้อนใจความสบายใจ สมาธิจะเกิดขึ้นพอประมาณ คลายความเคลือบแคลงเห็นแย้งลงได้ ถ้าเรายังต้องอาศัยผู้อื่นให้เกิดความเชื่อ คือศรัทธาในมรรคแปด คือ เรายังมีวิจิกิจฉาอยู่ แต่ถ้าด้วยศีลเต็ม มีสมาธิพอประมาณ มีปัญญาพอประมาณ เราจะงัดเจ้าวิจิกิจฉา คือความเคลือบแคลงสงสัยออกไปได้ เราจะเกิดความมั่นใจในลักษณะที่ไม่ต้องเชื่อตามผู้อื่นได้ ศรัทธาที่ไม่งมงาย ไม่ต้องอาศัยอ้างกันตามปิฎก ไม่ต้องอาศัยคำเล่าลือทำตามๆ กันมา หรือฟังดูน่าเชื่อถือ แต่เป็นศรัทธาที่มีตนเป็นเครื่องยืนยันเป็น "สันทิฏฐิโก" โดยไม่ต้องอาศัยผู้อื่นหรือสิ่งใด แต่อาศัยการปฏิบัติ อาศัยตัวเราเอง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
7/28/2020 • 16 minutes, 36 seconds หมวดธรรมที่เป็นเหมือนบันไดอันจะนำให้ขึ้นไปสู่โลกุตตระ คือ เรื่องที่กล่าวถึงตามลำดับเพื่อให้เกิดความลึกซื้ง ลุ่มลึกยิ่ง ๆ ขึ้นไป เป็นส่วนที่ชี้แนวทางที่จะไปสู่ปรมัตถ์ ส่วนที่เป็นระดับเหนือโลก โดยมักจะแสดงไว้กับบุคคลที่เป็นคฤหัสถ์หรือว่าผู้ครองเรือน ผู้ที่ยังเกี่ยวเนื่องด้วยเหย้าเรือน ธรรมะส่วนนี้เราเรียกว่า "อนุปุพพิกถา" โดยไว้เป็น 5 หัวข้อด้วยกัน"ดูก่อนยสะ ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง เธอจงมาที่นี่ แล้วนั่งลง เราจะแสดงธรรมให้ฟัง" Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
7/21/2020 • 59 minutes, 57 seconds 10 ข้อสอบทาน เพื่อการพัฒนาตนเอง 6329-3d การศึกษาเล่าเรียนเหมือนการไปจับงูพิษ ถ้าจับไม่ถูก ไม่ดี มันฉก กัด ได้ ถ้าเราไม่ทำสมาธิให้ดีก่อน การเรียนไป เข้าใจไป รู้ไป บางทีอวิชชามันเพิ่มขึ้น เรียนรู้มากขึ้น แต่โง่ลง เพราะมีกิเลสมากขึ้น วิธีป้องกันไม่ให้กิเลสมากขึ้น ในการศึกษาเล่าเรียนไม่ให้เผลอเพลินไป คือ การที่เราต้องรู้จักตรวจสอบตัวของเราเอง ทั้งที่เป็นคฤหัสถ์และนักบวชด้วย ซึ่งสามารถใช้วิธี และขบวนการต่าง ๆ เหล่านี้ ในการพิจารณาตนเองเป็นต้นเป็นปฐม แล้วจึงค่อยขยายต่อไป ในการที่จะไปใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งไม่ใช่รูปแบบของการนั่งสมาธิภาวนา แต่เป็นการพัฒนาตนเองอยู่ในทุกรูปแบบเพื่อให้มี ศีล สมาธิ ปัญญาเพิ่มขึ้น จึงต้องคอยตรวจสอบ ใคร่ครวญ ตัวเองอยู่เสมอไตร่ตรองทุกวัน เช้าเย็น จะสามารถทำให้เรา พัฒนาตัวเองเป็นวิมังสา เป็นผู้มีความก้าวหน้าในธรรมวินัยนี้ ด้วยวิธีการต่าง ๆ เหล่านี้ ดีมากแน่นอน Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
7/14/2020 • 1 hour, 1 minute, 15 seconds ภัย 4 อย่าง ของภิกษุผู้บวชใหม่ 6328-3d ในเอพิโสดนี้ ปรารภในเรื่องของโคปกเทพบุตร ที่ได้ตักเตือนพวกคนธรรพ์ 3 ตน ให้กลับมีสติ ระลึกถึงคุณของเนขัมมะได้ จึงจากไม่ดี กลับเป็นดี จากเทวดาชั้นต่ำสุด พลันไปเกิดในพรหมชั้นสูง ประเด็นในที่นี้ ก็คือ อะไรที่จะทำให้ตกไปในทางต่ำได้ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน "จาตุมสูตร" กล่าวถึง ภัย 4 อย่าง ของภิกษุผู้บวชใหม่ในธรรมวินัยนี้ อันเป็นเหตุให้ประพฤติพรหมจรรย์อยู่ได้ไม่ยั่งยืน ต้องลาสิกขาไป เปรียบเทียบกับสิ่งที่คนลงไปในน้ำพึงประสบ คือ อูมิภัย (ภัยจากคลื่น) กุมภีลภัย (ภัยจากจระเข้) อาวัฏฏภัย (ภัยจากน้ำวน) และสุสุกาภัย (ภัยจากปลาร้าย)เพราะมี "สติ" ไม่เผลอเพลิน เมื่อเจออุปสรรคคือภัยเหล่านี้ขัดอยู่ขวางอยู่ ก็ให้เราตั้งต้นใหม่ ทำใหม่ เดินตามมรรคใหม่อีก ถ้ามีผัสสะอยู่จุดไหน นั่นเป็นจุดที่เราเริ่มใหม่ได้ เป็นจุดที่จะให้เราเดินตามมรรคได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะอยู่ในเพศบรรพชิต หรือในความเป็นคฤหัสถ์ จะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ก็สามารถทำความดีความงามให้เจริญขึ้นได้ ทำความสิ้นทุกข์ให้เกิดขึ้นได้แน่นอนแนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: คลังพระสูตร S09E38 , #ภัยจากคลื่นและจระเข้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
7/7/2020 • 27 minutes, 1 second ทางสายกลางดับกรรมได้ 6327-3d พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ที่ใต้ต้นไทรอันเป็นที่พักร้อนของเด็กเลี้ยงแพะ บอกกับสหัมบดีพรหมว่า "ประตูสู่นิพพานอันเป็นอมตะ เราเปิดไว้แล้ว คือ อริยมรรคมีองค์ 8 เป็นมัชฌิมาปฏิปทา เป็นทางสายกลาง สัตว์เหล่าใดที่จะมาตามทางนี้ สัตว์เหล่านั้นจงปลงศรัทธาลงไปเถิด"ทางนี้ เป็นช่องทางที่จะให้รอดไม่ติดตัน ที่ใครก็ตามเมื่อปฏิบัติแล้ว ถ้าทำถูก จะได้ผลเหมือนกันแน่นอน เป็นทางที่จะพาไปสู่ความประเสริฐชนิดที่เมื่อไปถึงแล้ว ไม่มีอะไรยิ่งไปกว่า เป็นข้อปฏิบัติที่เมื่อทำให้มาก เจริญให้มากแล้ว เราจะไม่ได้ยึดถือในสิ่งนั้น ทำให้คลายความยึดถือทั้งหมดได้ นี้เป็น ลักษณะของความดับความเย็น คือ นิพพานแนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: เข้าใจทำ (ธรรม) S08E23 , ใต้ร่มโพธิบท S08E20 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
6/30/2020 • 58 minutes, 7 seconds จุดประสงค์ในการประกาศศาสนาของพระพุทธเจ้า ก็เพื่อให้เราพ้นจากความทุกข์ เพราะกิเลสมันทำให้เราทุกข์ สัมมา คือ การปลดแอกจิตใจของเราจากกิเลส เพราะถ้าจิตใจยังถูกล็อคอยู่ จิตใจจะไม่มีใจเป็นของตนเอง แต่ตกเป็นทาสของกิเลส อริยมรรคมีองค์ 8 จึงเป็นทางให้ถึงความดับไม่เหลือของกิเลส ในเอพิโสดนี้ เป็นสัมมาข้อสุดท้ายในซีรีส์ของ "อริยมรรคมีองค์ 8" ซึ่งเป็นส่วนของปัญญา "สัมมาสังกัปปะ" ความดำริชอบ เป็นเรื่องของปัญญาในทางหลีกออกจากกาม ไม่พยาบาท และ ไม่เบียดเบียน ที่ต้องมีสัมมาทิฏฐิเป็นองค์นำหน้า และสามารถเชื่อมโยงไปกับขันธ์ 5 คือ สัญญา เพราะสัญญาเป็นสมุฏฐานของสังกัปปะ เป็นสิ่งที่เป็นองค์ประกอบกันมา เพราะความคิดนึก วิตก วิจารเป็น สัญญา เป็นกองทุกข์ เป็นกองของสิ่งที่ทำให้เกิดความยึดถือ แต่สัญญาใดที่เป็นไปเพื่อคลายความยึดถือได้ จึงแยกส่วนนี้ออกตั้งชื่อใหม่ว่า สัมมาสังกัปปะ ดังนั้น สัญญาแบบเดียวกัน แต่การปรุงแต่งในจิตใจของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน อาจออกมาเป็น สัมมา หรือ เป็นมิจฉาก็ได้ ซึ่งสามารถดูรู้จากพฤติกรรมภายนอกได้ ดังนั้น สัญญาในส่วนที่เป็นทุกข์ จึงต้องทำความเข้าใจ และสัญญาในส่วนที่เป็นมรรคต้องทำให้มาก เจริญให้มาก เราสามารถที่จะเจริญธรรม ทำความรอบคอบ ทำความกว้างขวางในจิตใจ เป็นคนใจดี มีความผาสุกอยู่ได้ อริยมรรคมีองค์ 8 นี้ ช่วยเราได้แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: เข้าใจทำ (ธรรม) S07E42 , S07E28 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
6/23/2020 • 58 minutes, 59 seconds เปรียบ สัมมาทิฏฐิ เป็นเหมือนรุ่งอรุณของกุศลธรรมทั้งหลาย ที่เมื่อมีสัมมาทิฏฐิแล้ว สัมมาองค์อื่น ๆ ก็จะตามมา และยังเป็นรุ่งอรุณของอริยสัจ 4 คือ ปัญญาความรู้ชัดตามความเป็นจริงที่ต้องมี 3 รอบ ในสัจจะ 4 ประการ"สัมมาทิฏฐิ" แปลว่า ความเห็นชอบ หรือ ความเห็นถูก ในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่า ฝ่ายหนึ่งถูก แล้วอีกฝ่ายผิด แต่เป็นทิฏฐิที่จะทำให้กิเลสลดลงไปได้ แจกแจงแยกไว้ 2 อย่าง คือ ส่วนที่มีอาสวะ ยังเป็นส่วนแห่งบุญ มีอุปธิเป็นวิบาก ซึ่งจะทำให้ยังพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดไม่ได้ และ ส่วนที่ไม่มีอาสวะเป็นชั้นโลกุตตระ ขึ้นสู่ระดับเหนือโลก เป็นอริยะ ต้องอาศัยปัญญา อาศัยญาณของคน ๆ นั้น ซึ่งเป็นการปฏิบัติทางจิต ที่ต้องอาศัยสัญญาคือความจำ เพราะสัญญาเกิดก่อน ญาณเกิดทีหลังปัญญาสัมมาทิฏฐิ จะสร้างขึ้น พัฒนาขึ้น นำเข้าสู่จิตใจของเราได้ ต้องอาศัยเหตุปัจจัยคือ การมีเพื่อนดี มีการฟังพระสัทธรรม มีการทำในใจโดยแยบคาย มีการปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม หรือในบางครั้งความกลัวก็ทำให้เกิดสัมมาทิฏฐิขึ้นได้ สัมมาทิฏฐิจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ"…ถึงมีระดับสัมมาทิฏฐิที่แตกต่างกัน แต่ในความที่มีแล้ว สามารถพัฒนาเป็นสัมมาทิฏฐิที่มากขึ้นได้ ด้วยความที่สัมมาทิฏฐิก็เป็นตัวนำสัมมาทิฏฐิเอง สัมมาทิฏฐิน้อย ๆ เปรียบเหมือนมีไฟกองน้อย ที่คนฉลาดเท่านั้น จะสามารถเปลี่ยนให้เป็นไฟกองใหญ่ได้"แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: เข้าใจทำ (ธรรม) S07E28 , ใต้ร่มโพธิบท S08E17 , คลังพระสูตร S08E50 , ขุดเพชรในพระไตรปิฎก S06E06 , #สัมมาทิฏฐิ (ตอนที่ 2): รุ่งอรุณแห่งกุศลธรรม , #ทำสัญญาให้เป็นญาณ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
6/16/2020 • 12 minutes, 46 seconds หมวดธรรม 4 ข้อ ที่ควรระลึกถึง 6324-3d หมวดธรรมที่มี 4 ข้อต่อไปนี้ พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสไว้ใน มหาปรินิพพานสูตร และได้มีเก็บรวบรวมไว้ใน อังคุตตรนิกาย หมวดจตุกกนิบาต (ว่าด้วยหมวดธรรม 4 ข้อ) ในเอพิโสดนี้ จึงได้นำมาอธิบายขยายความให้ได้เข้าใจกันยิ่งขึ้นมหาปเทส 4 เป็นวิธีการอ้างอิงในคำสอนของพระพุทธเจ้า ก่อนที่จะรับรอง ชื่นชม หรือ คัดค้าน เมื่อมีบุคคลหรือกลุ่มคนใดกล่าวว่า "นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระศาสดา"สังเวชนียสถาน 4 พระพุทธองค์ตรัสไว้ขณะประทับสีหไสยาสน์ระหว่างต้นสาละคู่ ทรงกำหนดตั้งจิตไว้ว่า จะไม่ลุกขึ้นอีก และตรัสถึงสถานที่ที่ถ้าเมื่อใครก็ตาม มีศรัทธา ควรมาดูมาเห็น ให้เกิดความสังเวช แล้วทำให้เกิดจิตเลื่อมใส มีความปลื้มใจ เกิดความร้อนใจที่จะกระทำความดีมาตามทางมรรค 8 ให้ได้ และเมื่อตายไปก็จะเกิดในสุคติโลกสวรรค์ถูปารหบุคคล 4 คือ บุคคลที่ควรสร้างสถูปถวาย ซึ่งถ้ามีจิตเลื่อมใสสักการะในบุคคลเหล่านั้นแล้ว จะสามารถทำจิตให้ตั้งอยู่ในกุศลธรรมได้ เมื่อตายไปจะไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ โดยมีการอธิบายเพิ่มเติมว่า ถ้าจะให้เกิดผลแบบนี้ ควรจะบูชาบุคคลประเภทไหนได้อีก และอย่างไรจึงจะหลุดพ้นได้ดังนั้น การศึกษาในธรรมวินัยนี้ จึงมีรายละเอียดหลายอย่างที่พระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นผู้มีความรอบคอบ ทั้งในบทพยัญชนะ ทั้งโดยอรรถะ ที่เมื่อเรามาศึกษาทำความเข้าใจจะต้องพิจารณาใคร่ครวญให้ละเอียด รอบคอบ ไม่หล่ะหลวม ก็จะสามารถทำความลึกซึ้งในร่มโพธิบท คำสอนของพระพุทธเจ้าได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
6/9/2020 • 57 minutes, 24 seconds จากข้อความบางตอนที่มาใน มหาสุญญตสูตร ได้กล่าวถึง "อุปัทวะ" ซึ่งหมายถึง ภัยอันตราย เครื่องข้องที่จะมาขัดขวางให้ความดีของเราลดน้อยลงไปหรือเสื่อมไป มีด้วยกัน 3 ประการ แต่ข้อที่เป็นอันตราย เป็นทุกข์ เผ็ดร้อนอย่างยิ่งกว่า นั่นก็คือ อุปัทวะของผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ซึ่งถ้าเมื่อมันเสื่อมหรือกลับกำเริบแล้ว เปรียบเทียบไว้กับคนที่ขึ้นหลังช้างหรือเรือนยอดแล้วหากตกลงมา จะเป็นอันตรายมากดังนั้น ภัยอันตรายที่เมื่อขึ้นไปสู่ที่สูงแล้ว เราอย่าพลาด ถึงแม้ว่าเรื่องปัญญา เรื่องสมาธิ อาจจะยังได้ไม่เต็มที่ แต่ในเรื่องศีลนั้นทำให้มันได้เต็มที่ แม้ตกลงมาก็ยังไม่ถึงพื้น ศีล สมาธิ ปัญญา จึงต้องทำให้ละเอียดยิ่ง ๆ ขึ้นไป การปฏิบัติมาตามทางของเราจะก้าวหน้าขึ้นไปจนถึงปัญญาชั้นโลกุตตระ ที่เมื่อกำจัดอาสวะกิเลสได้แล้ว มันจะไม่กลับกำเริบอีก เป็นนิพพาน คือ ความเย็น ความสงบ นี้จึงกล่าวว่า “ นิพพานัง ปรมัง สุขัง นิพพานัง ปรมัง สุญญัง” คือ สูญจากกิเลส และ สุขจากความไม่มีกิเลส ไม่กลับกำเริบให้เป็นอุปัทวะอันตรายขึ้นมาได้อีกแนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: คลังพระสูตร S09E14 , #จงเป็นผู้เรียกร้องพระศาสดาด้วยความเป็นมิตร , #ความเสื่อม 12 อย่าง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
6/2/2020 • 48 minutes, 29 seconds ปะฏิสังขาโย การพิจารณาปัจจัย 4 6322-3d "ตังขะณิกะปัจจะเวกขะณะวิธี" หรือ "ปะฏิสังขาโย" ว่าด้วย การพิจารณาปัจจัย 4 เป็นบทสวดที่ พระภิกษุสงฆ์รวมถึงนักปฏิบัติ จะต้องใคร่ครวญอยู่เป็นประจำ ด้วยการพิจารณาโดยแยบคายในเรื่องของปัจจัย 4 ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ก่อนบริโภค อยู่ในส่วนทำวัตรเช้า หลังบริโภค อยู่ในส่วนทำวัตรเย็น ทั้งก่อนและหลังจะมีเนื้อหาเหมือนกันในที่นี้แนะนำให้เพิ่มการพิจารณาในระหว่างบริโภคนั้นด้วย จะเป็นการดีมากยิ่งขึ้น ช่วยให้เราบริโภคปัจจัย 4 ด้วยความระมัดระวัง ไม่สุดโต่งไปข้างใดข้างหนึ่ง แต่จะพิจารณาโดยแยบคายอยู่บนทางสายกลางไปตามความเหมาะสม ตามกาละเทศะ ไม่ได้เป็นไปเพื่อการยึดถือ แต่เป็นไปเพื่อการอนุเคราะห์แก่การประพฤติพรหมจรรย์ จึงต้องมีการพิจารณาทั้งก่อน ระหว่าง และหลังบริโภค จะช่วยฝึกจิตของเราให้มีภูมิต้านทาน มีสติสัมปชัญญะ ไม่เพลิดเพลินลุ่มหลงไปในสิ่งเหล่านี้ ให้เราอยู่เหนือการควบคุมของสิ่งเหล่านี้ได้แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: ใต้ร่มโพธิบท S07E51 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
5/26/2020 • 57 minutes, 57 seconds หัวข้อแม่บทที่ยกมาทำความเข้าใจกันต่อในเอพิโสดนี้ คือเรื่อง “สัมมาสมาธิ” เป็นหัวข้อสุดท้ายในส่วนของสมาธิ ซึ่งเป็นหนึ่งในซีรีส์ของ "อริยมรรคมีองค์ 8" องค์ประกอบอันประเสริฐ 8 อย่าง ที่เมื่อรวมกันแล้ว จะเป็นทางที่ไปสู่ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และนิพพานได้“สัมมาสมาธิ” หรือ ความตั้งใจมั่นชอบ ตามนัยของพุทธพจน์หมายถึง สมาธิในฌาณที่ 1 - 4 หรือในบางบริบทก็หมายรวมทั้งสมถะและวิปัสสนา และองค์ประกอบต้องเป็น สัมมา ที่เป็นไปเพื่อการละกิเลสได้ "สมาธิ"คือ สภาวะจิตที่มีการรวมลงเข้าเป็นอารมณ์อันเดียว ที่สามารถทำได้ในทุกอิริยาบถ แต่มักจะมีการเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทำสมาธิ โดยยึดติดในเรื่องของรูปแบบ ที่ต้องนั่งนิ่ง ๆ ต้องสงบ เป็นเหมือนทะเลไม่มีคลื่น ไม่มีความคิดนึก จึงต้องมาศึกษาทำความเข้าใจกันให้ถูกก่อน ให้ไปในทิศทางเดียวกัน เพราะถ้าเข้าใจไม่ถูก จะมีความกังวล หรือมีอุปสรรคอย่างอื่น ๆ มาขวางกั้นไม่ให้จิตของเรารวมลงเป็นสมาธิได้ เพราะสมาธิทำให้จิตสงบระงับจากกาม จากอกุศลธรรม จึงจะไม่ได้ด้วยการข่มขี่ บังคับ การห้าม การปรุงแต่ง แต่ขึ้นอยู่ที่การสร้างเหตุปัจจัยด้วยศีล สติ และความเพียร สัมมาสมาธิ จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ เพราะมีหลาย ๆ อย่าง รวมกันเข้ากันอยู่ในนี้ จึงต้องอาศัยการฝึกจนเกิดเป็นทักษะ เพราะสมาธิที่มีกำลังจะทำให้เกิดปัญญา เกิดความรู้คือ ญาณ คือ วิชชา เกิดความพ้น คือ วิมุตติ ได้ และ จุดที่ต้องฝึกก็คือ "สติ" เป็นตัวฝึกให้สมาธิละเอียดลึกซึ้งขึ้น เพราะบุคคลที่เจริญสัมมาสติแล้ว จะทำสัมมาสมาธิให้เกิดขึ้นได้นั้นเป็นฐานะที่มีได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
5/19/2020 • 57 minutes, 37 seconds ในเอพิโสดนี้ มาทำความเข้าใจกันต่อในหัวข้อของ “สัมมาสติ” ที่เป็นสิ่งสำคัญในการทำความเพียรทางจิต เป็นส่วนเริ่มแรกของสมาธิ เพราะสัมมาสติจะทำให้เกิดสัมมาสมาธิได้ ใน “มหาสติปัฏฐานสูตร” พระพุทธเจ้าได้ตรัสกับชาวกุรุถึงการพิจารณาเห็นกายในกาย เห็นเวทนาในเวทนา เห็นจิตในจิต และเห็นธรรมในธรรม ซึ่งเป็นฐานธรรมชาติที่เป็นเหตุให้เกิดสติ โดยมีข้อความในส่วนที่สำคัญ ที่พระพุทธองค์ได้ทรงเน้นย้ำ กล่าวซ้ำ ๆ กันอยู่ในแต่ละข้อ ๆ คือ “…มีความเพียรเครื่องเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ ถอนความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้”ดังนั้น “สัมมาสติ” ตามนัยของพระพุทธเจ้า จึงหมายถึง ความระลึกได้ ที่เมื่อเราระลึกให้มันถูก จะมีลักษณะที่ทำให้กิเลสมันลดลง เป็นไปเพื่อปัญญาในการถอนความพอใจและความไม่พอใจในอารมณ์ต่าง ๆ ออกได้ ซึ่งจะตรงข้ามกับความเพลิน ที่จะทำให้จิตคล้อยตามไปในอารมณ์ที่มากับผัสสะทั้งหลาย เกิดเป็นความพอใจหรือไม่พอใจขึ้น ความเพลินนั้น คือ อุปาทานพระพุทธเจ้าตรัสเปรียบเทียบไว้ว่า “…จิตของเรา เป็นเชือก สติของเราเป็นผาลและปฏัก” ซึ่ง ผาล เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการทำนา เพราะเป็นส่วนที่จะเปิดหน้าดินออก เป็นจุดที่เหล็กสัมผัสกับดิน เพื่อคุ้ยดินให้แยกออกจากกัน “สติ” จึงเป็นตัวที่แยกแยะความดีความไม่ดี แยกสิ่งที่มันเหนียวติดกันอยู่ให้เคลื่อนออกจากกัน จุดที่แยกออกแล้วนั้น มันจึงเป็นความพ้นจากกัน “สติจึงมีความพ้นคือวิมุตติเป็นที่แล่นไปสู่” เราจึงต้องฝึกสติให้มีกำลังมาก ๆ ให้ทำอยู่เป็นประจำ จนเกิดเป็นทักษะ ให้เจริญสติอยู่ได้ตลอดในขณะดำเนินชีวิตประจำวัน สติที่มีกำลังจะพาไปสู่ความพ้นได้ แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: เข้าใจทำ (ธรรม) S08E07 , S07E43 , ใต้ร่มโพธิบท S08E30 , S08E22 , S08E21 , S08E20 , คลังพระสูตร S09E07 , #อนุสติสิบคือสติปัฏฐานสี่ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
5/12/2020 • 1 hour, 1 minute, 26 seconds ในเอพิโสดนี้ เป็นซีรีส์หัวข้อแม่บทที่จะอธิบายในเรื่องของ “อริยมรรคมีองค์ 8” ที่ต่อมาจากส่วนของศีล ซึ่งในส่วนนี้เป็นการกระทำความเพียรทางจิต โดยมี สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สังเคราะห์รวมกันเป็นส่วนของสมาธิ จึงเริ่มกันที่มาทำความเข้าใจในหัวข้อของ “สัมมาวายามะ”“…ย่อมทำความพอใจให้เกิดขึ้น ย่อมพยายามปรารภความเพียร ประคองจิต ตั้งจิตไว้เพื่อจะยังอกุศลธรรมอันเป็นบาปที่ยังไม่เกิดไม่ให้เกิดขึ้น” จากพุทธพจน์นี้ มีส่วนที่เหมือนกับในความหมายของ “สัมมาวายามะ” ที่มีสาระสำคัญอยู่ที่การทำให้กุศลธรรมที่มีอยู่แล้วให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น กุศลธรรมที่ยังไม่มีก็ทำให้มีให้เกิดขึ้นใหม่ การทำให้อกุศลธรรมที่มีอยู่แล้วลดลงไป อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ก็ไม่ทำให้เกิดขึ้นโดยมีลักษณะการริเริ่มที่มี “ฉันทะ” คือ ความพอใจ เป็นเหตุที่จะพัฒนาปรับปรุงด้วยความเพียรพยายามในทางที่จะทำให้กุศลธรรมเพิ่มขึ้น อกุศลธรรมลดลง แต่ทั้งนี้ต้องประคับประคองไม่ให้ความเพียรนั้นมีมากหรือน้อยเกินไป โดยอาศัยสติ สมาธิ และศรัทธา ที่ต้องคอยปรับให้เสมอ ๆ กัน และสิ่งที่ต้องมีให้มาก ๆ คือ กำลังใจ การทำจริงแน่วแน่จริง การมีความมั่นใจ กล้าที่จะตัดสินใจทำการทำความเพียร จึงเป็นการทำให้กิเลสลดลง พอกิเลสมันจะตาย บางทีมันก็ไม่ยอม มันดีดกลับขึ้นมา เราต้องรู้จักที่จะผ่อนจะตึง ปรับให้มันได้ จึงมีคำว่า “ประคองจิต ตั้งจิตไว้” ให้ตรวจสอบสังเกตสภาวะในจิตใจของเราอยู่เสมอ ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงเป็นตัวอย่างของการปรารภความเพียรอยู่ตลอด ให้เราตั้งความเพียรไว้ในวันนี้และเดี๋ยวนี้ว่า “จะไม่ถอยหลัง ไม่เลิก จนกว่าจะสำเร็จ”แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: สมการชีวิต S02E30 , ตามใจท่าน S10E30 , S10E28 , คลังพระสูตร S08E64 , #ความเพียรสี่สถาน Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
5/5/2020 • 1 hour, 36 seconds ความแตกต่างระหว่างปุถุชนกับอริยบุคคล 6318-3d เมื่อฟังธรรมแล้ว เรารู้ว่า "เราไม่รู้อะไร" ยังดีกว่าที่ว่า เราไม่รู้ว่า "เราไม่รู้อะไร" ตรงจุดนี้จึงจะมาทำความเข้าใจกันไปในทีละประเด็น เพื่อให้ความไม่รู้เริ่มหายไป และเริ่มมีความรู้ในสิ่งที่ไม่รู้นั้น ในเอพิโสดนี้ จึงได้ยกหัวข้อที่มาใน "สัลลัตถสูตร"ว่าด้วยเวทนาเปรียบด้วยลูกศร ขึ้นมาอธิบาย พระพุทธเจ้าทรงอุปมาเปรียบเทียบไว้กับคนที่ถูกยิงด้วยลูกศร แล้วมีเวทนาเกิดขึ้น เปรียบเทียบระหว่าง อริยบุคคลผู้มีการสดับ ที่เมื่อมีเวทนาเกิดขึ้นแล้ว ก็แค่ทางกายเท่านั้น จะไม่เกิดเวทนาทางจิต เหมือนถูกยิงด้วยลูกศรเพียงดอกเดียว แต่สำหรับ ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ นั้น เมื่อมีเวทนาเกิดขึ้นทางกายแล้ว ก็จะมีเวทนาเกิดขึ้นทางจิตด้วย เหมือนถูกยิงด้วยลูกศร 2 ดอกประเด็นที่ต้องทำความเข้าใจในที่นี้ก็คือ เวทนาทางกายเข้ามาทางใจได้อย่างไรมีธรรมะใดที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เวทนาซึมซาบเข้าสู่จิตได้ และกรณีเมื่อมีอนุสัยตามนอนเนื่องอยู่ในจิตแล้ว จะมีอุบายนำออกใด ที่จะทำให้อนุสัยซึ่งเป็นกิเลสอย่างละเอียดหลุดลอกออกไปจากจิตใจของเราได้แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: เข้าใจทำ (ธรรม) S08E22 ,ใต้ร่มโพธิบท S07E62 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
4/28/2020 • 59 minutes, 54 seconds การเพ่งอย่างบุคคลอาชาไนย 6317-3d ใน "สันธสูตร" พระพุทธเจ้าตรัสสอนแก่ภิกษุชื่อ สันธะ กล่าวถึงเรื่องการเพ่งที่แตกต่างระหว่างม้าอาชาไนย กับม้ากระจอก ที่แม้อยู่ที่เดียวกัน แต่ก็มีการเพ่งที่ต่างกัน โดยม้าอาชาไนยจะเล็งเห็นถึงผลของการเป็นม้าชั้นยอด เพ่งมาที่สามัญญผล ส่วนม้ากระจอก จะมุ่งไปแต่ในทางกาม มุ่งไปในเรื่องปากท้อง เรื่องความเป็นอยู่ ซึ่งถ้าเมื่อจิตใจนั้นปรารถนาที่ผลไปคนละแบบ ก็ทำให้เพ่งไปคนละที่ คนละจุด การกระทำและผล ที่แสดงออกมาจึงแตกต่างกันเปรียบเทียบไว้กับคนที่มีสถานการณ์ใด ๆ ก็ตาม อย่างสถานการณ์โรคระบาดในปัจจุบัน จะเป็นจุดที่มาทดสอบว่า เรานั้นได้เอาจิตไปจดจ่อ เพ่ง ไว้ที่ไหน ซึ่งถ้าเราเพ่งมาถูกจุด ไม่ได้ไปในทางกามที่จะเป็นเหตุให้ผิดศีลได้ แต่เห็นความสำคัญในสามัญผล คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ที่ทำให้เราเป็นบุคคลอาชาไนยได้ ทำความเพียร เห็นตามที่เป็นจริง นี้คือ ปรมัตถ์สัจจะ และ ทำจิตให้หลุดพ้นได้ แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: เข้าใจทำ (ธรรม) S07E48 , #ฝึกปฏิบัติด้วยลักษณะม้าอาชาไนย 10 ประการ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
4/21/2020 • 57 minutes, 28 seconds ภัยอนาคต 5 ประการ 6316-3d ภัยในอนาคต 5 ประการ เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสเตือนไว้แล้ว เป็นเรื่องที่เราต้องระวัง ต้องมีการเตรียมการว่า เราจะทำอย่างไร เราจะสะสมอะไร เพื่อจะเป็นผู้ที่ผาสุกอยู่ได้แม้เมื่อภัยนั้นมาถึงไม่ใช่แค่การมองที่ผิวเผินในเรื่องของเงินทอง ปัจจัย 4 หรือสุขภาพร่างกาย แต่ให้เป็นเรื่องของสติสัมปชัญญะ ปัญญา และ สภาวะจิตใจ ที่ถ้ามีการฝึกหัดสิ่งเหล่านี้มาอย่างดี มีความมั่นคงในจิตใจมากแล้ว มีศีล สมาธิ ปัญญาดีแล้ว หากมีสถานการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น เราจะมีเครื่องอยู่และเป็นผู้ที่ยังผาสุกอยู่ได้แน่นอนแนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: สมการชีวิต S02E25 , เข้าใจทำ (ธรรม) S08E27 , #เข้าใจและยอมรับทุกข์ เพื่อเป็นผู้ที่ผาสุกอยู่ได้ , #ผาสุกได้เมื่อ 5 ภัยมา Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
4/14/2020 • 1 hour, 42 seconds “วัคซีน” ที่จะมาเป็นยาป้องกันหรือยารักษาก็ตาม ที่ใส่เป็นยารักษาเมื่อคุณติดเชื้อแล้วหรือฉีดวัคซีนก่อนเพื่อช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกัน (Immune System) ให้ร่างกาย ยาพวกนี้จึงมีลักษณะพฤติกรรมการทำงานเหมือน มรรค 8 เป็นทางที่ประกอบด้วยองค์ประกอบอันประเสริฐ 8 อย่าง“มรรค 8” เป็นยาที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้จิต ป้องกันจิตไม่ให้เศร้าหมองจากกิเลส ตัณหา อวิชชา สร้างภูมิคุ้มกันที่ดีด้วยสติ สมาธิ ด้วยความดีที่ได้กระทำสักอย่างใดอย่างหนึ่งที่มีอยู่ในตัวของเรา ซึ่งจิตใจของทุกคนนั้นมีความดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสัตว์นรกมาจนถึงพรหม จิตก็มีธรรมชาติเป็นความประภัสสรอยู่แล้ว แต่มันเศร้าหมองเพราะกิเลสที่เป็นอาคันตุกะจรมา ทำให้มันเศร้าหมองไปจะทำอย่างไรให้เกิดความผ่องใสดีงามขึ้นมาได้ ก็ต้องรู้จักเอามรรค 8 ที่ผ่านการศึกษาทดลองและวิจัยโดยพระพุทธเจ้า ให้มาเป็นวัคซีน มาเป็นยารักษา ที่จะต้องใช้ให้ถูกจึงจะได้ผล ดังนั้นธรรมะที่เราอ่านเราทำ ไม่ใช่แค่จำได้เท่านั้น แต่ต้องรู้จักทำให้ธรรมคำสอนนั้นเข้าสู่จิตใจ เราจึงต้องตั้ง “สติ” เอาไว้ให้ดีอยู่ทุกเมื่อ จะรักษาคุ้มกันจิตใจของเราได้ แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: สมการชีวิต S02E22 , ใต้ร่มโพธิบท S08E25 , #มรรคแปด ยาดีที่อยู่ในใจ , #มรรค 8 ทำให้จิตเข้าถึงธรรมะ โดยพระครูสิทธิปภากร Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
4/7/2020 • 57 minutes, 33 seconds ในช่วงวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 นี้ ที่เมื่อเรามาศึกษาเรียนรู้ดูลักษณะพฤติกรรมและระบบการทำงานของไวรัสนี้แล้ว จะพบว่ามันเหมือนกันกับกิเลสเราสามารถเรียนรู้จากเรื่องนี้ได้หลายอย่าง เปรียบเทียบกับจิตใจของเราที่ถูกกิเลส มันห่อหุ้ม ครอบงำ ตกเป็นทาสของมันมาช้านานแล้ว ทำให้เราไม่เป็นตัวของเราเอง แต่เป็นกิเลสที่เข้าครอบงำกลุ้มรุมจิตของเราอยู่ จะกำจัดกิเลสออกได้ ก็ด้วยการปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์ 8 ที่เปรียบเหมือนยารักษาหรือวัคซีน ที่จะสามารถทำจิตใจและกายของเราให้ดีได้ งามได้ และทำความรู้คือวิชชาของเรานั้น ให้เจริญงอกงามเพิ่มขึ้นได้แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: สมการชีวิต S02E25 , S02E22 , เข้าใจทำ (ธรรม) S08E25 , ใต้ร่มโพธิบท S07E02 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
3/31/2020 • 59 minutes, 28 seconds “สักกายทิฏฐิ” เป็นเครื่องร้อยรัด เป็นความเห็นที่ว่า นี้เป็นตัวเราของเราในขันธ์ทั้ง 5 เป็นทิฏฐิความเห็นที่ไม่ถูกต้อง เทคนิคในการทำความเข้าใจเรื่องสักกายทิฏฐิ พระพุทธเจ้าตรัสเปรียบเทียบส่วนเหมือนส่วนต่าง โดยยกอุปมาอุปไมย และธรรมะในข้ออื่น ๆ มาเชื่อมโยงต่อกันให้เห็นภาพ ถึงสิ่งตรงข้ามกับสักกายทิฏฐิ ก็คือ "สัมมาทิฏฐิ" ที่เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับอริยสัจสี่ ซึ่งลักษณะของสักกายทิฏฐินั้น จะทำให้เกิดสุดโต่ง 2 ข้าง แต่สัมมาทิฏฐิคือทางสายกลาง เป็นโสตาปัตติยังคะ 4ในเรื่องของสัมมาทิฏฐิ เราต้องเข้าใจว่า ขันธ์ทั้ง 5 เป็นกองทุกข์ เราจะกำจัดสักกายทิฏฐินี้ได้ ต้องเข้าใจขันธ์ทั้ง 5 ว่าเป็นตัวทุกข์ เราจะกำจัดสักกายทิฏฐินี้ได้ ต้องเข้าใจว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ นั้นเป็นทุกข์ ทุกข์อย่างไร?ทุกข์ก็คือการที่มันทนอยู่ได้ยาก ความที่มันทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ตลอดกาลช้านาน ความที่มันจะเป็นเหมือนอยู่อย่างเดิมอย่างนี้ไม่ได้ โดยที่ถ้าความเป็นเหตุปัจจัยมันเปลี่ยนแปลงไป นั่นแหละคือความทุกข์ หากเข้าใจในข้อนี้ได้ คุณจะละสักกายทิฏฐิได้แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: .ใต้ร่มโพธิบท S08E20 , ตามใจท่าน S09E24 , #ตอบคำถาม-ความต่างระหว่าง สักกายทิฏฐิ กับ มานะ , #สักกายทิฏฐิ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
3/24/2020 • 58 minutes, 4 seconds “สัมมาอาชีวะ” คือ การดำเนินชีวิตของเราให้เป็นไปในทางที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่มาในซีรีส์ "อริยมรรคมีองค์ 8" ในส่วนของศีล โดยแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ยังเกี่ยวเนื่องด้วยโลก เป็นของหนัก ยังเนื่องด้วยบุญหรือบาป และ ส่วนที่เหนือโลก ซึ่งเป็นลักษณะที่เหนือบุญ เหนือบาป ทั้งสองส่วนนี้ต่างกันอย่างไร? ขึ้นกับการตั้งเป้าหมายว่าต้องการอย่างไร ซึ่งถ้าเมื่อยังอยู่ในโลก แล้วเรามีสัมมาอาชีวะ ก็จะทำให้การดำเนินชีวิตเรานั้นมีความสุขอยู่ได้ แต่ถ้าเป้าหมายของเราคือการมุ่งสู่นิพพาน สัมมาอาชีวะนี้จะต้องปฏิบัติไปพร้อมกับสัมมามรรคในข้ออื่น ๆ การพลิกนิดเดียวจะทำให้สัมมาอาชีวะของเราไปสู่ระดับเหนือโลกได้ แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: คลังพระสูตร S08E43 , #สัมมาอาชีวะ , #คำพุทธ-สิงคาลกสูตร , #การดำเนินชีวิตให้ไม่มีช่องโหว่ , #ธรรมบท-ชัมพุกาชีวก , #การแบ่งจ่ายทรัพย์ , ใต้ร่มโพธิบท S08E22 , S08E21 , S08E20 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
3/17/2020 • 58 minutes, 15 seconds ในเอพิโสดนี้ ยังอยู่ในซีรีส์หัวข้อแม่บทที่อธิบายในเรื่องของ "อริยมรรคมีองค์ 8" ที่ได้สงเคราะห์แจกแจงจัดตามหมวดหมู่ 3 อย่าง คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ในที่นี้จึงนำหัวข้อของ "สัมมากัมมันตะ" อันเป็นเรื่องของศีล ขึ้นที่ต่อมาจากสัมมาวาจา"กัมมันตะ" แปลว่า การกระทำทางกาย ซึ่งเป็นการกระทำแบบไหนที่จะทำให้เกิดการสลัดแอก สลัดเครื่องร้อยรัด กำจัดความยึดถือจากจิตใจของเราลงไปได้แนวทางคือการตั้งเจตนา 3 อย่าง คือ เจตนาไม่ฆ่า เจตนาไม่ถือเอาทรัพย์อันเจ้าของไม่ได้ให้ และเจตนาเว้นจากการประพฤติผิดในกามและการผิดจารีต โดยได้เปรียบเทียบส่วนเหมือนส่วนต่างของ สัมมากัมมันตะ และ มิจฉากัมมันตะ อธิบายในรายละเอียดของความหมายในแต่ละอย่าง ๆ พร้อมทั้งอานิสงส์/ผลที่ได้รับ และกรณีตัวอย่าง"ลองใคร่ครวญพิจารณาดูให้ดี สมมุติว่าเราไม่ได้มีเจตนาที่จะทำ เช่น ขับรถชนสุนัขตาย แล้วมันจะผิดศีล ผิดสัมมากัมมันตะหรือไม่? ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าคุณตั้งใจที่จะเว้นไว้ตั้งแต่แรก หรือไม่? เพราะการที่มีเจตนาที่จะเว้นอยู่ตลอด ๆ จนเป็นปกตินั้น มันก็ไม่ผิดศีล 5 อยู่แล้ว ตรงนี้สำคัญ คุณต้องระลึกถึงเจตนาตรงนี้ให้ได้และใน สัมมากัมมันตะ จะต้องมี สัมมาทิฏฐิมาแทรกอยู่ด้วยแล้วเลย ถ้าลืมระลึกนึกถึงไป ก็เผลอสติ แต่ถ้าระลึกนึกถึงได้ ก็มีสัมมาสติแทรกมาอยู่ด้วยกับในสัมมากัมมันตะนี้ด้วยแล้วเลย"แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: ใต้ร่มโพธิบท S08E21 , S08E20 , เข้าใจทำ (ธรรม) S07E28 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
3/10/2020 • 56 minutes, 59 seconds ในเอพิโสดนี้ เป็นซีรีส์หัวข้อแม่บทที่จะอธิบายในเรื่องของ "อริยมรรคมีองค์ 8" ที่เป็นส่วนหนึ่งของอริยสัจ 4 โดยในที่นี้ได้สงเคราะห์แจกแจงจัดตามหมวดหมู่ 3 อย่าง คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เบื้องต้นจึงนำเอาหัวข้อของ "สัมมาวาจา" ซึ่งเป็นเรื่องของศีลขึ้นมาก่อน เน้นเจาะลงไปในเรื่องของการนำไปใช้งาน และกรณีตัวอย่าง (Case study) ว่าในแต่ละกรณี ๆ นั้น เราจะมีวิธีการปฏิบัติในเรื่องของสัมมาวาจาอย่างไร จึงจะรู้ว่า ผิด หลุด ออกจากมรรคไปแล้ว หรือ ถ้าผิดไปแล้ว จะแก้มาให้ตรงทางได้อย่างไรหลักสำคัญ คือเจตนาในการที่จะให้เกิดความดีขึ้น เจตนาในการที่จะให้กิเลสในใจของเราลดลง เมื่อถ้าพูดไปแล้วเกิดพลิกผันเป็นอย่างอื่น เกิดมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง ก็ให้อดทนเอา เพราะบางทีคนฟังด้วยกิเลส ก็รักษาจิตใจตัวเองไม่ได้ ให้เอาหลักเกณฑ์ในข้อสัมมาวาจานี้ เป็นหลักในแนวทางปฏิบัติของเราลักษณะของสัมมาวาจา -สี.ที. ๙/๘๓/๑๐๓.(อมุสาวาท) คือเธอนั้น ละมุสาวาท เว้นขาดจากมุสาวาท พูดแต่ความจริง รักษาความสัตย์ มั่งคงในคำพูด มีคำพูดควรเชื่อถือได้ ไม่แกล้งกล่าววาจาให้ผิดต่อโลก.(อปิสุณวาท) คือเธอนั้น ละคำส่อเสียด เว้นขาดจากคำส่อเสียด ได้ฟังจากฝ่ายนี้แล้ว ไม่เก็บไปบอกแก่ฝ่ายโน้น เพื่อแตกจากฝ่ายนี้ ; หรือได้ฟังฝ่ายโน้นแล้ว ไม่เก็บมาบอกฝ่ายนี้ เพื่อแตกจากฝ่ายโน้น ; แต่จะสมานคนที่แตกกันแล้วให้กลับพร้อมเพรียงกัน อุดหนุนคนที่พร้อมเพรียงกันอยู่ให้พร้อมเพรียงกันยิ่งขึ้น; เป็นคนชอบในการพร้อมเพรียง เป็นคนยินดีในการพร้อมเพรียง เป็นคนพอใจในการพร้อมเพรียง กล่าวแต่วาจาที่ทำให้เกิดพร้อมเพียงกัน.(อผรุสวาท) คือเธอนั้น ละการกล่าวคำหยาบเสีย เว้นขาดจากการกล่าวคำหยาบ กล่าวแต่วาจาที่ไม่มีโทษ เสนาะโสต ให้เกิดความรัก เป็นคำฟูใจ เป็นคำสุภาพที่ชาวเมืองเขาพูดกัน เป็นที่ใคร่ที่พอใจของมหาชน กล่าวแต่วาจาเช่นนั้นอยู่.(อสัมผัปปลาวาท) คือเธอนั้น ละคำพูดเพ้อเจ้อ เว้นขาดจากคำพูดเพ้อเจ้อกล่าวแต่ในเวลาอันสมควร กล่าวแต่คำจริง เป็นประโยชน์ เป็นธรรม เป็นวินัย กล่าวแต่วาจามีที่ตั้ง มีหลักฐานที่อ้างอิง มีเวลาจบ ประกอบด้วยประโยชน์ สมควรแก่เวลา.แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: สมการชีวิต S01E03 ,เข้าใจทำ (ธรรม) S07E28 , คลังพระสูตร S08E20 , S08E16 , ตามใจท่าน S10E02 , #วาจาที่ควรกล่าว Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
3/3/2020 • 59 minutes, 58 seconds อริยอัฏฐังคิกมรรค 6309-3d ในการปฏิบัตินั้น จะทำให้จิตใจของเรามีความนุ่มนวลอ่อนเหมาะ สามารถที่จะนำธรรมเข้าสู่ใจได้ ธรรมทั้งหมดที่มารวมเข้าสู่จิตใจ พระพุทธเจ้าได้เปรียบเทียบไว้กับ เรือนรับรองแขกที่มีประตูอยู่ทั้ง 4 ทิศ โดยแขกที่มาจากทั้ง 4 ทิศ จะมารวมอยู่ในนี้ทั้งหมด ตรงกลางของห้องรับแขกนั้นเปรียบได้กับนิพพาน ซึ่งประตูทั้ง 4 นั้น มีการทำหน้าที่แตกต่างกัน และทางที่จะเดินมาที่ประตู ต้องประกอบด้วยองค์ 8 ประการ จึงจะเข้ามาถึงส่วนตรงกลางของห้องรับแขกได้แต่ที่สำคัญ ต้องทำหน้าที่ให้ถูกต้องตามแต่ละข้อในแต่ละส่วน ของอริยสัจ 4 คือ ตัณหาต้องละ, ขันธ์ 5 ต้องรับมันได้ เข้าใจมันได้, นิโรธ วิชชา วิมุตติ ต้องทำให้แจ้ง และ สมถวิปัสสนา ต้องพัฒนาทำให้มากเจริญทำให้มาก Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
2/25/2020 • 1 hour, 1 minute, 9 seconds วิบัติ และ สมบัติ/สัมปทา 6308-3d วิบัติ เป็นคำทั่ว ๆ ไป ประกอบกับสิ่งไหน หมายความว่า สิ่งนั้นเสื่อมเสียไป ไม่ถูกต้อง ผิดเพี้ยน ผิดพลาด ไม่ดี ในเอพิโสดนี้ได้กล่าวถึงด้วยกัน 15 อย่าง ซึ่งความเกี่ยวข้องกันของความวิบัติทั้งหมด มันคืบคลานเกี่ยวเนื่องกันไปได้ และในทางตรงข้าม เมื่อกล่าวถึงวิบัติ ก็ต้องมีสมบัติ มีสัมปทา คือ ความเพียบพร้อม ความสมบูรณ์ องค์ประกอบที่ดีงามต่างๆ มาเปรียบเทียบให้เห็นส่วนต่างด้วยอย่างไรก็ดี ทั้งสมบัติและวิบัติก็ไม่เที่ยง เพราะคนที่ไม่ดีใช่ว่าเขาจะชั่วช้าไปตลอดกาล หรือเพราะเมื่อก่อนเราไม่ดี ตอนนี้เราดีขึ้นมาได้ เปลี่ยนแปลงได้ จุดตรงนี้ที่มันขึ้น ๆ ลง ๆ ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง เพราะเหตุปัจจัยดีมันก็ดี เหตุปัจจัยไม่ดีมันก็ไม่ดีเราจะพ้นได้ ทำจิตของเราให้เหนือจากวิบัติ เหนือจากสมบัติ สิ่งที่จะนำมาเป็นเครื่องตรวจเช็ค และความเปลี่ยนแปลงแก้ไขความวิบัติเหล่านี้ได้ คือ มรรค 8 อันเป็นสมบัติ เป็นสัมปทา คือ ความเพียบพร้อม ความสมบูรณ์ เป็นองค์ประกอบที่ดีงามต่าง ๆ เป็นจุดพลิกผลัน ที่เมื่อความประกอบกันที่พอเหมาะ พอสม ณ จุดนั้นพอดี ในที่นี้พูดถึงการเห็นเทวฑูตทั้ง 4 อย่าง สนับสนุนให้เกิดความหลุดพ้น เป็นการประกอบกันให้มีปัญญาเห็นตามความเป็นจริง ทำให้จิตใจปล่อยวางได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
2/18/2020 • 59 minutes, 38 seconds คุณสมบัติคนเลี้ยงโค 11 อย่าง 6307-3d พระพุทธเจ้าทรงยกอุปมาอุปไมยเปรียบเทียบระหว่างการเลี้ยงโค กับ ลักษณะของพุทธบริษัทในธรรมวินัยนี้ ที่คนเลี้ยงโคจะสามารถเลี้ยงโคให้มีกำไรงอกงาม มีความเจริญในอาชีพการงานของเขา จะต้องมีคุณสมบัติ 11 อย่าง ไม่ต่างจากพุทธบริษัทที่จะต้องมีคุณสมบัติ 11 อย่าง โดยเหมาะสมเช่นกัน จึงจะมีความเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้ได้ ซึ่งรายละเอียดในแต่ละข้อจะเป็นอย่างไรนั้น รับฟังได้ในเอพิโสดนี้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
2/11/2020 • 58 minutes, 15 seconds พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้กับโปฏฐปาทะปริพาชกว่า “สัญญาเกิดก่อน ญาณเกิดทีหลังฯ” ถ้าเข้าใจใน 2 ส่วนนี้ ก็จะเป็นประโยชน์ในการงาน ในอาชีพของเราได้ แต่ไม่ว่าจะเป็น ฌาน (สัญญา) หรือ ญาณ (ปัญญา) มันเสื่อมได้ เปลี่ยนแปลงได้ มีความไม่เที่ยง ญาณที่เป็นโลกียะไม่เที่ยง ญาณที่เป็นโลกุตระก็ไม่เที่ยงเหมือนกันในเมื่อมันไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงได้ ข้อดีที่มันแตกต่างกัน ก็คือ ญาณปัญญาที่เป็นโลกียะ ยังต้องทำให้เราวนไปเวียนมาอยู่ ยังเนื่องด้วยกับอาสวะ เป็นของโลก เป็นของหนัก แต่ถ้าเป็น ญาณปัญญาทางด้านโลกุตระ สามารถเปิดช่องให้เราพ้นได้ ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก เกิดการหลุดพ้นชนิดที่ไม่กลับกำเริบได้อีกการทำความเข้าใจในอริยสัจสี่ให้ถูกต้อง จะทำให้ สัญญาเปลี่ยนเป็นญาณใน 3 อย่าง หรือเป็นความรู้ที่ถูกต้องอย่างนี้ว่า ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เป็นอย่างนี้ ๆ กิจที่ควรทำในแต่ละอย่าง เป็นอย่างนี้ ๆ และมีความรู้ว่า เราได้ทำให้เกิดขึ้นแล้ว ทำให้แจ่มแจ้งแล้ว หลุดพ้นแล้ว ซึ่งปัญญาญาณอันรู้เห็นตามเป็นจริงของเราในอริยสัจ 4 โดยมีรอบ 3 มีอาการ 12 อย่างนี้ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค พระไตรปิฎกเล่มที่ ๙ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑[๒๘๘] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สัญญาเกิดก่อน ญาณเกิดทีหลัง หรือว่าญาณเกิดก่อน สัญญาเกิดทีหลัง หรือทั้งสัญญาและญาณเกิดไม่ก่อนไม่หลังกัน.ดูกรโปฏฐปาทะ สัญญาแลเกิดก่อน ญาณเกิดทีหลัง เพราะสัญญาเกิดขึ้น ญาณจึงเกิดขึ้น เธอย่อมรู้อย่างนี้ว่า ญาณเกิดขึ้นแก่เราเพราะสัญญานี้เป็นปัจจัย ดูกรโปฏฐปาทะ เธอพึงทราบ ความข้อนี้โดยบรรยายนี้ว่า สัญญาเกิดก่อน ญาณเกิดทีหลัง เพราะสัญญาเกิดขึ้น ญาณจึง เกิดขึ้น.แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: เข้าใจทำ (ธรรม) S07E59 , S07E55 , S07E36 , S07E34, ใต้ร่มโพธิบท S08E04 , S07E56 , S07E05 , #อะไรคือ รอบ 3 อาการ 12 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
2/4/2020 • 1 hour, 50 seconds หัวข้อธรรมที่ยกมานี้ว่าด้วย การใช้วาจา การใช้คำพูด ในลักษณะที่จะทำให้ความดีเกิดขึ้นได้ มีอยู่ 4 ลักษณะ โดยแบ่งตามลักษณะและลีลาการพูดออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนคนดีและคนไม่ดี และได้ยกตัวอย่างเปรียบเทียบไว้กับ วาจาสะใภ้ใหม่ ที่จะมีความเกรงใจในคนที่มาอยู่ก่อน จะพูดอะไรก็ระมัดระวังคำพูด เป็นลักษณะคำพูดที่เขาจะเกรงใจกัน ด้วยการมีหิริโอตัปปะ ที่จะเป็นหนทางไปสู่นิพพานได้และในตอนท้ายได้เพิ่มเติมในเรื่องของ การติ/ชม พระพุทธเจ้าตรัสบอกไว้ในเรื่องของ การติ/ชม ที่ควรจะเป็น คือ ต้องควรติเตียนและสรรเสิรญตามความเป็นจริง ตามกาลอันควร รู้กาละที่เหมาะสมด้วยแนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: สมการชีวิต S01E03 , ตามใจท่าน S10E02 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
1/28/2020 • 55 minutes, 28 seconds นี้เป็นเรื่องราวที่มาใน ตาลปุตตสูตร ว่าด้วยปัญหาของนักเต้นรำชื่อว่าตาลบุตร ได้ไปเข้าเฝ้าฯ พระพุทธเจ้าและทูลถามปัญหาเกี่ยวกับทิฏฐิที่เชื่อกันว่า บุคคลผู้ที่สร้างความสนุกสนานให้แก่ผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นนักเต้นรำ นักแสดง เป็นต้น เมื่อตายไปจะเข้าถึงการได้เป็นสหายแห่งเทวดาผู้ร่าเริง เป็นจริงหรือไม่ประเด็นสำคัญในที่นี้ คือ เมื่อนายตาลบุตร ได้เห็นแล้วว่าตนมีความเห็นผิดมาตลอด เป็นดั่งเช่น บุรุษตามืดบอด ผู้ถูกลวงด้วยผ้าเนื้อเลวเปื้อนเขม่า ก็ขอออกบวช และในระหว่างที่บวชนั้น พระตาลปุตตะ ได้มากระทำในใจโดยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ) จากจิตใจที่ร้องเล่นเต้นรำมาตลอด มีเรื่องเล่าเรื่องราวต่าง ๆ (fiction) ในหัวอยู่ตลอด จะให้มานั่งสมาธิ ก็ทำได้ยาก มันไม่สงบ มันวุ่นวายฟุ้งซ่าน คิดถึงแต่ละครตัวนั้นตัวนี้ เรื่องราวนั้นเรื่องราวนี้ หรือแม้ใครก็ตามที่เป็นอย่างนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องธุรกิจใด ๆ ที่ต้องมีการคิดอ่านอยู่ตลอดเวลา เป็นเหมือนเราคุยอยู่กับตัวเอง มีเพื่อนสองตลอดเวลาเมื่อพระตาลปุตตะใคร่ครวญพิจารณาจนมาถึงจุดที่ว่า คุยกบจิตของตัวเองรู้เรื่อง ซึ่งได้กล่าวไว้ใน "ตาลปุฏเถรคาถา" ถึง วิธีการทำในใจของท่านจากจิตที่มันไม่สงบ คิดมาก ฟุ้งซ่านวุ่นวาย ได้มีการไตร่ตรองใคร่ครวญอย่างไรจึงสามารถบรรลุธรรม มาทำความเข้าใจกันได้ในเอพิโสดนี้ตาลปุตตสูตร[๕๙๑] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรนายคามณี เราห้ามท่านไม่ได้แล้วว่า อย่าเลยนายคามณี ขอพักข้อนี้เสียเถิด ท่านอย่าถามข้อนี้กะเราเลย แต่เราจักพยากรณ์ให้ท่าน ดูกรนายคามณี เมื่อก่อนสัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากราคะอันกิเลสเครื่องผูกคือราคะผูกไว้ นักเต้นรำรวบรวมเข้าไว้ซึ่งธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น เมื่อก่อนสัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากโทสะ อันกิเลสเครื่องผูกคือโทสะผูกไว้ นักเต้นรำรวบรวมเข้าไว้ซึ่งธรรมเป็นที่ตั้งแห่งโทสะ ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น เมื่อก่อนสัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากโมหะ อันกิเลสเครื่องผูกคือโมหะผูกไว้ นักเต้นรำย่อมรวบรวมไว้ซึ่งธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งโมหะ ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น นักเต้นรำนั้น ตนเองก็มัวเมาประมาท ตั้งอยู่ในความประมาท เมื่อแตกกายตายไป ย่อมบังเกิดในนรกชื่อปหาสะอนึ่ง ถ้าเขามีความเห็นอย่างนี้ว่า นักเต้นรำคนใดทำให้คนหัวเราะ รื่นเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ ผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชื่อปหาสะ ความเห็นของเขานั้นเป็นความเห็นผิด ดูกรนายคามณี ก็เราย่อมกล่าวคติสองอย่างคือ นรกหรือกำเนิดสัตว์เดียรัจฉาน อย่างใดอย่างหนึ่ง ของบุคคลผู้มีความเห็นผิด ฯแนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: คลังพระสูตร S08E52 , ขุดเพชรในพระไตรปิฎก S03E07 , S03E06 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
1/21/2020 • 1 hour, 9 minutes, 9 seconds เมื่อใดที่กล่าวถึงคำว่า "พหูสูต" จะต้องมีกลุ่มคำเหล่านี้ต่อพ่วง เกี่ยวพันมาด้วยกัน (Associate) ซึ่งที่เราได้ยินเป็นประจำ ก็คือ เป็นผู้สดับฟังมามาก, ทรงจำไว้ได้, ท่องได้คล่องปาก, ขึ้นใจ และแทงตลอดด้วยดีด้วยความเห็น (ทิฏฐิ) ซึ่งธรรมอันงดงามในเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด เป็นการประกาศพรหมจรรย์บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะด้วยคุณสมบัติ 5 อย่างนี้ ที่เมื่อมาประกอบกันแล้ว จะทำให้ความเป็นพหูสูตเกิดขึ้น ซึ่งทุกคนสามารถทำได้ จะมากหรือน้อยไม่เท่ากัน อันนี้เป็นธรรมดา แต่อย่างน้อยที่สุดต้องมี "การปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม" คือ การที่เรานำเอามาปฏิบัติ แล้วทำให้ถึงที่สุด ทำให้เกิดขึ้นในใจ จิตใจที่มีสัมมาทิฏฐิ มีกิเลสลดลง ถือว่าเราเป็นพหูสูตแล้ว เป็นในระดับที่จะทำให้ความดีนั้นสืบต่อไปได้ ให้ความดีนั้นไม่มาสุดจบลงที่ตัวเรา จึงเรียกได้ว่าเป็น พหูสูตผู้ทรงธรรม[231] พหูสูตมีองค์ 5 (คุณสมบัติที่ทำให้ควรได้รับชื่อว่าเป็นพหูสูต คือ ผู้ได้เรียนรู้มาก หรือคงแก่เรียน)พหุสสุตา ฟังมาก คือ ได้เล่าเรียนสดับฟังไว้มากธตา จำได้ คือ จับหลักหรือสาระได้ ทรงจำความไว้แม่นยำวจสา ปริจิตา คล่องปาก คือ ท่องบ่นหรือใช้พูดอยู่เสมอจนแคล่วคล่อง จัดเจนมนสานุเปกขิตา เพ่งขึ้นใจ คือ ใส่ใจนึกคิดพิจารณาจนเจนใจ นึกถึงครั้งใด ก็ปรากฏเนื้อความสว่างชัดทิฏฐิยา สุปฏิวิทธา ขบได้ด้วยทฤษฎี หรือ แทงตลอดดีด้วยทิฏฐิ คือ ความเข้าใจลึกซึ้ง มองเห็นประจักษ์แจ้งด้วยปัญญา ทั้งในแง่ความหมายและเหตุผลองฺ.ปญฺจก. 22/87/129แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: ใต้ร่มโพธิบท S07E18 , ตามใจท่าน S10E02 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
เถรธรรม 10 ประการ 6302-3d คุณธรรมอะไรที่ทำให้บุคคลเป็นเถระ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน "เถรสูตร" กล่าวถึงเรื่องของ เถรธรรม 10 ประการ ที่ทำให้เป็นเถระ คือ เป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้แก่ เป็นผู้รู้เรื่องราวต่าง ๆ มีประสบการณ์ ขอเน้นมาตรงจุดที่ว่า เป็นผู้ใหญ่แล้วก็มีประสบการณ์ ประสบการณ์ในที่นี้ ก็คือ ความรู้ นั่นเอง ความรู้ในที่นี้ ก็คือ ปัญญามี 10 อย่าง ซึ่งในคุณธรรมทั้งหมดนี้ ไม่ใช่ใช้เฉพาะของพระภิกษุเท่านั้น ยังสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันของเราได้ ข้อไหนที่เราพัฒนาได้ทำได้ อันนี้จะทำให้ชีวิตของเรานั้นมีความสุข อยู่สำราญ ในทุกสถาน ในทุกที่[๙๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการ จะอยู่ในทิศใด ๆ ย่อมอยู่สำราญโดยแท้ ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุเป็นเถระรัตตัญญู บวชมานาน ๑ เป็นผู้มีศีลสมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย ๑ เป็นพหูสูต ทรงสุตะ สั่งสมสุตะ เป็นผู้ได้สดับมามาก ทรงไว้ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ ซึ่งธรรมอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้น เชิง ๑ จำปาติโมกข์ทั้งสองด้วยดีโดยพิสดาร จำแนกด้วยดี ให้เป็นไปได้ด้วยดี วินิจฉัยได้แล้วโดยสูตรโดยอนุพยัญชนะ ๑ เป็นผู้ฉลาดในการระงับอธิกรณ์ที่เกิดขึ้น ๑ เป็นผู้ใคร่ธรรม รักการฟังธรรมการแสดงธรรม มีความปราโมทย์ยิ่งใน ธรรมอันยิ่งในวินัยอันยิ่ง ๑ เป็นผู้สันโดษด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และ คิลานปัจจัยเภสัชบริขารตามมีตามได้ ๑ เป็นผู้ประกอบด้วยอาการอันน่าเลื่อมใส ในการก้าวไปและถอยกลับ แม้นั่งในละแวกบ้านก็สำรวมแล้วด้วยดี ๑ เป็นผู้ได้ตามปรารถนา ได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก ซึ่งฌาน ๔ อันมีในจิตยิ่ง เป็นเครื่อง อยู่เป็นสุขในปัจจุบัน ๑ ย่อมทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะ มิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไปด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเอง ในปัจจุบัน เข้าถึง อยู่ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เถระประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการนี้แล จะอยู่ ในทิศใดๆ ย่อมอยู่สำราญโดยแท้ ฯ…เถรสูตร Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
1/7/2020 • 55 minutes, 41 seconds สืบเนื่องในช่วงคลังพระสูตรจาก 2 เอพิโสดที่ผ่านมา ได้นำเสนอ "กูฏทันตสูตร" ปรารภเรื่องที่กูฏทันตพราหมณ์ได้ทูลถามพระพุทธเจ้าถึงการบูชายัญที่เหนือกว่า สูงกว่าด้วยผลด้วยอานิสงส์ และน้อยกว่าในเรื่องของการตระเตรียมการริเริ่ม ในเอพิโสดนี้จึงยก "อุชชยสูตร" ว่าด้วยปัญหาของอุชชยพราหมณ์ขึ้นมาประกอบเพื่อให้ได้เห็นภาพรวมทั้งหมดของยัญที่ละเอียดลงไปโดยใน "อุชชยสูตร" ได้กล่าวถึงการบูชามหายัญ 5 ตามหลักของพวกพราหมณ์ ซึ่งในทางคำสอนของพระพุทธเจ้า เปรียบเทียบกับใน "กูฏทันตสูตร" ที่ได้กล่าวถึงการบูชายัญของพระเจ้ามหาวิชิตราช โดยมีพราหมณ์ปุโรหิตเป็นผู้ถวายคำแนะนั้น เป็นการบูชาที่ไม่เนื่องด้วยศาสตราและอาชญา ไม่มีการเบียดเบียนชีวิต ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบแล้วจะเห็นได้ในข้อที่ว่าอัสสเมธะ การฆ่าม้าบูชายัญ เปรียบเทียบได้กับ ความฉลาดในการบำรุงเรื่องพืชพันธุ์ธัญญาหาร ส่งเสริมการเกษตรและกสิกรรมปุริสเมธะ การฆ่าคนบูชายัญ เปรียบเทียบได้กับ ความฉลาดในการบำรุงคน ส่งเสริมคนดีที่มีความรู้ความสามารถให้รู้จักทำงานทำหน้าที่ของตน ๆ สัมมาปาสะ เป็นชื่อของยัญทั้งหมดที่เขาทำแท่นบูชาโยนบ่วงให้หล่นลงไปฯ เปรียบเทียบได้กับ ความฉลาดในการดูแลสุขทุกข์ของประชาชนโดยการส่งเสริมอาชีพให้มีอยู่มีกิน วาชเปยยะ เป็นชื่อของยัญที่เป็นการดื่มเครื่องดื่มพิเศษ อาจจะเป็นเลือดหรือสุรา เพื่อพลัง เพื่อชัยชนะ เปรียบเทียบได้กับ การพูดจาด้วยถ้อยคำไพเราะอ่อนหวาน สุภาพนุ่มนวล รู้จักพูดรู้จักชี้แจงแนะนำด้วยถ้อยคำที่เหมาะสม เชื่อถือได้ มีประโยน์ในทางที่จะก่อให้เกิดความสามัคคีนิรัคคฬะ เป็นชื่อของยัญชนิดที่ไม่มีขีดคั่น ฆ่าได้ทุกอย่าง เปรียบเทียบได้กับ การบริหารบ้านเมืองไม่ให้มีเสี้ยนหนามหลักตอ ไม่ให้มีโจรขโมยที่จะมาปล้นบ้านปล้นเรือน ประชาชนมีชีวิตที่เป็นสุขอย่างดีซึ่งการที่พระเจ้ามหาวิชิตราชจะปกครองบ้านเมืองให้มีความสุข ดำเนินไปได้ด้วยดี สอดแทรกการบูชาต่าง ๆ เหล่านี้นั้น จึงประกอบด้วยหลักธรรมที่เรียกว่า "ราชสังคหวัตถุ 5" และในปีใหม่นี้ ขอให้คิดใคร่ครวญในวิธีการดำเนินชีวิตของเราในปีนี้ให้ดี ทำอย่างไรจึงจะมีผลมีอานิสงส์มากขึ้นไปได้ด้วยการตระเตรียมการริเริ่มที่น้อยลง“พราหมณ์ เราไม่ได้สรรเสริญยัญไปเสียทุกอย่าง และเราก็ไม่ได้ติเตียนยัญไปเสียทั้งหมด เราไม่สรรเสริญยัญที่มีกิริยาคือ ยัญที่มีการฆ่า โค ๑ ยัญที่มีการฆ่าแพะ แกะ ๑ ยัญที่มีการฆ่าไก่ สุกร ๑ ยัญที่ทำให้สัตว์ต่าง ๆ ได้รับความเดือดร้อน ๑ ข้อนั้นเพราะเหตุไรเพราะพระอรหันต์หรือท่านผู้บรรลุอรหัตตมรรคย่อมไม่เกี่ยวข้องกับยัญที่มีกิริยาอย่างนั้นพราหมณ์ แต่เราสรรเสริญยัญที่ไม่มีกิริยา คือ นิจทาน และอนุกูลยัญ คือ ยัญที่ไม่มีการฆ่าโค ๑ ยัญที่ไม่มีการฆ่าแพะ แกะ ๑ ยัญที่ไม่มีการฆ่าไก่ สุกร ๑ ยัญที่ไม่ทำให้สัตว์ต่าง ๆ ได้รับความเดือดร้อน ๑ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะพระอรหันต์หรือท่านผู้บรรลุอรหัตตมรรคย่อมเกี่ยวข้องกับยัญที่ไม่มีกิริยาอย่างนี้”มหายัญที่มีกิริยามากเหล่านั้น คือ อัสวเมธ บุรุษเมธ สัมมาปาสะ วาชเปยยะ นิรัคคละ ไม่มีผลมาก พระอริยะผู้ปฏิบัติชอบ แสวงหาคุณยิ่งใหญ่ ย่อมไม่เกี่ยวข้องกับยัญ ที่มีการฆ่าแพะ แกะ โค และสัตว์ต่าง ๆ แต่พระอริยะผู้ปฏิบัติชอบ แสวงหาคุณยิ่งใหญ่ ย่อมเกี่ยวข้องกับยัญที่ไม่มีกิริยา เอื้ออำนวยประโยชน์ ประชาชนบูชาทุกเมื่อ และไม่มีการฆ่าแพะ แกะ โค และสัตว์ต่าง ๆนักปราชญ์พึงบูชายัญนี้ที่มีผลมาก เพราะเมื่อบูชายัญอย่างนี้ ย่อมมีแต่ความดี ไม่มีความชั่ว ยัญย่อมแพร่หลาย และเทวดาก็เลื่อมใส…อุชชยสูตร ว่าด้วยปัญหาของอุชชยพราหมณ์แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: คลังพระสูตร E09S10 , E09S11 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
12/31/2019 • 45 minutes, 52 seconds พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน "อนุตตริยสูตร" เปรียบเทียบส่วนเหมือนส่วนต่างให้เห็นถึงว่า สิ่งทั่วไป ๆ ที่ชาวโลกชาวบ้านเขามักจะเข้าใจว่า เป็นการได้ เป็นการเห็น เป็นการฟัง เป็นการบำรุง และเป็นการระลึกถึง เป็นการศึกษา ที่จะคิดว่ามันจะดี ก็ยังไม่เป็นไปเพื่อสัมโพธิ ความรู้ยิ่ง หรือนิพพาน ยังไม่กล่าวว่า ยอดเยี่ยมจริง ๆ แต่การได้ยิน ได้เห็นอะไร การศึกษาเรื่องอะไร ระลึกถึงสิ่งไหน แล้วมันไม่เป็นด้วยสาธารณะกับของคนอื่น เป็นของเฉพาะตน เป็นไปเพื่อปัญญา เป็นไปเพื่อนิพพาน อันนั้นสุดยอดกว่า ถ้าเราไม่เห็นไม่เข้าใจแสดงว่า ความรัก ความศรัทธาตั้งมั่น ยังไม่เต็มที่ ให้ฝึกให้มีความรัก ความศรัทธาตั้งมั่น ในพระพุทธเจ้าและในคำสอน เราจะเห็น จะเข้าใจในข้อนี้ได้อนุตตริยสูตร ว่าด้วยสิ่งยอดเยี่ยม 6 อย่างทัสสนานุตริยะ - การเห็นอันเยี่ยม ได้แก่ การเห็นพระตถาคต และตถาคตสาวกรวมถึงสิ่งทั้งหลายที่จะให้เกิดความเจริญงอกงามแห่งจิตใจสวนานุตตริยะ - การฟังอันเยี่ยม ได้แก่ การสดับธรรมของพระตถาคต และ ตถาคตสาวกลาภานุตตริยะ - การได้อันเยี่ยม ได้แก่ การได้ศรัทธาในพระตถาคตและตถาคตสาวก หรือการได้อริยทรัพย์สิกขานุตตริยะ - การศึกษาอันเยี่ยม ได้แก่ การฝึกอบรมในอธิศีล อธิจิต และอธิปัญญา ปาริจริยานุตตริยะ - การบำเรออันเยี่ยม ได้แก่ การบำรุงรับใช้พระตถาคตและตถาคตสาวกอนุสสตานุตตริยะ - การระลึกอันเยี่ยม ได้แก่ การระลึกถึงพระตถาคต และตถาคตสาวกโดยสรุปคือ การเห็น การฟัง การได้ การศึกษา การช่วยรับใช้ และการรำลึกที่จะเป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์ ล่วงพ้นโสกะปริเทวะ ดับสูญทุกข์โทมนัส เพื่อการบรรลุญายธรรม ทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน#1952-2m0811 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
12/24/2019 • 1 hour, 6 minutes, 18 seconds การปฏิบัติเพื่อความสมดุลแห่งสมถะและวิปัสสนา 6251-3d 7 คำถามที่ควรตั้งเป็นคำถาม เพื่อให้ได้คำตอบที่ตรงจุดตรงประเด็น มาในพระสูตรว่าด้วย "การปฏิบัติเพื่อความสมดุลแห่งสมถะและวิปัสสนา" ทั้งนี้ในทางคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น ให้เราขยายผลออกไป ไตร่ตรองใคร่ครวญดูตัวเราว่า ในชีวิตประจำวันของเรานั้น การตั้งคำถามให้กับตัวเราเองนี้ มันถูกหรือไม่? เช่นว่า เราเจอเรื่องไม่ดีอย่างใดอย่างหนึ่ง ยกตัวอ่างง่าย ๆ เราไปซื้อก๋วยเตี๋ยวแล้วเจอแมลงสาบอยู่ในนั้น หรือมีคนมาขับรถปาดหน้า เกือบชนกัน ทั้ง ๆ ที่ก็ขับมาดี ๆ ถ้าเราตั้งคำถามว่า ร้านนี้ทำไมมันทำห่วยขนาดนี้ ซึ่งเป็นคำถามที่ผิดตั้งแต่แรก คำตอบที่ออกมาก็จะผิดพลาด คลาดเคลื่อนไปหมด เพราะฉะนั้นการที่เราจะเพ่งจิตของเราไปให้มันถูกที่ถูกทางนั้น เราต้องจดจ่อไปในคำถามให้ถูก เวลามีสถานการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น คำถามที่ควรตั้งขึ้นก็คือ ฉันจะรักษาจิตของฉันในกรณีนี้ได้อย่างไร? ก็จะเริ่มมีคำตอบว่า คุณต้องตั้งสติขึ้น ใจเย็น ให้มีเมตตา มีการให้อภัย พอมีคนขับรถปาดหน้า โอ้ว! นี่เป็นโอกาสที่ฉันจะได้ให้แล้ว มีการให้ทานด้วยการให้ทาง แล้วถามว่าเราจะมีคำตอบแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ก็อยู่ที่ว่าการตั้งคำถามกับเหตุการณ์แบบนี้ สถานการณ์แบบนี้ เราจะสร้างกุศลธรรมขึ้นได้อย่างไร? คำถามจึงเป็นสื่งที่สำคัญมาก เราควรฝึกตั้งคำถามที่ถูกกับตัวเองใหม่ เหมือนเช่นตัวอย่างในพระสูตรเรื่องราวสมถะและวิปัสสนา การปฏิบัติเพื่อความสมดุลย์แห่งสมถะและวิปัสสนา ภิกษุ ท. ! ในบรรดาสี่จำพวกนั้น 1) บุคคลผู้ได้เจโตสมถะในภายใน แต่ไม่ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนา นั้น บุคคลนั้น พึงเข้าไปหาบุคคล ผู้ได้อธิปัญญา ธัมมวิปัสสนา แล้วถามว่า ท่านผู้มีอายุ ! เราควรเห็นสังขารกันอย่างไร? ควรพิจารณากันอย่างไร? ควรเห็นแจ้งสังขารกันอย่างไร? ดังนี้. ผู้ถูกถามนั้น จะพยากรณ์ตามที่ตนเห็นแล้ว แจ่มแจ้งแล้วอย่างไร แก่บุคคลนั้นว่า “ท่านผู้มีอายุ ! สังขารควร เห็นกันอย่างนี้ ๆ, สังขารควรพิจารณากันอย่างนี้ ๆ, สังขารควรเห็นแจ้งกันอย่างนี้ๆ” ดังนี้. สมัยต่อมา บุคคลนั้นก็จะเป็นผู้ได้ทั้ง เจโตสมถะในภายใน และอธิปัญญาธัมมวิปัสสนา. 2) ภิกษุ ท.! บุคคลผู้ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนา แต่ไม่ได้เจโตสมถะในภายใน นั้น บุคคลนั้น พึงเข้าไปหาบุคคลผู้ได้เจโต สมถะในภายใน แล้วท่านถามว่า ท่านผู้มีอายุ ! จิต เป็นสิ่งที่ควรดำรงไว้ (สณฺฐเปตพพฺ) อย่างไร? ควรถูกชักนำไป (สนฺนิยาเทตพฺพ) อย่างไร? ควรทำให้เป็นจิตมีอารมณ์เดียว (เอกทิกตฺตพฺพ) อย่างไร? ควรทำให้ตั้งมั่น (สมาทหาตพฺพ) อย่างไร? ผู้ถูกถามนั้น จะพยากรณ์ ตามที่ตนเห็นแล้ว แจ่ม แจ้งแล้วอย่างไร แก่บุคคลนั้นว่า “ท่านผู้มีอายุ ! จิต เป็นสิ่งที่ควรดำรงไว้ ด้วยอาการอย่างนี้ ๆ, ควรถูกชักนำไป ด้วยอาการอย่าง นี้ ๆ, ควรทำให้เป็นจิตมีอารมณ์เดียว ด้วยอาการอย่างนี้ ๆ, ควรทำให้ตั้งมั่น ด้วยอาการอย่างนี้ ๆ” ดังนี้. สมัยต่อมา บุคคลนั้น ก็จะเป็นผู้ได้ทั้งอธิปัญญาธัมมวิปัสสนาและเจโตสมถะในภายใน. 3) ภิกษุ ท. ! บุคคลผู้ไม่ได้ทั้งเจโตสมถะในภายใน และอธิปัญญาธัมมวิปัสสนา นั้น บุคคลนั้น พึงเข้าไปหาผู้ได้ทั้งเจโต สมถะในภายในและอธิปัญญาธัมมวิปัสสนา แล้วถามว่า “ท่านผู้มีอายุ ! จิตเป็นสิ่งที่ควรดำรงไว้อย่างไร? ควรถูกชักนำไป อย่างไร? ควรทำให้เป็นจิตมีอารมณ์เดียวอย่างไร? ควรทำให้ตั้งมั่นอย่างไร? สังขารเป็นสิ่งที่ควรเห็น อย่างไร?ควรพิจารณา อย่างไร? ควรเห็นแจ้งอย่างไร?” ดังนี้. ผู้ถูกถามนั้นจะพยากรณ์ ตามที่ตน เห็นแล้วแจ่มแจ้งแล้วอย่างไร? แก่บุคคลนั้น ว่า “ท่านผู้มีอายุ ! จิตเป็นสิ่งที่ควรดำรงไว้ด้วยอาการอย่างนี้ ๆ, ควรถูกชักนำไป ด้วยอาการอย่างนี้ ๆ, ควรทำให้เป็นจิตมีอารมณ์ เดียว ด้วยอาการอย่างนี้ๆ, ควรทำให้ตั้งมั่น ด้วยอาการ อย่างนี้ ๆ; สังขารเป็นสิ่งที่ควรเห็นกันอย่างนี้ ๆ, ควรพิจารณากันอย่างนี้ ๆ, ควรเห็นแจ้งกันอย่างนี้ ๆ” ดังนี้. สมัยต่อมา บุคคลนั้น ก็จะเป็นผู้ได้ ทั้งเจโตสมถะในภายในและอธิปัญญาธัมมวิปัสสนา. 4)ภิกษุ ท. ! บุคคลผู้ได้ทั้งเจโตสมถะในภายใน และอธิปัญญาธัมมวิปัสสนา นั้น บุคคลนั้น พึงดำรงตนไว้ในธรรมทั้งสอง นั้น แล้วประกอบความเพียร เพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะ ทั้งหลาย ให้ยิ่งขึ้นไป. ภิกษุ ท. ! บุคคล 4 จำพวกเหล่านี้มีอยู่ หาได้อยู่ ในโลก. แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: เข้าใจทำ (ธรรม) E07S62 , #เหตุของปัญญาเริ่มด้วยคำถาม , #เพ่งอย่างยุติธรรม (เพ่งให้ถูกที่) Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
12/17/2019 • 13 minutes, 38 seconds 3 ยอดธง | ธชัคคสูตร 6250-3d 3 ยอดธง | ความมหัศจรรย์ของแก้ว 3 ประการ (พระรัตนตรัย) คือ พุทโธ ธัมโม สังโฆ นั้นมีมากมาย ด้วยความที่เป็นเหตุเป็นผล และได้ผลตามเหตุที่ทำอย่างถึงที่สุดนั้นจริง ๆ ในเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา ที่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นในจิตใจของเรา ทำให้กิเลสมันลดลง ๆ กำจัดความกลัว ความสะดุ้งหวาดเสียว และความขนพองสยองเกล้าได้ นี่แหละคือ ความมหัศจรรย์ อันเป็นความน่าทึ่งในธรรมวินัยนี้พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ใน "ธชัคคสูตร" (คำว่า ธชัคคะ แปลว่า ยอดธง ) ปรารภสงครามระหว่างเทวดากับอสูร โดยเมื่อเหล่าเทวดาทั้งหลายเกิดความกลัว ความสะดุ้งหวาดเสียว ความขนพองสยองเกล้าเกิดขึ้นในการรบ ให้พึงแลดูยอดธงของท้าวสักกะจอมเทวดา หรือของเทวราชที่รองลงมา ความกลัวความสะดุ้งหวาดเสียวนั้นก็จะหายไปได้ส่วนพระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนภิกษุทั้งหลายว่า เมื่อเข้าไปอยู่ในป่าแล้วเกิดความกลัวขึ้น ก็ให้ระลึกถึงพระองค์ หรือระลึกถึงพระธรรม หรือระลึกถึงพระสงฆ์ ให้เจริญพุทธานุสสติ ธรรมานุสสติ สังฆานุสสติ ก็จะทำให้ความกลัวต่าง ๆ ความสะดุ้งหวาดเสียว หายไปได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายอยู่ในป่าก็ดี อยู่ที่โคนไม้ก็ดี อยู่ในเรือนว่างเปล่าก็ดี พึงระลึกถึงพระสัมพุทธเจ้าเถิด ความกลัวไม่พึงมีแก่เธอทั้งหลาย ถ้าว่าเธอทั้งหลายไม่พึงระลึกถึง พระพุทธเจ้าผู้เจริญที่สุดในโลก ผู้องอาจกว่านรชน ทีนั้น เธอทั้งหลายพึงระลึกถึงพระธรรมอันนำออกจากทุกข์ อัน พระพุทธเจ้าทรงแสดงดีแล้ว ถ้าเธอทั้งหลายไม่พึงระลึกถึง พระธรรมอันนำออกจากทุกข์ อันพระพุทธเจ้าทรงแสดงดีแล้ว ทีนั้น เธอทั้งหลายพึงระลึกถึงพระสงฆ์ผู้เป็นบุญเขต ไม่มีบุญ เขตอื่นยิ่งไปกว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อเธอทั้งหลายระลึกถึง พระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์อยู่ ความกลัวก็ดี ความหวาดสะดุ้งก็ดี ความขนพองสยองเกล้าก็ดี จักไม่มีเลย ฯ …ธชัคคสูตรที่ ๓แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: เข้าใจทำ (ธรรม) S08E01 , S07E54 , S07E46 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
12/10/2019 • 1 hour, 34 seconds ความเพียรที่เป็นทางสายกลาง 6249-3d หัวข้อในเอพิโสดนี้ คือ เหตุใดบางคนจึงสามารถมีความอดทนหนักแน่นเข้มแข็ง ปรารภความเพียรได้อย่างไม่ย่อหย่อน ส่วนอีกคนหนึ่งก็ขี้เกียจไม่เอาอะไร พระพุทธเจ้าตรัสไว้ถึง ที่ตั้งแห่งความเกียจคร้าน (กุสีตวัตถุสูตร) และ ที่ตั้งแห่งการปรารภความเพียร (อารัพภวัตถุสูตร) เปรียบเทียบในวาระเดียวกัน มี 8 ข้อ แต่ให้เกิดผลคนละอย่าง แตกต่างกันคนละขั้ว และ การปรารภความเพียรจะต้องมีจิตตั้งไว้จดจ่อกับมรรค 8เหตุของการตั้งความเพียรได้ เพราะมีการเพ่งจิตไว้ถูกต้องยกตัวอย่างเปรียบเทียบไว้กับ นกมูลไถ ช้างฉัททันต์ และ ม้าอาชาไนย คนเราเปลี่ยนแปลงได้ไม่จำเป็นต้องเหมือนเดิม "เปลี่ยนแปลงได้" หมายความว่า มันเป็นเรื่องราวมาอยู่แล้ว มันเป็นการตั้งจิตมาอยู่แล้ว เราก็เปลี่ยนแปลงตั้งจิตใหม่ จากการที่จะเพ่งไว้อยู่กับความสบายอยู่กับความลำบาก อยู่กับเรื่องราวสิ่งต่าง ๆ ไม่เอาเรามาเพ่งจิตตั้งไว้อยู่กับมรรค 8 จิตของเราตั้งอยู่กับมรรค 8 คือ มีสามัญญผลตั้งอยู่กับผลที่เป็นสามัญญลักษณะที่มันจะเกิดขึ้นตามกระบวนการของมรรค จิตเราจะมีกำลังขึ้นมาทันทีแนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: เข้าใจทำ (ธรรม) E07S58 , E07S64 , E07S63 , คลังพระสูตร E09S07 , ตามใจท่าน E09S55 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
12/3/2019 • 1 hour, 2 minutes, 54 seconds มาตรฐานการอ้อนวอนด้วยศรัทธาโดยชอบ 6248-3d “ตราชู” ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสเปรียบเทียบไว้เป็นมาตรฐานสำหรับการปฏิบัติในธรรมวินัยนี้ ได้กล่าวเปรียบเทียบ การที่เราจะมีแบบอย่างที่เป็นเกณฑ์มาตรฐาน (Benchmark) มีการประมาณที่คาดคะเนได้ว่า การปฏิบัติของเราที่จะทำให้มันดี ทำให้มันชอบ ทำให้มันเลิศ ทำให้มันสูง ทำให้มันตรงเยี่ยมนั้น จะเอาที่ตรงระดับไหนจึงยกพระสูตรว่าด้วยความปรารถนา ที่มาใน จตุกนิบาติ ข้อที่ 176 โดยกล่าวถึงการตั้งความปรารถนาโดยยกในเรื่องของสงฆ์คือหมู่ผู้ฟังคำสอน ทั้ง 4 จำพวก อย่างละคู่ รวม 8 บุคคล ได้แก่ พระสารีบุตร-พระมหาโมคคัลลานะ, เขมาภิกษุณี-อุบลวรรณาภิกษุณี, จิตตคหบดี-หัตถกอุบาสก,นางอุตตรา นางขุชชุตรา มาให้ได้ศึกษากันโดยอธิบายแต่ละคนไล่ขึ้นแบบปฏิโลม ซึ่งเมื่อเราได้ตั้งความปรารถนา มีการอ้อนวอนให้ได้ตามความปรารถนานั้น ก็จะต้องมีแบบอย่างเอามาเป็นเกณฑ์มาตรฐาน เอามาไว้เป็นตราชู เอามาใช้เป็นคู่เปรียบในการปฏิบัติของเราให้มันดี เป็น “สุปฏิปันโน” ปฏิบัติให้มันชอบ เป็น “อุชุปฏิปันโน” ปฏิบัติให้มันถูกทาง เป็น “ญายปฏิปันโน” และปฏิบัติให้มันสมควร เป็น “สามีจิปฏิปันโน” และขอฝากไว้ในเรื่องของ "มาตรฐานของการอ้อนวอน" ที่เราจะพัฒนาปรับปรุงตัวเราให้เป็นแบบไหน เวลาที่อธิษฐานขอพร ก็ขอให้เรามีสติปัญญา มีศีล มีสมาธิ มีวิมุตติ มีวิมุตติญาณทัศนะ ให้เป็นไปอย่างในระดับของเหล่าอริยสาวกที่มีความเลิศในหมวดหมู่นั้น ๆ ให้ตั้งความปรารถนาไว้ ให้ตั้งจิตเอาไว้ ขอพรเอาไว้ มันจะเป็นการดี[๑๗๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้มีศรัทธาเมื่อปรารถนาโดยชอบ พึงปรารถนาอย่างนี้ว่า ขอเราจงเป็นเช่นพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะเถิด ดูกร ภิกษุทั้งหลาย สารีบุตรและโมคคัลลานะนี้เป็นตราชู เป็นประมาณแห่งภิกษุ ทั้งหลายผู้สาวกของเรา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุณีผู้มีศรัทธา เมื่อปรารถนาโดยชอบ พึงปรารถนาอย่างนี้ว่า ขอเราจงเป็นเช่นพระเขมาภิกษุณี และพระอุบลวรรณาภิกษุณี เถิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย เขมาภิกษุณีและอุบลวรรณาภิกษุณีนี้เป็นตราชู เป็น ประมาณแห่งภิกษุณีทั้งหลายผู้สาวิกาของเรา ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุบาสกผู้มีศรัทธา เมื่อปรารถนาโดยชอบ พึงปรารถนาอย่างนี้ว่า ขอเราจงเป็นเช่นจิตตคฤหบดีและ หัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวีเถิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย จิตตคฤหบดีและหัตถกอุบาสก ชาวเมืองอาฬวีนี้เป็นตราชู เป็นประมาณแห่งอุบาสกทั้งหลายผู้เป็นสาวกของเรา ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุบาสิกาผู้มีศรัทธาเมื่อปรารถนาโดยชอบ พึงปรารถนาอย่างนี้ว่า ขอเราจงเป็นเช่นนางขุชชุตราอุบาสิกา และนางเวฬุกัณฏกีนันทมารดาเถิด ดูกร ภิกษุทั้งหลาย นางขุชชุตราอุบาสิกา และนางเวฬุกัณฏกีนันทมารดานี้เป็นตราชู เป็นประมาณของอุบาสิกาทั้งหลายผู้สาวิกาของเรา ฯ…สัญเจตนิยวรรคที่ ๓ จตุกกนิบาตแนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: ขุดเพชรในพระไตรปิฎก E02S09 , E02S08 , E02S04 , E02S03 , E01S34 , E01S10 , E01S09 , คลังพระสูตร E09S01 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
11/26/2019 • 56 minutes, 28 seconds วิธีข่มขี่ ถ้อยคำอันเป็นข้าศึก ให้ราบคาบไปโดยธรรม (ทิฏฐิสูตร) พระธรรมอันพระพุทธเจ้าทรงที่บอกสอนไว้ดีแล้ว ด้วยความรู้ยิ่ง มีเหตุผล และน่าอัศจรรรย์ ทิ้งไว้เป็นมรดกให้เรารักษาปฏิบัติทำให้ดี ซึ่งนั่นจะเป็นความรุ่งเรือง เป็นความดีงาม เป็นประโยชน์เกื้อกูล ไม่ใช่แค่แก่มนุษย์เท่านั้น แต่ยังแก่เทวดาทั้งหลายด้วย ไม่ใช่แก่กลุ่มเดียวนี้เท่านั้น แต่ยังกับกลุ่มอื่น ๆ ทั้งหลายด้วย ดังนั้นเราในฐานะพุทธบริษัทผู้เป็นธรรมทายาท จึงมีหน้าที่ช่วยกันดูแลรักษาธรรมวินัยให้ถูกต้องสืบต่อไป โดยในเอพิโสดนี้ จึงได้ยกหัวข้อในเรื่อง "การข่มขี่ปรัปวาทโดยธรรม" จาก ทิฏฐิสูตร [๙๓] ขึ้นมาเป็นตัวอย่าง ปรารภท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีกล่าวข่มขี่ถ้อยคำอันเป็นข้าศึกให้ราบคาบไปโดยธรรม พร้อมแสดงธรรมที่มีความน่าอัศจรรย์แก่เหล่าอัญญเดียรถีย์ปริพาชกในเรื่องของทิฐิได้ และอย่างไรที่เรียกว่า วิธีข่มขี่ถ้อยคำอันเป็นข้าศึกให้ราบคาบไปโดยธรรม "ภิกษุใดแลเป็นผู้มีธรรมอันไม่หวั่นไหวในธรรมวินัยตลอดกาลนาน ภิกษุ แม้นั้นพึงข่มขี่อัญญเดียรถีย์ปริพาชกเหล่านั้น ให้เป็นการข่มขี่ด้วยดีโดยชอบธรรมอย่างนี้ เหมือนท่านอนาถบิณฑิกคฤหบดีข่มขี่แล้ว ฉะนั้น"…ทิฏฐิสูตร [๙๓] แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: เข้าใจทำ (ธรรม) S07E21 , คลังพระสูตร S08E32 , #อาการที่แสดงธรรม 3 อย่าง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
11/19/2019 • 16 minutes, 17 seconds ในเอพิโสดนี้ได้ยกวิธีการพิจารณาอสุภะ ด้วยอาการ 11 อย่างขึ้นมาอธิบาย โดยพิจารณาเจาะจงลงมาที่หัวข้อ "ซากศพในสภาพต่าง ๆ" นั่นคือ อสุภะ 10 ซึ่งแต่ละอย่างนั้นมีรายละเอียดที่จะให้เกิดความเหมาะสม เพื่อให้เกิดความคลายกำหนัดในผู้มีราคจริตในแบบต่าง ๆ ที่แตกต่างกันไป ดังนั้นจึงให้พิจารณามาในหัวข้อเหล่านี้ว่า มันคืออะไร และเหมาะกับผู้มีความกำหนัดยินดีในประเภทไหนวิธีพิจารณานั้น เราสามารถนึกเป็นภาพขึ้นในใจก็ได้ โดยค้นหาดูภาพประกอบได้จากหนังสือ ยูทูป หรือจากในอินเตอร์เน็ต ที่เมื่อเราเห็นดูได้ นี้จึงเป็นองค์แห่งกรรมฐานในการที่จะตั้งไว้ พิจารณาให้มันถูกจุดถูกที่ ให้มันเป็นสัปปายะ จะทำให้มีการปล่อยวางได้เร็ว ทำให้จิตของเราสามารถเห็นด้วยปัญญาที่จะคลายความกำหนัดยินดีในกาย ปล่อยวางกายนี้ได้ "ก็อสุภะนี้แม้ทั้ง ๑๐ อย่าง โดยลักษณะก็มีอย่างเดียวเท่านั้น ด้วยว่า อสุภะแม้ ๑๐ อย่างนี้มีความเป็นของปฏิกูลโดยเป็นของไม่สะอาดมีกลิ่นเหม็น น่ารังเกียจเท่านั้นเป็นลักษณะ โดยลักษณะนี้ อสุภะนี้นั้นจึงไม่ปรากฏในสรีระที่ตายแล้วอย่างเดียว ย่อมปรากฏแม้ในร่างกายที่ยังมีชีวิตอยู่ เหมือนพระมหาติสสเถระผู้อยู่ในวิหารเจติยบรรพตเกาะสีหลผู้เห็นกระดูกฟัน และเหมือนปรากฏแก่สามเณรอุปัฏฐาก พระสังฆรักขิตเถระซึ่งแลดูพระราชาผู้ประทับเหนือคอช้าง ฉะนั้น เพราะว่าร่างกายที่ตายแล้วเป็นอสุภะฉันใด แม้สรีระที่กำลังเป็นอยู่ก็เป็นอสุภะฉันนั้นนั่นแหละ แต่ว่าในร่างกายที่ยังเป็นอยู่นี้ ลักษณะแห่งอสุภะย่อมไม่ปรากฏ เพราะเครื่องประดับจรมาปิดบังไว้ ฉะนี้แล."…อสุภกถา อรรถกถา ธรรมสังคณีปกรณ์ จิตตุปปาทกัณฑ์ กุศลธรรม รูปาวจรกุศล อสุภฌาน ๑๐แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: เข้าใจทำ (ธรรม) S07E38 , นิทานพรรณนา S01E24 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
11/12/2019 • 58 minutes, 13 seconds ความจริงในขันธ์ 5 คือ ไม่เที่ยง อนัตตา 6245-3d เป็นเนื้อหาที่ต่อจากเอพิโสดที่แล้วในเรื่องของขันธ์ 5 ซึ่งประเด็นที่เชื่อมต่อกันมาก็คือ ขันธ์ 5 ที่เราเข้าใจแล้วว่า ต้องทำความกำหนดรู้ ทำความเข้าใจ ยกตัวอย่างการเรียนภาษา เราก็ไม่รู้ในภาษานั้น ๆ เราก็ฝึกเรียน ตอนแรกมันไม่รู้ สัญญามันจึงต้องเรียนรู้เอา การเรียนรู้ก็คือ สัญญาแบบหนึ่งปรุงแต่งเปลี่ยนแปลงให้สำเร็จรูปไปเป็นสัญญาอีกแบบหนึ่งขึ้นมา การปรุงแต่งนั้นคือ สังขาร ดังนั้นสังขารก็คือการเรียนรู้ นั่นแหละ การฝึกทักษะความรู้ การท่องจำศัพท์ต่าง ๆ เกิดเป็นสัญญาใหม่ ซึ่งเมื่อทำให้มีสังขารมีสัญญา ๆ ขึ้นมา ทำให้เกิดขึ้นบ่อยๆ โดยเอาสมาธิเชื่อมเข้าไป สัญญาสังขารนั้นมันจะเป็นจะเกิดเป็นญาณ เป็นความรู้เกิดขึ้นมา เราจะสามารถโต้ตอบภาษานั้น ๆ ได้โดยอัตโนมัติ ญาณจึงเกิดขึ้นได้ในทุกระดับ รวมถึงทักษะศิลปวิชาชีพต่าง ๆ จะสามารถแทงตลอดในเรื่องนั้น ๆ ได้ฉับพลันทันที เปรียบไว้เหมือนกับนักเลงรถ ชี้ไปตรงไหนมีเหตุเกิดขึ้นอย่างไรเขาจะรู้ส่วนประกอบต่าง ๆ ของรถทั้งหมด โดยไม่ต้องเตรียมการไว้ก่อน เพราะนั่นคือญาณของเขา ที่เกิดจากฝึกทำ พูด คิด อยู่เป็นประจำ สัญญาจึงเกิดก่อน ญาณจึงเกิดตามมา ในที่นี้เราศึกษาเรื่องของขันธ์ 5 ก็เพื่อจะให้เกิดญาณในขันธ์ ทั้ง 5 เป็นความรู้อย่างนี้ว่า มันเป็นของไม่เที่ยง มีความเปลี่ยนแปลงไปเป็นธรรมดา มีความแปรปรวนไปเป็นอย่างอื่น เป็นธรรมดา เป็นของว่างเปล่า หาแก่นสารอะไรไม่ได้ เห็นสัจจะความจริงอย่างนี้ ซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ บ่อย ๆ มีสังขารการปรุงแต่งเข้าไป (มรรค 8) จะเกิดความรู้ที่เป็นญาณอย่างนี้ ซึ่งเราต้องทำให้มันได้ พอเมื่อถึงเวลาจริงมันจะทำให้พ้นทุกข์ได้แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlist : เข้าใจทำ (ธรรม) S07E55 , ใต้ร่มโพธิบท S08E03 , ทำสัญญาให้เป็นญาณ , ไม่ยึดถือแต่ใช้เป็นที่พึ่ง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
11/5/2019 • 1 hour, 1 minute, 30 seconds ความหมายและการทำงานของขันธ์ 5 6244-3d ในช่องทางใจของเรา เวลามีอะไรมากระทบ ถ้ามีสติรักษาไว้ ไม่ให้เกิดความระคายเคืองขึ้นที่จิต มันก็จะไม่ปรุงแต่งอะไรไปในทางอกุศล หรือถ้าเป็นไปในทางความชอบ กระเป๋าใบนี้ รองเท้าคู่นี้ ชอบมากเลย อันนี้เป็นสัญญา เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้น ซึ่งถ้าชอบแล้วไม่มีสติ จิตมันก็จะเผลอเพลิน ลุ่มหลง ปรุงแต่งไป ควักเงินซื้อเลย กระเป๋าใบละสามสี่แสน ใครว่าแพง คนอื่นเขาหิ้วใบละล้าน ไม่แพงหรอก คิดนึกปรุงแต่งไปการคิดนึกปรุงแต่งเป็นมโนสังขาร การหยิบเงินยื่นออกไปเป็นกายสังขาร จิตนี้ก็ไม่ได้รับการรักษา (จิตนี้อยู่ในช่องทางคือใจ, ขันธ์ 5 ไม่ใช่จิต) จิตไปยึดถือขันธ์ 5 โดยความเป็นตัวตน เข้าไปยึดถือเวทนา ดีมาก ชอบมาก เป็นของฉัน มีในฉัน ฉันเป็นสิ่งนี้ สิ่งนี้มีในฉัน ฉันมีในสิ่งนี้ เป็นไปแบบนี้ รูปด้วย ข้าวของสิ่งต่าง ๆ ด้วย ปรุงแต่งไปแบบนี้นี้คือเบื้องต้นในการทำงานของขันธ์ 5 ที่มีลักษณะอย่างนี้อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนหรือทำอะไร แม้แต่นอนหลับอยู่หรือนอนไม่หลับ ขันธ์ 5 ก็ยังมีอยู่ ทำงานแบบนี้อยู่ตลอด เราจะเข้าใจมันไหม? ถ้าเราเข้าใจมัน เข้าใจการทำงานของมันได้ นี้จะเป็นปัญญาทำให้เรามีความฉลาดได้และในตอนหน้าจะได้มาเพิ่มเติมส่วนประเด็นที่ต้องทำในเรื่องของขันธ์ 5 ว่าจะได้ประโยชน์อย่างไรจากการศึกษานี้แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: เข้าใจทำ (ธรรม) S08E03 , S07E55 , S07E34 , ใต้ร่มโพธิบท S07E56 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
10/29/2019 • 57 minutes, 58 seconds ความพรั่งพร้อมสูงสุดแห่งสงฆ์ 6243-3d สืบเนื่องจากคลังพระสูตรที่ได้ยก "ทักขิณาวิภังคสูตร" ขึ้นมา กล่าวถึงทักษิณาปาฏิปุคคลิก 14 ไว้ และในงานบุญกฐินที่ผ่านมา จึงยกหัวข้อธรรมในเรื่องของ "จุดสูงสุดของความพรั่งพร้อมแห่งสงฆ์" ขึ้นมาทำความเข้าใจในรายละเอียดกัน"กฐิน" เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผ้า เกี่ยวกับสงฆ์คือหมู่ที่มีความบริสุทธิ์บริบูรณ์ทั้งสองฝ่าย ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ว่ายอดเงินคุณจะได้เท่าไหร่ ไม่ได้อยู่ที่ว่าคนมาร่วมงานจะมีมากไหม มีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์หรือไม่ แต่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขคือ ความบริสุทธิ์ของทั้งของฝ่ายนักบวชและฝ่ายคฤหัสถ์รวบรวมกันมาแล้ว โดยฝ่ายผู้ให้มีศรัทธาไม่มีความตระหนี่ มีมากก็ให้มาก ให้ด้วยความพอใจไม่หวงแหนทรัพย์ที่มีอยู่ บางคนทุ่มสุดตัวเลยด้วยซ้ำ มีหลัก ๆ นั่นคือผ้า สิ่งอื่น ๆ นั้นก็เป็นองค์ประกอบ ตามมาเป็นความงดงามในการงานแบบนี้ ถ้ามีโอกาสเจอหมู่ที่มีความพรั่งพร้อมแบบนี้ทั้งเหล่านักบวชและฝ่ายคฤหัสถ์ เราจะบูชาด้วยอะไร?"หมู่" นี้ก็หมายถึงตัวเราด้วย ถ้าเราบูชาด้วยความตระหนี่ หมู่นั้นก็มีความบริสุทธิ์น้อยลง แต่ถ้าเราบูชาด้วยศรัทธา อันนี้ก็ดีขึ้นมา มีศรัทธาแล้วมีศีลหรือไม่ มีศีลแล้วก็ดีขึ้นไปอีก มีศีลแล้วคุณรู้จักข้อธรรมในการที่จะแบ่งจ่ายทรัพย์หรือไม่ ถ้ารู้จักการแบ่งจ่ายทรัพย์ที่ดีให้ของที่มีอยู่ไม่ซ่อนของของตน ไม่มีความตระหนี่รู้จักการแบ่งจ่ายทรัพย์ อันนี้ก็ดีขึ้นไปอีก ดีกว่านั้นก็ยังมีอีกอยู่ที่ว่าเราจะบูชาด้วยคุณธรรม ด้วยข้าวของสิ่งของอย่างใด ๆ ก็เพิ่มเติมเข้าไป ให้เราตั้งศรัทธาไว้ถ้าเผื่อว่าเรามีความตระหนี่คิดว่าฉันไม่มีฉันทำแค่นี้ อันนี้คุณจะพลาดโอกาสแต่ถ้าเราตั้งศรัทธาไว้อย่างดี ไล่ไปตามลำดับมีการสละความตระหนี่ บูชาความพรั่งพร้อมสูงสุดแห่งสงฆ์ด้วยสิ่งที่เป็นสูงสุดของเราอันนี้มันจะเป็นความดีงามมาก"พระพุทธเจ้าทั้งหลายได้ตรัสทานใดว่าอย่างยิ่ง ยอดเยี่ยม พระผู้มีพระภาคได้ทรงสรรเสริญการแจกจ่ายทานใดว่าอย่างยิ่ง ยอดเยี่ยม วิญญูชนผู้มีจิตเลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอริยสงฆ์ผู้เป็นเขตอันเลิศ รู้ชัดอยู่ซึ่งทานและการแจกจ่ายทานนั้น ๆ ใครจะไม่พึงบูชา (ให้ทาน) ในกาลอันควรเล่า ประโยชน์อย่างยิ่งนั้นของผู้แสดงและผู้ฟังทั้ง ๒ ผู้มีจิตเลื่อมใสในคำสั่งสอนของพระสุคต ย่อมหมดจดประโยชน์อย่างยิ่งนั้น ของผู้ไม่ประมาทแล้วในคำสั่งสอนของพระสุคต ย่อมหมดจด ฯ"…ทานสูตรแนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists:คลังพระสูตร S09E01 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
10/22/2019 • 48 minutes, 30 seconds พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ใน "อาทิยสูตร" ว่าด้วยหลักการใช้โภคทรัพย์ให้เป็นประโยชน์ 5 ข้อ ดังนี้ "ดูกรคฤหบดี ประโยชน์ที่จะพึงถือเอาแต่โภคทรัพย์ ๕ ประการนี้แล ถ้า เมื่ออริยสาวกนั้นถือเอาประโยชน์แต่โภคทรัพย์ ๕ ประการนี้ โภคทรัพย์หมดสิ้นไป อริยสาวกนั้นย่อมมีความคิดอย่างนี้ว่า เราได้ถือเอาประโยชน์แต่โภคทรัพย์นั้นแล้ว และโภคทรัพย์ของเราก็หมดสิ้นไป ด้วยเหตุนี้ อริยสาวกนั้น ย่อมไม่มีความ เดือดร้อน ถ้าเมื่ออริยสาวกนั้นถือเอาประโยชน์แต่โภคทรัพย์ ๕ ประการนี้ โภคทรัพย์เจริญขึ้น อริยสาวกนั้นย่อมมีความคิดอย่างนี้ว่า เราถือเอาประโยชน์ แต่โภคทรัพย์นี้แล้ว และโภคทรัพย์ของเราก็เจริญขึ้น อริยสาวกนั้นย่อมไม่มี ความเดือดร้อน อริยสาวกย่อมไม่มีความเดือดร้อนด้วยเหตุทั้ง ๒ ประการ ฉะนี้แล ฯนรชนเมื่อคำนึงถึงเหตุนี้ว่า เราได้ใช้จ่ายโภคทรัพย์เลี้ยงตน แล้ว ได้ใช้จ่ายโภคทรัพย์เลี้ยงคนที่ควรเลี้ยงแล้ว ได้ผ่านพ้น ภัยที่เกิดขึ้นแล้ว ได้ให้ทักษิณาอันมีผลสูงเลิศแล้ว ได้ทำ พลี ๕ ประการแล้ว และได้บำรุงท่านผู้มีศีล สำรวมอินทรีย์ ประพฤติพรหมจรรย์แล้วบัณฑิตผู้อยู่ครองเรือน พึงปรารถนาโภคทรัพย์เพื่อประโยชน์ใด ประโยชน์นั้นเราก็ได้บรรลุแล้ว เราได้ทำสิ่งที่ไม่ต้องเดือดร้อนแล้ว ดังนี้ชื่อว่าเป็นผู้ดำรงอยู่ในธรรมของพระอริยะ บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญ เขาในโลกนี้ เมื่อเขาละจากโลกนี้ไปแล้ว ย่อมบันเทิงใจใน สวรรค์ ฯ"บุคคลจะคิดว่า ฉันต้องเหลือไว้บ้างเหลือเก็บไว้แต่ถ้าหมดแล้วแล้วใช้ให้ถูกหน้าที่ หมดนั้น ยิ่งทำให้สบายใจ เหลือไว้ตระหนี่ไว้คิดว่ามันจะไม่พอ ความไม่พอที่คุณมี ความตระหนี่นี้จะทำให้ทุกข์ใจแต่ถ้าหมดไปในหน้าที่ 5 อย่างนี้ คือ เลี้ยงตน บิดามารดา บุตร ภรรยา และทาสกรรมกรให้เป็นสุข, เลี้ยงมิตรสหายให้เป็นสุข, ป้องกันอันตรายที่เกิดแต่ไฟ น้ำ พระราชา โจร หรือทายาทผู้ไม่เป็นที่รัก, ทำพลีกรรม 5 อย่าง (ญาติพลี:บำรุงญาติ, อติถิพลี:ต้อนรับแขก, ปุพพเปตพลี:บำรุงญาติผู้ตายไปแล้วคือทำบุญอุทิศ กุศลให้, ราชพลี:บำรุงราชการ คือบริจาคทรัพย์ช่วยชาติ และเทวตาพลี:บำรุงเทวดา คือทำบุญอุทิศให้เทวดา) และบำเพ็ญทักษิณา (ให้ทานแก่ผู้ที่เป็นทักขิเณยยบุคคล) การใช้ทรัพย์หมดไปแบบนี้ทำให้เกิดความสบายใจด้วยซ้ำและในกระบวนการนี้มันก็ทำให้มีทรัพย์เพิ่มพูนมาได้ เพราะอะไร? ทรงเปรียบไว้เหมือนสระโบกขรณี ที่ว่ามีระบบนิเวศน์ มีดอกบัว มีท่าน้ำขึ้นลง มีคนมาใช้ มีคนดูแล ก็เกิดประโยชน์ขึ้นมา ที่ตัวสระเองก็มีระบบนิเวศน์วนไป คนอื่นมาใช้งานก็ได้ประโยชน์ จากการใช้งานความเพิ่มพูนความดีก็มีมากขึ้นเป็นบุญด้วย บุญสร้างบุญ บุญต่อบุญ ก็เป็นบุญขึ้นมา ไม่มีความร้อนใจทั้งสองอย่าง เพราะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับอธรรมเลย อบายมุขไม่มี เล่นหวยไม่มี เล่นเบอร์ไม่มี น้ำเมา ยาเสพติด นักเลง เจ้าชู้ไม่มีเลย พอไม่มีแล้ว "หมด" สบายใจกว่า สบายใจกว่ามีมาก ๆ แล้วไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขนั้นยิ่งจะมีความทุกข์ใจแนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: เข้าใจทำ (ธรรม) Ep.59, สมการชีวิต Ep.26, ใต้ร่มโพธิบท Ep.53 , Ep.67, ตามใจท่าน Ep.09 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
พระพุทธเจ้าได้ทรงแบ่งบุคคลออกเป็น 10 ประเภท ตรัสไว้ใน "กามโภคีสูตร" ว่าด้วยผู้ที่ยังบริโภคกามอยู่ ปรารภอนาถบิณฑิกเศรษฐีที่มาวัดทุกวัน แต่ไม่ถามอะไร ด้วยอัธยาศรัยของพระพุทธองค์จึงทรงเมตตาตรัสแสดงธรรมแก่เศรษฐีให้ได้ฟัง โดยแจกแจงตามเกณฑ์ 4 อย่าง คือในการหา, การใช้, การสละ และความกำหนัดสำหรับผู้ที่ยังยินดีในการบริโภคกาม นั้นหมายถึง ยังมีความยินดีพอใจในวัตถุกามอยู่ ความพอใจนั้นคือ "กิเลสกาม" เป็นกิเลสกามชนิดที่ยังต้องไปแสวงหาวัตถุกามอยู่ ถ้ากิเลสกามที่อยู่ในใจมันมากจะเป็นไปโดยการแสวงหาที่ไม่ชอบธรรม แต่ในทางกลับกันถ้ากิเลสกามมีน้อยมาก ก็จะเป็นไปเพื่อการหลีกออกจากามประเด็นในที่นี้คือ เราจะประคองตนอย่างไรให้มีความเลิศ ให้มีความดี ให้เป็นอยู่ตามธรรมตามวินัย เป็นบุคคลประเภที่ 10 ที่หาทรัพย์มาโดยความชอบธรรม มีการใช้จ่ายทำตนให้มีความสุขอิ่มหนำ มีการแบ่งโภคทรัพย์บำเพ็ญบุญ และไม่กำหนัด ไม่ลุ่มหลงมั่วเมา มีปัญญาเห็นโทษ มีกำลังจิตกำลังใจในการที่จะสละออกในโทษของกามทั้งหลาย เรียกว่าเป็น "ผู้บริโภคกามชั้นเลิศ" ได้"ดูกรคฤหบดี กามโภคีบุคคล ๑๐ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก บรรดากามโภคีบุคคล ๑๐ จำพวกนี้ กามโภคีบุคคลผู้แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม โดยไม่ทารุณ ครั้นแสวงหาได้แล้ว ย่อมเลี้ยงตนให้เป็นสุข ให้อิ่มหนำ แจกจ่าย กระทำบุญ และเป็นผู้ไม่กำหนัด ไม่หมกมุ่น ไม่จดจ่อ เห็นโทษ มีปัญญา เป็นเครื่องสลัดออก บริโภคโภคทรัพย์นั้น นี้เป็นผู้เลิศ ประเสริฐ เป็นใหญ่ สูงสุด ดีกว่ากามโภคีบุคคล ๑๐ จำพวกนี้ดูกรคฤหบดี นมสดเกิดจากแม่โค นมส้มเกิดจากนมสด เนยข้นเกิดจากนมส้ม เนยใสเกิดจากเนยข้น หัวเนยใส เกิดจากเนยใส หัวเนยใสโลกกล่าวว่า เลิศกว่านมสดเป็นต้นเหล่านั้น ฉันใด กามโภคีบุคคลผู้แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม โดยไม่ทารุณ ครั้นแสวงหา ได้แล้ว ย่อมเลี้ยงตนให้เป็นสุข ให้อิ่มหนำ แจกจ่าย กระทำบุญ และเป็น ผู้ไม่กำหนัด ไม่หมกมุ่น ไม่จดจ่อ เห็นโทษ มีปัญญาเป็นเครื่องสลัดออก บริโภค โภคทรัพย์นั้น นี้เป็นผู้เลิศ ประเสริฐ เป็นใหญ่สูงสุด ดีกว่ากามโภคี บุคคล ๑๐ จำพวกนี้ ฉันนั้น ฯ"แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: ชุดเพชรในพระไตรปิฎก Ep.40, นิทานพรรณา Ep.44 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
10/8/2019 • 53 minutes, 32 seconds "ปัญญาสัมปทา" หมายถึง การเห็นความเกิดขึ้นความดับไป อันเป็นปัญญาเครื่องชำแลกกิเลส ทำจิตให้ปราศจากนิวรณ์ เห็นตามความเป็นจริง จิตใจที่เป็นแบบนี้มีความสงบแน่นอน จึงกล่าวถึงบุคคลประเภทนี้ว่าแม้อยู่แค่เพียงวันเดียว คืนเดียว ยังมีค่ามากกว่าผู้ที่อยู่ตั้งร้อยปี แต่เป็นผู้ที่เผลอเพลินไปในอดีตบ้าง อนาคตบ้าง อย่างนี้สู้คนที่ไม่เผลอเพลินไปในอดีต อนาคต ปัจจุบัน มีการเตรียมการ มีความไม่ประมาท ความเป็นอยู่วันเดียวคืนเดียวของเขา ด้วยสติปัญญา ด้วยความเพียร แบบนี้ดีกว่ามาก พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ใน "ภัทเทกรัตตสูตร" ถึงความเป็นผู้ที่มีปกติประกอบอยู่ด้วยความเพียร ด้วยสติสัมปชัญญะ เป็นผู้ที่เสนาแห่งมัจจุมารทำอะไรไม่ได้ ทรงเรียกผู้ที่เป็นแบบนี้ว่า "ผู้มีราตรีหนึ่งเจริญ"เวลาที่เรามาทำการใคร่ครวญพิจารณาเรื่องธรรมนี้ ต้องทำด้วยจิตที่เป็นสมาธิ เจาะลงไปทีละคำ ทีละตัวอักษรไล่เรียงไป ความรู้ของเราจะมีความกว้างขวางมีความเจริญขึ้นมา ในเรื่องราวตรงนี้ เป็นหัวข้อให้เราใคร่ครวญคิดนึกแล้วทำความเข้าใจ กิเลสเราจะลด สติปัญญาเราจะเพิ่ม ความเป็นอยู่แบบนี้แม้วันเดียวคืนเดียวไม่เสียเปล่าแนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: เข้าใจทำ (ธรรม) Ep.65 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
10/1/2019 • 55 minutes, 44 seconds นิธิกัณฑสูตร ว่าด้วยการฝังขุมทรัพย์ 6239-3d พระพุทธเจ้าทรงตรัสพระคาถา 16 บทว่าด้วยเรื่องของทรัพย์สมบัติ (นิธิ) แก่กุฎุมพีคนหนึ่งในกรุงสาวัตถี ซึ่งเป็นผู้มีทรัพย์มากและมีศรัทธามากด้วย เพื่อแสดงถึงขุมทรัพย์ที่แท้จริง และเพื่ออนุโมทนาวิธีการฝังขุมทรัพย์ของกุฎุมพีผู้นั้น การฝังทรัพย์สมบัติ การออมทรัพย์ การออมบุญ คืออย่างเดียวกัน เราจึงต้องรู้จักแยกแยะทรัพย์ออกเป็นทั้งหมด 4 อย่าง แบ่งเป็น 2 ส่วน คือถาวรนิธิ ขุมทรัพย์อันถาวร เคลื่อนที่ด้วยตนเองไม่ได้ เช่น ที่ดิน เรือกสวนไร่นา เงินทองชังคมนิธิ ขุมทรัพย์ที่เคลื่อนที่ได้ด้วยตนเอง เช่น ทาสหญิง ทาสชาย ช้าง โค ม้าลา แพะ แกะ ไก่ สุกร เป็นต้น อังคสมนิธิ ขุมทรัพย์ที่ติดตัว คือ วิชาความรู้ อันเป็นบ่อเกิดแห่งศิลปะประการต่าง ๆ อนุคามิกนิธิ ขุมทรัพย์ที่ติดตามตนไปได้ ในที่นี้กล่าวคือ บุญที่สำเร็จได้ด้วยทาน ศีล สัญญมะ (ความสำรวม) และ ทมะ (การรู้จักข่มจิตข่มใจตนเอง คือ การฝึกตน) ทรัพย์ที่เป็นข้าวของทรัพย์สินเงินทอง ส่วนนี้เปลี่ยนแปลงได้ ไม่สำเร็จตามที่หวังก็มีส่วนที่สำเร็จตามที่หวังได้คือ ส่วนที่จะต้องมีการรักษาไว้อย่างดี นั่นคือบุญ ไม่ใช่แค่เงินทองทรัพย์สินภายนอกเท่านั้น ยังรวมถึงเรื่องรูป ยังรวมถึงเรื่องยศ ยังรวมถึงความที่เป็นเทวดา ต่อไปจนถึงความเป็นอริยบุคคล เป็นคนประเสิรฐ ให้เกิดเป็นสมบัติ คือ นิพพาน ขึ้นได้๘. นิธิกัณฑสูตร ว่าด้วยการฝังขุมทรัพย์ พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถานี้แก่กุฎุมพีคนหนึ่งในกรุงสาวัตถี ดังนี้[๑] คนเราฝังขุมทรัพย์ไว้ในที่ลึกจดถึงน้ำก็ด้วยคิดว่า เมื่อเกิดกิจที่จำเป็นขึ้น ขุมทรัพย์นี้จะเป็นประโยชน์แก่เรา[๒] คนเราฝังขุมทรัพย์ไว้ในโลก ก็เพื่อจุดประสงค์นี้ คือ เพื่อให้พ้นจากราชภัยที่คอยคุกคาม เพื่อให้พ้นจากโจรภัยที่คอยเบียดเบียน เพื่อเก็บไว้ใช้หนี้ก็มี เพื่อเก็บไว้ใช้ในยามเกิดทุพภิกขภัย หรือเพื่อใช้ในเวลามีภัยอันตรายต่าง ๆ[๓] ขุมทรัพย์ที่เขาฝังไว้อย่างดีในที่ลึกจดน้ำถึงเพียงนั้น จะสำเร็จประโยชน์แก่เขาไปทั้งหมด ตลอดเวลาก็หาไม่[๔] เพราะบางทีขุมทรัพย์ก็เคลื่อนที่ไปก็มี บางทีเขาลืมที่ฝังไว้ก็มี บางทีพวกนาคเคลื่อนย้ายก็มี บางทีพวกยักษ์นำขุมทรัพย์นั้นไปก็มี[๕] หรือบางทีเมื่อเขาไม่เห็น ทายาทผู้ไม่เป็นที่รักขโมยขุดเอาไปก็มี เมื่อเขาสิ้นบุญ ขุมทรัพย์ที่ฝังไว้ทั้งหมดนั้นก็พินาศหายไป[๖] ขุมทรัพย์ ที่ผู้ใดจะเป็นสตรีก็ตาม เป็นบุรุษก็ตาม ฝังไว้ดีแล้ว ด้วยทาน ศีล สัญญมะ และทมะ[๗] ในพระเจดีย์ พระสงฆ์ บุคคล แขกที่มาหา ในมารดา บิดา หรือพี่ชาย[๘] ขุมทรัพย์นี้ชื่อว่าฝังไว้ดีแล้ว คนอื่นขนเอาไปไม่ได้ จะติดตามคนฝังตลอดไป บรรดาทรัพย์สมบัติที่เขาจำต้องละไป เขาพาไปได้เฉพาะขุมทรัพย์นี้เท่านั้น[๙] ขุมทรัพย์นี้ไม่ทั่วไปแก่คนเหล่าอื่น ทั้งโจรก็ลักเอาไปไม่ได้ ผู้มีปัญญาควรทำแต่บุญที่จะเป็นขุมทรัพย์ติดตามตนตลอดไป[๑๐] ขุมทรัพย์นี้ให้ผลอันน่าปรารถนาทุกประการ แก่เทวดา และมนุษย์ คือเทวดาและมนุษย์ปรารถนาผลใดๆ ผลนั้นๆ ทุกอย่าง จะได้ด้วยขุมทรัพย์นี้[๑๑] ความมีผิวพรรณงดงาม ความมีเสียงไพเราะ ความมีทรวดทรงสมส่วน ความมีรูปสวย ความเป็นใหญ่ ความมีบริวาร ทั้งหมดจะได้ด้วยขุมทรัพย์นี้[๑๒] ความเป็นพระราชาในประเทศ ความเป็นอิสระ ความสุขของความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิอันน่าพอใจ และแม้ความเป็นเทวราชของเทวดาในหมู่เทพ ทั้งหมดก็จะได้ด้วยขุมทรัพย์นี้[๑๓] สมบัติของมนุษย์ก็ดี ความยินดีในเทวโลกก็ดี สมบัติคือนิพพานก็ดี ทั้งหมดจะได้ด้วยขุมทรัพย์นี้[๑๔] บุคคลอาศัยมิตตสัมปทา ประกอบความเพียรโดยแยบคาย ก็จะเป็นผู้ชำนาญในวิชชาและวิมุตติ ทั้งหมดจะได้ด้วยขุมทรัพย์นี้[๑๕] ปฏิสัมภิทา ๓, วิโมกข์ ๔, สาวกบารมี ๕, ปัจเจกโพธิ ๖, และพุทธภูมิ ๗, ทั้งหมดจะได้ด้วยขุมทรัพย์นี้[๑๖] บุญสัมปทานี้มีประโยชน์มากอย่างนี้ เพราะฉะนั้น บัณฑิตผู้เป็นปราชญ์ จึงสรรเสริญภาวะแห่งบุญที่ทำไว้แล้วแนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: สมการชีวิต Ep.26 , คลังพระสูตร Ep.58 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
9/24/2019 • 45 minutes, 7 seconds อย่าเป็นพาลหาโทษใส่ตน แต่เป็นผู้คุ้มครองตนด้วยปัญ ญา พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ใน "ขตสูตร" เปรียบเทียบในสองนัยยะ ถึงคุณสมบัติและการประกอบด้วยธรรมของบุคคล 2 กลุ่มไว้ในเรื่องของการสรรเสริญ การติเตียน และความเลื่อมใส และว่าด้วยเรื่องการประพฤติปฏิบัติต่อบุคคล 4 ซึ่งเป็นผู้มีอุปการะต่อเรา โดยกลุ่มหนึ่งเป็นคนพาล ไม่ฉลาดเฉียบแหลม ไม่รู้จักคุ้มครองรักษาตน หาโทษใส่ตัว มีบาปกรรม ถูกเขาติเติยนได้ จึงเป็นบุคคลผู้หาโทษ และประสบสิ่งที่มิใช่บุญเป็นอันมาก ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งเป็นบัณฑิต ฉลาดเฉียบแหลม รู้จักคุ้มครองรักษาตน สร้างบุญ ทำประโยชน์ ทำสิ่งที่ไม่เกิดโทษแก่ตน จึงเป็นบุคคลผู้หาโทษมิได้ และประสบสิ่งที่เป็นบุญเป็นอันมาก ให้รู้จักสรรเสริญ รู้จักเสื่อมใส รู้จักที่จะเข้าไปปรนนิบัติดูแลถ้าเป็นมารดาบิดา รู้จักฟังคำสอน ปฏิบัติตามคำสอน ถวายอามิสทาน อุปัฏฐากอุปถัมภ์ในเหล่าสาวกของพระพุทธเจ้า หรือในพระพุทธเจ้าก็ตาม แค่ว่าเรายกประคองอัญชลี (ยกมือขึ้นไหว้) ก็ชื่อว่าในเรือนนั้นมี อัญชลีกรณียบุคคล ให้ทานด้วยก็ชื่อว่า ทักขิเณยบุคคล ขตสูตรที่ 1 กล่าวถึง บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ เป็นคนพาล ไม่เฉียบแหลม ไม่ใช่สัตบุรุษ ย่อมคุ้มครองตนที่ปราศจากคุณสมบัติ ย่อมเป็นผู้ประกอบไปด้วยโทษ นักปราชญ์ติเตียน และย่อมประสบกรรมมิใช่บุญเป็นอันมาก คือ ไม่ใคร่ครวญสืบสวนให้รอบคอบแล้ว กล่าวสรรเสริญคุณของผู้ไม่ควรสรรเสริญ ไม่ใคร่ครวญสืบสวนให้รอบคอบแล้ว กล่าวติเตียนผู้ที่ควรสรรเสริญไม่ใคร่ครวญสืบสวนให้รอบคอบแล้ว ยังความเลื่อมใสให้เกิดในฐานะที่ไม่ควรเลื่อมใส ไม่ใคร่ครวญสืบสวน ให้รอบคอบแล้ว ยังความไม่เลื่อมใสให้เกิดในฐานะที่ควรเลื่อมใส ในทางกลับกัน เมื่อบุคคลใคร่ครวญสืบสวนรอบคอบแล้วประกอบด้วยธรรม 4 ประการ เป็นบัณฑิตเฉียบแหลม เป็นสัตบุรุษ ย่อมคุ้มครองตนให้ประกอบไปด้วยคุณสมบัติ เป็นผู้หาโทษมิได้ ทั้งนักปราชญ์ไม่ติเตียน และย่อมประสบบุญเป็นอันมาก "ผู้ใด ย่อมสรรเสริญผู้ที่ควรนินทา หรือย่อมนินทาผู้ที่ควรสรรเสริญ ผู้นั้นชื่อว่าย่อมค้นหาโทษด้วยปาก ย่อมไม่ได้ประสบสุขเพราะโทษนั้น ความพ่ายแพ้การพนันด้วยทรัพย์ทั้งหมด พร้อมด้วยตน มีโทษน้อย การที่ยังใจให้ประทุษร้ายในท่านผู้ดำเนินไปดีแล้วนี้แหละ เป็นโทษใหญ่กว่า (โทษการพนัน) ผู้ที่ตั้งวาจา และใจอันเป็นบาปไว้ติเตียนพระอริยเจ้า ย่อมเข้าถึงนรกสิ้นแสนสามสิบหกนิรัพพุททะ และห้าอัพพุททะ ฯ"…ขตสูตรที่ ๑ ขตสูตรที่ 2 กล่าวถึงบุคคลผู้ปฏิบัติชอบในบุคคล 4 เหล่านี้ คือ มารดา, บิดา, พระพุทธเจ้า และสาวกของพระพุทธเจ้า เป็นบัณฑิตฉลาด เป็นสัตบุรุษ ย่อมบริหารตนไม่ให้เสื่อมเสีย เป็นผู้ไม่มีโทษ ทั้งนักปราชญ์ก็สรรเสริญ และย่อมประสบบุญเป็นอันมาก ในทางกลับกัน หากบุคคลปฏิบัติผิดในบุคคลเหล่านี้ เป็นคนพาล ไม่ฉลาด ไม่ใช่สัตบุรุษ ย่อมบริหารตนให้ปราศจากคุณสมบัติ เป็นผู้ประกอบด้วยโทษ ทั้งนักปราชญ์ติเตียน และย่อมประสบกรรมมิใช่บุญเป็นอันมาก "นรชนใด ปฏิบัติผิดในมารดา บิดา พระตถาคตสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือในสาวกของพระตถาคต นรชนเช่นนั้น ย่อมประสบกรรมมิใช่บุญเป็นอันมาก บัณฑิตทั้งหลายย่อมติเตียนนรชนนั้น ในโลกนี้ทีเดียว เพราะเหตุที่ไม่ประพฤติธรรม ในมารดาบิดา และเขาละโลกนี้ไปแล้ว ย่อมไปสู่อบาย ส่วนนรชนใดปฏิบัติชอบในมารดาบิดา ในพระตถาคตสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือในสาวกของพระตถาคต นรชนเช่นนั้น ย่อมประสบบุญเป็นอันมาก บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมสรรเสริญนรชนนั้นในโลกนี้ทีเดียว เพราะเหตุที่ประพฤติธรรมในมารดาบิดา และเขาละโลกนี้ไปแล้ว ย่อมบันเทิง ในสวรรค์ ฯ"…ขตสูตรที่ ๒ แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: สมการชีวิต Ep.25 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
9/17/2019 • 13 minutes, 44 seconds สืบเนื่องจากช่วงขุดเพชรในพระไตรปิฏกได้กล่าวถึงการสนทนาธรรมระหว่างวิสาขอุบาสกและพระธรรมทินนาเถรี ใน จูฬเวทัลลสูตร ซึ่งเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมาก ๆ โดยเฉพาะในเรื่องของการเข้าและการออกจากสมาธิของเหล่านักปฏิบัติทั้งหลายที่ควรจะต้องมาทำความเข้าใจในจุดนี้ เจาะลงไปในเรื่องของ สมาธิและสังขารพระพุทธเจ้าได้เปรียบเทียบไว้ในที่อื่น ๆ เปรียบไว้เหมือนกับน้ำที่ไหลมาจากภูเขาที่มีร่องขอบกั้นเป็นแนวตามธรรมชาติ ทำให้น้ำที่ไหลลงมานั้นแรงและเร็ว แต่ถ้าว่าไม่มีขอบคันกั้นเอาไว้ มันก็จะไหลแตกกระจายไป ไม่แรงไม่เร็วไหลรั่วไปในทุกทิศทุกทาง เหมือนเวลาที่เราเสียบสายยางจับต่อกับก็อกน้ำ เพื่อที่จะล้างรถบ้าง รดน้ำต้นไม้บ้าง ถ้ามีรูรั่วอยู่ที่ปลายสายยางน้ำนั้น น้ำก็จะไม่แรง แต่ถ้าเราอุดรูรั่วทั้งหมดมันจะดี เช่นเดียวกันจิตของเรามันรั่วไหลไปตามตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจได้จิตรั่วออกไปทางช่องทางใจได้ รั่วออกไปทางธรรมารมณ์ ไหลไปตามความคิดนึกเป็นวจีสังขารบ้าง เป็นจิตสังขารบ้าง เราจึงต้องมีการปิดกั้น ซึ่งลักษณะการปิดกั้นได้นั่นเป็นเพราะ "สติ" สติจึงเป็นเหตุเกิด เป็นนิมิตร เป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นก่อน พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่า "บุคคลที่มีสัมมาสติแล้วจะสามารถทำสัมมาสมาธิให้เกิดขึ้นนั้น เป็นฐานะที่มีได้ เป็นได้"แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: ขุดเพชรในพระไตรปิฎก Ep.36 , คลังพระสูตร Ep.61 นิทานพรรณนา Ep.40 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
9/10/2019 • 43 minutes, 36 seconds ธรรมะ 4 อย่างที่ควรตั้งไว้ในใจ 6236-3d "…คนเรานี้มีธรรมที่ควรตั้งไว้ในใจ ๔ นั้น เราอาศัยอะไรกล่าวแล้ว คือ มีปัญญาเป็นธรรมควรตั้งไว้ในใจ มีสัจจะเป็นธรรมควรตั้งไว้ในใจ มีจาคะเป็นธรรมควรตั้งไว้ในใจ มีอุปสมะ (ความเข้าไปสงบราคะ โทสะ โมหะ เป็นความสงบอันประเสริฐอย่างยิ่ง) เป็นธรรมควรตั้งไว้ในใจ ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า คนเรานี้มีธรรมที่ควรตั้งไว้ในใจ ๔ นั้น เราอาศัยธรรมที่ควรตั้งไว้ในใจ ดังนี้ กล่าวแล้ว ฯ ก็ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า ไม่พึงประมาทปัญญา พึงตามรักษาสัจจะ พึงเพิ่มพูนจาคะ พึงศึกษาสันติเท่านั้น นั่นเราอาศัยอะไรกล่าวแล้ว . . .ธาตุวิภังคสูตร"พระพุทธเจ้าแสดงธรรมไว้กับพระเจ้าปุกกสาติในหัวข้อ "ธรรมะที่ควรตั้งไว้ในใจ 4 ข้อ" ได้แก่ปัญญา อธิบายถึงความไม่ประมาทปัญญาในธาตุทั้ง 6 อย่าง รู้ชัดใน ธาตุทั้ง 6 อย่างนี้ว่า "นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา"สัจจะ คือความจริงอันประเสริฐ คือเรื่องของนิพพาน จึงเป็นสิ่งที่ต้องตามรักษา ทำให้แจ้งทำให้ถึงขึ้นมา รักษาได้โดยไม่ประมาทปัญญา จาคะ ทิ้งความยึดถือคือสละกิเลสออกแล้ว จึงเป็นสิ่งที่ต้องเพิ่มพูนทำให้มาก เราสละกิเลสออกได้มากเท่าไหร่ นั่นคือปัญญาของเราที่มี เราจะเข้าถึงสัจจะได้มากขึ้นเท่านั้น อุปสมะ คือ จิตที่จาคะราคะ โทสะ โมหะหมดเลย นั่นคือความสงบราบคาบจากราคะ โทสะ โมหะ เป็นสุดยอดสันติ ที่กล่าวว่า สันติเป็นธรรมที่พึงศึกษา สันติก็คืออุปสมะ นั่นเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สวยงามดีมาก ๆ เพราะว่าพอแจกแจงออกมาแล้วปรากฏว่า มันเป็นเรื่องอย่างเดียวกัน ปัญญา สัจจะ จาคะ อุปสมะ เป็นธรรมที่ควรตั้งไว้ในใจ ไม่พึงประมาทปัญญา พึงตามรักษาสัจจะ พึงเพิ่มพูนจาคะ และพึงศึกษาสันติ อธิบายไปอธิบายมา มันมาจบลงรวมที่จุดเดียวกัน นั่นคือ สันติคือความที่ไม่มีกิเลส, จาคะคือการที่กำจัดกิเลสออก, สัจจะคือนิพพาน และปัญญาคือการเข้าใจตามความเป็นจริง ทั้งหมดเพื่อให้ถึงนิพพานเหมือนกันเป็นเรื่องราวที่เมื่อฟังแล้วต้องระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้าว่า ท่านนั้นมีปัญญามากมายเหลือเกิน พอคนที่ฟังเรื่องนี้แจกแจงเรื่องนี้แล้ว จะอยู่ไม่ได้แล้ว กิเลสมันต้องตาย และถ้ามีความเข้าใจถึงระดับนี้แน่นอนว่าไม่ทำให้พระพุทธเจ้าทรงลำบากด้วยเหตุแห่งธรรม แต่เป็นผู้ที่มีความเข้าใจที่ถูกต้องมาในทางที่ถูกต้องแล้ว สามารถที่จะตั้งธรรมทั้ง 4 ข้อนี้ ไว้ในใจได้อย่างถูกต้องตามกระบวนการแน่นอนแนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: คลังพระสูตร Ep.58 , เข้าใจทำ (ธรรม) Ep.61 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
9/3/2019 • 56 minutes, 32 seconds บททดสอบ คือ ผัสสะ 6235-3d เมื่อมีเรื่องราวหรือผัสสะอะไรต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิต มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของโลก มีผัสสะที่น่าพอใจบ้าง ไม่น่าพอใจบ้าง ที่เป็นความสุขบ้าง ความทุกข์บ้างแล้ว เราเจอะเจอแล้วทรงจิตของเราให้อยู่ในมรรคให้ดี อันนี้เป็นธรรมดา เป็นข้อสอบที่ผู้ปฏิบัติธรรมทุกคนที่ได้ตัดสินใจแล้วว่า ชีวิตนี้ ฉันจะอยู่ในทาง ฉันจะอยู่ในมรรคนี้ต้องเจอแน่นอน…เพราะบททดสอบมีอยู่ต่อเนื่อง ผัสสะมีมากระทบอยู่ตลอดเวลา เราจึงต้องฝึกแล้ว ฝึกอีกพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ได้ทรงพระราชนิพนธ์เอาไว้ว่า "ทางไปสู่เกียรติศักดิ์ จะประดับดอกไม้ หอมหวาน ยวนจิตไซร้ ไป่มี" ซึ่งสอดคล้องกับคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า "ขึ้นชื่อว่าความสุข ความสำเร็จแล้ว ใคร ๆ จะบรรลุได้โดยง่าย ๆ คือ ได้มาโดยสบาย ๆ เป็นไม่มี ความสุขความสำเร็จ เป็นสิ่งที่ใคร ๆ บรรลุได้ด้วยความพยายาม ได้ด้วยความลำบาก ด้วยความยาก"และถ้าเมื่อเราเจอเรื่องราวที่เป็นความสุขบ้าง ความทุกข์บ้างแล้ว สิ่งที่จะรักษาให้เราอยู่ตามทางได้ นั่นคือ มรรค 8 เราจะมีกำลังใจปฏิบัติตามมรรค 8 ได้ เราต้องมีความมั่นใจ มีศรัทธาใน พุทโธ ธัมโม สังโฆ เป็นกำลังใจที่จะให้เราปฏิบัติมาตามทางนี้ได้*ได้ยกเรื่องราว 2 เรื่องขึ้นมาประกอบ ในเรื่องของแม่เรือนชื่อเวเทหิกา และ นายสุปปพุทธะผู้เป็นโรคเรื้อน"…ถ้าเรายังไม่ได้เจอผัสสะเรื่องราวอะไรบางทีมันก็ธรรมดา ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ก็ฉันนั้น เป็นคนสงบเสงี่ยมจัด เป็นคนเจียมตัวจัด เป็นคนเยือกเย็นจัด ได้ก็เพียงชั่วเวลาที่ยังไม่ได้กระทบถ้อยคำอันไม่เป็นที่พอใจเท่านั้น ภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อใดเธอกระทบถอยคำอันไม่เป็นที่พอใจเข้าก็ยังเป็นคนสงบเสงี่ยม เจียมตัว เยือกเย็นอยู่ได้ ภิกษุทั้งหลาย เมื่อนั้นแหละควรทราบว่า เธอเป็นคนสงบเสงี่ยม เป็นคนเจียมตัว เป็นคนเยือกเย็นจริง"…กกจูปมสูตร อุปมาว่าด้วยเลื่อย Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
8/27/2019 • 1 hour, 20 seconds รักษาตนเอง รักษาผู้อื่นด้วยการเจริญสติปัฏฐาน 4 "เธอพึงปฏิบัติสติปัฏฐานด้วยคิดว่า เราจักรักษาตน พึงปฏิบัติสติปัฏฐานด้วยคิดว่า เราจักรักษาผู้อื่น บุคคลผู้รักษาตน ย่อมชื่อว่ารักษาผู้อื่น บุคคลผู้รักษาผู้อื่น ย่อมชื่อว่ารักษาตน"…เสทกสูตรที่ ๑ บุคคลผู้รักษาตน ย่อมชื่อว่ารักษาผู้อื่น เป็นอย่างไร? รักษาผู้อื่นด้วยการซ่องเสพ ด้วยการเจริญ ด้วยการกระทำให้มาก บุคคลผู้รักษาผู้อื่น ย่อมชื่อว่ารักษาตน เป็นอย่างไร? รักษาตนด้วยความอดทน ด้วยความไม่เบียดเบียน ด้วยความมีจิตประกอบด้วยเมตตา ด้วยความเอ็นดู คนที่ปฏิบัติธรรมนั้นไม่ใช่ว่า ชีวิตจะราบรื่นไม่มีอุปสรรคอะไรเลย ผัสสะที่ไม่น่าพอใจ มันก็มีเป็นธรรมดา แต่พอมีแล้วเราจะรักษาสติของเราได้หรือไม่ ถ้าเรารักษาสติไม่ได้ มันจะเหมือนถูกยิงด้วยลูกศร 2 ดอก ถูกกายด้วย ถูกใจด้วย แต่ถ้ารักษาสติอยู่ได้ ก็เหมือนถูกยิงด้วยลูกศรดอกเดียว คือทางกาย ไม่ถูกยิงในทางใจ การที่เรารักษาตนเอง จะมีผลเป็นการรักษาผู้อื่น หรือ จะเอาผู้อื่นเป็นหลัก ก็จะมีผลเป็นการรักษาตนเองด้วย ไม่ใช่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น แต่ยังทั้ง 2 ฝ่ายให้เกิดประโยชน์ทั้ง 2 ด้าน เปรียบเหมือนนักแสดงกายกรรม ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นในชีวิตของเราแล้ว จะสามารถรักษาทั้ง 2 ฝ่ายได้ จะต้องเจริญสติปัฏฐานทั้ง 4 แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: ตามใจท่าน Ep.37 , Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
8/20/2019 • 55 minutes, 18 seconds พึงศึกษาให้ดีในยุคที่สัทธรรมปฏิรูปเกิดมีแล้ว "…ทองคำปลอมยังไม่เกิดขึ้นในโลกตราบใด ตราบนั้นทองคำแท้ก็ยังไม่หายไป และเมื่อใดทองคำปลอมเกิดขึ้นในโลก เมื่อนั้นทองคำแท้จึงหายไปฉันใด สัทธรรมปฏิรูปยังไม่เกิดขึ้นในโลกตราบใด ตราบนั้นสัทธรรมก็ยังไม่เสื่อมสูญไป แต่เมื่อใดสัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้นในโลก เมื่อนั้นสัทธรรมย่อมเสื่อมสูญไป ฉันนั้นเหมือนกัน. ปฐวีธาตุ (ธาตุดิน) ทำสัทธรรมให้เสื่อมสูญไปไม่ได้ อาโปธาตุ (ธาตุน้ำ) เตโชธาตุ (ธาตุไฟ) วาโยธาตุ(ธาตุลม) ก็ทำสัทธรรมให้เสื่อมสูญไปไม่ได้ ที่แท้โมฆบุรุษในโลกนี้ ต่างหากเกิดขึ้นมาย่อมทำให้สัทธรรมเสื่อมสูญไป เปรียบเหมือนเรือจะอับปางก็เพราะ ต้นหนเท่านั้น สัทธรรมย่อมไม่เสื่อมสูญไป ด้วยประการฉะนี้."…สัทธัมมัปปฏิรูปกสูตร ว่าด้วยสัทธรรมปฏิรูป เราจึงต้องทำการศึกษา เล่าเรียน ทำความเข้าใจอย่างดีในบทพยัญชนะที่มันปฏิรูปไปแล้วเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ที่มันปรุงแต่งไปแล้ว…แม้ในสิ่งที่ปฏิรูปมาแล้วนั้น ถ้าเราใส่ใจทำความศึกษาให้ดีลึกลงไปในรายละเอียดทั้งส่วนที่เป็นหัวข้อและตัวแม่บท เราจะสามารถแยกแยะของปลอม แยกแยะของจริงได้ โดยไล่มาตั้งแต่เรื่องของคำสอน ไปจนถึงเรื่องของการปฏิบัติ ไปจนถึงเรื่องของผลที่เกิดขึ้น มันมีปลอมมาในทุกระดับ ของปลอมอยู่ตรงไหน ปฏิรูปอยู่ตรงไหน ของจริงคือความถูกต้องก็อยู่ตรงนั้นได้เหมือนกัน เราจะรู้ถึงของจริงโดยการผ่านทางของปลอมนี้ได้เหมือนกัน ถ้าเราปฏิบัติให้มันชอบตามสิกขาบทที่พระพุทธองค์ได้ทรงกำหนดไว้ มีความเคารพยำเกรงในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในสิกขาบท ในสมาธิ สิ่งนี้จะทำให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้ ให้เรามาช่วยกันรักษาศาสนานี้ที่พระพุทธเจ้าได้ทิ้งเป็นมรดกไว้ให้ จากการแลกมาด้วยเลือดด้วยเนื้อของพระองค์เอง "เราจะพบของจริงได้ก็อยู่ในของปลอมนี่แหละ กายของเราที่มันว่าสวยว่างาม ดูจริง ๆ มันสวยงามหรือไม่ ของจริงเราเห็นได้อยู่ในของปลอมนี้ สัทธรรมปฏิรูปเราดูดี ๆ ให้มันเห็นได้ เราจะเห็นสัทธรรมที่แท้จริงได้นั่นเอง" สมจิตตวรรคที่ ๔ [๒๘๖] …ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวกที่อนุโลมอรรถและธรรม โดยสูตรซึ่งตนเรียนไว้ดี ด้วยพยัญชนะปฏิรูปนั้น ชื่อว่าปฏิบัติแล้วเพื่อประโยชน์ของชนมาก เพื่อความสุขของชนมาก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุพวกนั้นยังประสพบุญเป็นอันมาก ทั้งชื่อว่าดำรงสัทธรรมนี้ไว้อีกด้วย ฯ สุคตวินยสูตร ว่าด้วยพระสุคตและวินัยของพระสุคต [๑๖๐] …ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๔ ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความตั้งมั่น เพื่อความไม่ฟั่นเฟือน เพื่อความไม่เสื่อมสูญแห่งพระสัทธรรม คือภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเล่าเรียนพระสูตรอันเรียนกันมาดี ด้วยบทและพยัญชนะอันตั้งไว้ดี แม้อรรถแห่งบทและพยัญชนะที่ตั้งไว้ดี ย่อมมีนัยดีไปด้วยภิกษุเป็นผู้ว่าง่าย ประกอบด้วยธรรมอันทำให้เป็นผู้ว่าง่าย เป็นผู้อดทน รับคำพร่ำสอนโดยเคารพภิกษุเหล่าใดเป็นพหูสูต เล่าเรียนนิกาย ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา ภิกษุเหล่านั้นบอกพระสูตรแก่ผู้อื่นโดยเคารพ เมื่อภิกษุเหล่านั้นมรณภาพลง พระสูตรย่อมไม่ขาดมูลเดิม ยังมีที่พึ่งอาศัยภิกษุทั้งหลายผู้เป็นพระเถระ เป็นผู้ไม่มักมากไม่ประพฤติย่อหย่อน ทอดธุระในการก้าวลง เป็นหัวหน้าในวิเวก ปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง หมู่ชนผู้เกิดมาภายหลังย่อมดำเนินตามอย่างภิกษุเหล่านั้น แม้หมู่ชนผู้เกิดมาภายหลังเหล่านั้น ก็เป็นผู้ไม่มักมาก ไม่ประพฤติย่อมหย่อนทอดธุระในการก้าวลง เป็นหัวหน้าในวิเวก ปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
8/13/2019 • 15 minutes, 8 seconds อ้างอิงมาใน อัมพัฏฐสูตร และ ปราภวสูตร จะเห็นถึง พุทธลีลาในการสอนของพระพุทธเจ้าในแต่ละครั้ง ที่มีลักษณะเทศนาวิธี 4 คือ 1) สันทัสสนา ชี้แจงให้เห็นชัด 2) สมาทปนา ชวนใจให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ 3) สมุตเตชนา เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า และ 4) สัมปหังสนา ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริง รูปแบบการสอน 4 คือ 1) แบบสนทนา 2) แบบบรรยาย 3) แบบตอบปัญหา และ 4) แบบวางเป็นข้อบังคับ และในรูปแบบการตอบปัญหานั้น ท่านได้แบ่งวิธีการตอบไว้ 4อย่างด้วยกัน คือ ตอบตรงไปตรงมา ตายตัว, มีการย้อนถามแล้วจึงตอบ, มีการเพิ่มเติมในคำตอบ และนิ่งไม่ตอบเลย นอกจากนี้ยังมีกลวิธีและอุบายประกอบการสั่งสอนอื่น ๆ อีก ที่จะเห็นได้จากเนื้อหาในพระไตรปิฏกสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้กับพระอานนท์ว่า "การแสดงธรรมให้คนอื่นฟัง มิใช่สิ่งที่กระทำโดยง่าย" ผู้แสดงธรรม หรือที่เรียกว่า"ธรรมกถึก" พึงตั้งธรรม 5 ประการ เหล่านี้ไว้ในใจ ได้แก่ กล่าวความไปตามลำดับ, ชี้แจงยกเหตุผลมาแสดงให้เข้าใจ, แสดงธรรมด้วยอาศัยเมตตา, ไม่แสดงธรรมด้วยเห็นแก่อามิส และแสดงธรรมไม่กระทบตนและผู้อื่น แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: ขุดเพชรใน พระไตรปิฏก Ep.15 , ใต้ร่มโพธิบท Ep.49 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
8/6/2019 • 58 minutes, 26 seconds อาการเกิดดับแห่งอาหาร 4 อย่าง 6231-3d พระพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติคำว่า "อาหาร" ไว้ 4 อย่าง คือ ส่วนที่เป็นรูปอาศัย กพฬีการาหาร (คำข้าว), ส่วนที่เป็นนามอาศัย ผัสสะ มโนสัญเจตนา และวิญญาณ ซึ่งเป็นตัวอนุเคราะห์ให้ภูตสัตว์ทั้งหลายดำรงอยู่ตั้งได้อยู่ในภพนั้น ๆได้อธิบายถึง "อาหาร 4" ในแต่ละหัวข้อโดยรายละเอียดไว้ ซึ่งการดำรงอยู่มีอยู่ของชีวิตอย่างใดอย่างหนึ่ง สามารถมีอยู่ตั้งอยู่ได้ มีการต่อเนื่อง ๆ ไหลสืบทอดกันมา ก็เพราะว่ามีอาหารต่าง ๆ เหล่านี้ "เปรียบเหมือนช่างย้อม หรือช่างเขียน, เมื่อมีน้ำย้อมคือครั่ง ขมิ้น คราม หรือสีแดงอ่อน ก็จะพึงเขียนรูปสตรี หรือรูปบุรุษ ลงที่แผ่นกระดาษ หรือฝาผนัง หรือผืนผ้า ซึ่งเกลี้ยงเกลา ได้ครบทุกส่วน,อุปมานี้ฉันใด อุปไมยก็ฉันนั้น คือ ถ้ามีราคะ มีนันทิ มีตัณหา ในกพฬการาหารไซร้, วิญญาณ ก็เป็นสิ่งที่ตั้งอยู่ได้ เจริญ งอกงามอยู่ได้ ในกพฬีการาหารนั้น.วิญญาณที่ตั้งอยู่ได้ เจริญงอกงามอยู่ได้ มีอยู่ ในที่ใด, การหยั่งลงแห่งนามรูป ก็มีอยู่ในที่นั้นการหยั่งลงแห่งนามรูป มีอยู่ ในที่ใด, ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ก็มีอยู่ในที่นั้น.ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย มีอยู่ ในที่ใด, การบังเกิดในภพใหม่ต่อไป ก็มีอยู่ในที่นั้น. การบังเกิดในภพใหม่ต่อไป มีอยู่ ในที่ใด, ชาติชรามรณะต่อไป ก็มีอยู่ในที่นั้น. ชาติชรามรณะต่อไป มีอยู่ ในที่ใด,ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! เราเรียกที่นั้นว่า "เป็นที่มีโศก มีธุลี มีความคับแค้น" ดังนี้. " …ปุตตมังสสูตร ว่าด้วย อาหาร ๔ อย่างและไม่ว่าจะมีอาหารเพียงอันใดอันหนึ่งใน 4 อย่างนี้ ก็สามารถที่จะให้เกิดมีการปรุงแต่ง มีสังสารวัฏ มีความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ต่อไปได้ เพราะมันสร้างต่อเติมกันมาจากจุดนี้ จุดที่มีอาหาร มีความเพลิน มีความอยาก ทำให้อาหารนั้นมันไม่หมดสิ้นไป หามามีต่อ อะไรที่มันตั้งต่อจากนั้น วิญญาณมันก็ตั้งต่อกันไปได้ แทรกซึมลงไปตรงผัสสะด้วย มโนสัญเจตนาด้วย และวิญญาณด้วย ทำให้เป็นอาหาร ทำให้เป็นวิิญญาณาหารต่อไปและต่อไป โดยที่มันมีการเกี่ยวข้องกันทั้งหมดนี้ก็ด้วยความที่ต้องอาศัยตัณหาถ้ามีการตริตรึกนึกน้อมไปทางไหน จิตเราจะคล้อยไป ด้วยอาการอย่างนั้น ๆ จิตไปทางไหน ก็เหมือนกับเราให้วิญญาณาหารในสิ่งนั้น ๆ มันจะมีกำลังมาก เราจะตัดกำลังของอวิชชา ตัดกำลังของการปรุงแต่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้ ต้องตัดที่อาหารของมัน ตัดตรงรอยต่อ ตัดตรงรอยเชื่อม ซึ่งจุดที่เชื่อมมันไว้ นี้คือตัณหา เราจะตัดราคะ นันทิ ตัณหาในอาหารทั้ง 4 นี้ได้ จะต้องมี ความแม่นคือต้องมีสติตั้งเอาไว้ จดจ่อลงไป, มีความคมคือปัญญา พิจารณาเห็นตามความเป็นจริง และจะต้องมีกำลังคือมีสมาธิเป็นสมถะให้จิตเป็นอารมณ์อันเดียว …มีสติจดจ่อลงไปกับด้วยธรรมะ ใคร่ครวญมาให้เกิดปัญญาคมๆ เพื่อกำหนดรู้ ว่า ว่าด้วยลักษณะอาหารสี่ โดยอุปมากพฬีการาหาร /ราคะ (ความกำหนัดยินดี) พึงเห็นด้วยอุปมาเปรียบเหมือน สองสามีภรรยากินเนื้อบุตร ผัสสาหาร /เวทนาทั้งสาม พึงเห็นด้วยอุปมาเปรียบเหมือน แม่โคนมที่ปราศจากหนังห่อหุ้มมโนสัญเจตนาหาร /ตัณหาทั้งสาม พึงเห็นด้วยอุปมาเปรียบเหมือน หลุมถ่านเพลิงที่ร้อนแดงวิิญญาณาหาร /นามรูป พึงเห็นด้วยอุปมาเปรียบเหมือน นักโทษถูกประหารที่ถูกแทงด้วยหอก 300 เล่ม"รู้ด้วยปัญญา เห็นตามความเป็นจริงด้วยกำลังคือสมาธิ เราจะสามารถคลายความกำหนัด คลายความรักใคร่ยินดีพอใจ ละซึ่งตัณหาในวิญญาณคืออาหารนั้นได้"และช่วงคลังพระสูตรในสัปดาห์เดียวกันนี้ จะได้ยก ปุตตมังสสูตร และ อัตถิราคสูตร ขึ้นมานำมาให้ได้ฟังเนื้อหาเต็ม ๆ กันแนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: ใต้ร่มโพธิบท Ep.58 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
7/30/2019 • 58 minutes, 4 seconds เหตุแห่งการเกิดของชีวิต 6230-3d "อินทรีย์คือชีวิต เป็นสิ่งที่มีการรับรู้ได้ และมีใจเป็นที่แล่นไปสู่"ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวกับพระมหาโกฏฐิตะไว้ใน มหาเวทัลลสูตร…"เปรียบเหมือนประทีปน้ำมันกำลังติดไฟอยู่ แสงสว่างอาศัยเปลว ปรากฏอยู่ เปลวก็อาศัยแสงสว่างปรากฏอยู่ฉันใด อายุอาศัยไออุ่นตั้งอยู่ ไออุ่นก็อาศัยอายุตั้งอยู่ ฉันนั้นเหมือนกัน" กล่าวคือ เปลวไฟจะเกิดขึ้นอยู่ได้ ต้องมีเหตุปัจจัย คือ ความร้อน ออกซิเจน และเชื้อเพลิง ซึ่งต้องมีในปริมาณพอเหมาะพอสมจึงเกิดขึ้นได้ เป็นปฏิกิริยาห่วงโซ่ (Exothermic Chain Reaction) ถ้าความร้อนที่ผลิตจากเปลวไฟไม่มากพอ เปลวไฟนั้นจะอ่อนลงและดับไป ใน ปายาสิราชัญญสูตร พระกุมารกัสสปะได้ปรับแก้ทิฏฐิของพระเจ้าปายาสิในเรื่อง "แม้เพราะเหตุนี้ โลกอื่นไม่มี โอปปาติกสัตว์ไม่มี ผลวิบากแห่งกรรมที่ทำดีและทำชั่วไม่มี" โดยยก อุปมาด้วยก้อนเหล็กร้อน ขึ้นมาอธิบาย…"เมื่อร่างกายนี้ยังมีอายุ มีไออุ่นและมีวิญญาณจะมีน้ำหนักเบากว่า อ่อนนุ่มกว่า และปรับตัวได้ง่ายกว่า แต่เมื่อร่างกายนี้ไม่มีอายุไม่มีไออุ่นและไม่มีวิญญาณ จะมีน้ำหนักมากกว่า แข็งกระด้างกว่า และปรับตัวได้ยากกว่า" กล่าวคือ ของที่ร้อนจะมีน้ำหนักเบากว่าของที่เย็นและยก อุปมาด้วยการเป่าสังข์ ขึ้นมาอธิบายด้วย…"…เมื่อสังข์นี้มีคน มีความพยายาม และมีลมจึงส่งเสียงได้ แต่เมื่อสังข์นี้ไม่มีคน ไม่มีความพยายาม และไม่มีลม ก็ส่งเสียงไม่ได้" กล่าวคือ จะต้องมีคน มีสังข์ มีความพยายามที่ถูกต้อง จึงจะมีเสียงสังข์เกิดขึ้นได้การที่มีตัวคนชื่อนั้นชื่อนี้เกิดขึ้นมาได้ เพราะอาศัยไออุ่นคือกรรมเก่า อาศัยการประกอบกันของธาตุ 4 รวมกันเป็นชีวิตอินทรีย์ขึ้นมา และอาศัยวิญญาณมันจึงตั้งอยู่ได้ สิ่งที่เป็นเหตุให้เราสร้างกรรม เป็นตัวสืบเนื่องไป เป็นตัวเชื่อมต่อ ๆ ไปเป็นปฏิกิริยาห่วงโซ่ ต่อไปและต่อไป นั่นคือ ตัณหาที่มันสร้างราคะ โทสะ โมหะขึ้นมาเป็นเหตุของกรรม อาสวะมันจึงเกิดขึ้น เมื่ออาสวะเกิดขึ้นเป็นเหตุของอวิชชา ทำให้ความรู้สึกว่าเป็นตัวตนของเราในขันธ์ 5 สังขารการปรุงแต่งมันจึงแทรกซึมเข้าไปต่อไปและต่อไป มีกรรมคือเจตนา มีกรรมคือสังขารการปรุงแต่งทางกาย วาจา ใจต่อไปและต่อไปตามการกระทำที่ขึ้นอยู่กับราคะ โทสะ โมหะ ด้วยอาศัยเหตุปัจจัยนี้จึงมีกรรม จึงมีการปรุงแต่งรวบรวมเอาธาตุ 4 ขึ้นมาเป็นแบบนี้ มีอายตนะใหม่ มีการเกิดใหม่…ถ้ายังมีเหตุแห่งการเกิดอีก มีปรุงแต่งต่อไปอีก มีกรรมต่อไปอีก ก็เกิดใหม่อีกต่อไปและต่อไป ไฟคือชีวิตอินทรีย์นี้ไม่เคยดับเลย หมดชาตินี้แล้ว ก็มีชาติต่อไปและต่อไป แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: คลังพระสูตร Ep.53, Ep.48, ใต้ร่มโพธิบท Ep.57 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
7/23/2019 • 54 minutes, 57 seconds สฬายตนะ ช่องทางของการรับรู้ 6229-3d เจาะลึกลงมาจากเรื่องของขันธ์ 5 สามารถอธิบายแจกแจงเห็นได้ชัดเจนลงมาอีกในเรื่องของ "สฬายตนะ" คือ อายตนะภายในและภายนอกทั้ง 6 โดยแยกรูป แยกสังขาร (การปรุงแต่ง) อธิบายในลักษณะที่เป็นช่องทางของการรับรู้ โดยได้อธิบายแต่ละอายตนะโดยรายละเอียดเวลาที่เราอธิบายอายตนะอันใดอันหนึ่ง ก็ต้องมีทั้งภายนอกและภายใน พอมีช่องทางที่มันกระทบถูกต้องแล้วก็จะเกิดการรับรู้เกิดขึ้นในช่องทางใจ (มโน) การรับรู้นั่นเรียกว่า “วิญญาณ”…อินทรีย์จึงมีใจเป็นที่แล่นไปสู่“ใจ” ตรงนี้จึงเป็นที่รวบลงของสิ่งต่าง ๆ เริ่มเป็นนามธรรมเกิดขึ้น มีผัสสะเกิดขึ้นต่อกันและต่อกันไป มีการรับรู้ทางใจ (มโนวิญญาณ) เกิดเป็น “เวทนา” (ความรู้สึกเป็นทุกข์, เป็นสุข, อทุกขมสุข)แยกแยะช่องทางการรับรู้ได้ 18 อย่าง ซึ่งในแต่ละอย่าง ๆ ท่านพระสารีบุตรกล่าวไว้กับท่านพระมหาโกฏฐิตะ ใน โกฏฐิกสูตร ว่า เหล่านี้เป็นของที่เกาะเกี่ยวเนื่องกันอยู่ แต่ไม่ใช่ของอย่างเดียวกัน…ความคิดที่เป็นวิตกวิจารในเรื่องต่าง ๆ ความรู้สึกสุข ความรู้สึกทุกข์ คิดนึกปรุงแต่งนั่นนี่ กับ ใจ มันเป็นคนละอย่างกัน และยังเป็นคนละอย่างกันกับการรับรู้ด้วยสิ่งที่จะทำให้เราพ้นทุกข์ไม่ได้ก็คือ การที่เราเห็นว่ามันเป็นเครื่องเกาะเกี่ยวของกันและกันอยู่ ก็เพราะความรักใคร่พอใจที่อาศัยอะไรเกิดขึ้น มันก็เกาะเกี่ยวกันเลยตรงนั้น ถ้าเรายังเห็นว่ามันแยกจากกันไม่ได้ ความคิดนี้ ไม่ถูกต้อง เป็นมิจฉาทิฏฐิ…แต่ถ้าตัดความรักใคร่พอใจออกไปได้ มันจะไม่ไปต่อ มันแยกจากกัน มันสืบเนื่องต่อกันไปไม่ได้ ความสิ้นทุกข์โดยชอบจึงปรากฎขึ้นได้ เพราะอาศัยเหตุปัจจัยคือการประพฤติการปฏิบัติที่สมควรแก่ธรรม“…เหมือนโคดำและโคขาวที่ถูกผูกอยู่ด้วยเชือกเส้นเดียวกัน แต่เป็นคนละตัวกัน ตัดเชือกแล้วตัวหนึ่งก็ไปทางหนึ่ง มันก็แยกกันไป…ใจ และ ธรรมารมณ์ ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ความคิดนึกก็อย่างหนึ่ง ช่องทางก็อย่างหนึ่ง ผู้ที่เข้าไปรับรู้ คือ วิญญาณ นั่นก็อย่างหนึ่งแน่นอน มันเป็นคนละอย่างกัน แต่เหมือนดูเป็นอย่างเดียวกัน ด้วยเราแยกแยะได้ไม่ชัดเจนเพราะความรักใคร่พอใจคือตัณหา ที่มีรากคืออวิชชามาปกปิดบังเอาไว้ เราจะคลี่แจงแจกให้เกิดความผ่องใสได้ เริ่มต้นจากการปฏิบัติสมาธิ ฟังใคร่ครวญธรรมเป็นอย่างดี ทำให้เกิดความเข้าใจอย่างดีได้”แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: ใต้ร่มโพธิบท Ep.56 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
7/16/2019 • 57 minutes, 19 seconds เข้าใจขันธ์ 5 ได้ ต้องหมั่นเจริญมรรค 6228-3d สีลวันตสูตร/สีลสูตรว่าด้วยธรรมที่ควรใส่ใจโดยแยบคาย เป็นเรื่องราวของท่านพระสารีบุตรและท่านพระมหาโกฏฐิตะ สนทนาปรารภเรื่องภิกษุผู้มีศีลควรกระทำธรรมเหล่าไหนไว้ในใจโดยแยบคาย? คนที่มีศีลเป็นพื้นฐาน หมั่นฟังธรรมอยู่เป็นประจำแล้ว ควรจะมนสิการโดยแยบคายในอุปาทานขันธ์ 5 โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นดังโรค เป็นดังฝี เป็นดังลูกศร เป็นความคับแค้น เป็นอาพาธ เป็นของแปรปรวน เป็นของทรุดโทรม เป็นของสูญ เป็นของไม่ใช่ตัวตน พิจารณาลงไปจนเห็นชัดว่า ไม่มีอะไรเป็นสาระควรค่าแก่การยึดถือการแยกแยะแจกแจงถึงความเป็นอริยบุคคล 4 ประเภทนี้…ทำให้ละเอียดแยบคายลึกซึ้งลงไปเป็นขั้นตอน ๆ เหมือนนายขมังธนูที่คอยฝึกซ้อม ซ้อมแล้วซ้อมอีก ยิงท่าเดิม ลูกศรแบบเดิม แต่ความชำนาญมันมีมากขึ้น โดยดูจากความทุกข์ที่ลดลงไปทุกขั้นตอนของการปฏิบัตินั่นเอง ดูจากจิตของเราที่มีความนุ่มลงสงบลงนั่นเอง ดูตรงนี้ จะสามารถทำให้มีความก้าวหน้าในทางปฏิบัติได้…มรรคแปดต้องทำให้มาก หมั่นเจริญให้มาก มีการพิจารณาอยู่อย่างนี้ เราปฏิบัติตามมรรค 8 จะเข้าใจขันธ์ 5 ได้แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: เข้าใจทำ (ธรรม) Ep.37 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
7/9/2019 • 52 minutes, 43 seconds ทานและผลของกรรมเก่า 6227-3d "ทาน" เป็นหัวข้อธรรมะแรกที่มาในอนุปุพพิกถาที่แสดงไปตามลำดับ เรื่องของทานจึงมีความสำคัญจึงยกตัวอย่างเรื่องราวที่มาใน ปฐมาปุตตกสูตรที่ ๙ และ ทุติยาปุตตกสูตรที่ ๑๐ ปรารภเรื่องกรรมและผลแห่งกรรมของเศรษฐี 2 คนที่ไม่มีบุตร เพื่อทำความเข้าใจบุญกุศลในเรื่องของทาน (จาคานุสสติ) ให้มีความกว้างขวางในการปฏิบัติที่จะเป็นส่วนประกอบของทางที่จะให้ไปสู่นิพพานได้เต็มขึ้นมา"ข้าวเปลือก ทรัพย์ เงินทอง หรือข้าวของ ที่หวงแหนอย่าง ใดอย่างหนึ่งมีอยู่ ทาส กรรมกร คนใช้ และผู้อาศัยของ เขา พึงพาเอาไปไม่ได้ทั้งหมด จะต้องถึงซึ่งการละทิ้งไว้ ทั้งหมด ฯ ก็บุคคลทำกรรมใด ด้วยกาย ด้วยวาจา หรือด้วยใจ กรรม นั้นแหละ เป็นของ ๆ เขา และเขาย่อมพาเอากรรมนั้นไป อนึ่งกรรมนั้นย่อมติดตามเขาไป เหมือนเงาติดตามตน ฉะนั้น เพราะฉะนั้น บุคคลควรทำกรรมดี สั่งสมไว้สำหรับภพหน้า บุญทั้งหลายย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในโลกหน้า ฯ"…ทุติยาปุตตกสูตรที่ ๑๐แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: ใต้ร่มโพธิบท Ep.53 , นิทานพรรณนา Ep.30 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
7/2/2019 • 30 minutes, 34 seconds พรหมวิหาร 4 ประกอบพร้อมโพชฌงค์ 7 6226-3d อัปปมัญญา 4 (พรหมวิหาร 4: คุณธรรมที่จะทำให้ไปอยู่กับพรหม) คือ การตั้งจิตไว้ด้วยกับเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา แผ่ออกไปอย่างกว้างขวางใหญ่หลวง ไม่มีประมาณ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท แผ่ให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลายทั่วทุกทิศทุกทางโดยไม่ระบุเจาะจง ไม่มียกเว้น สิ่งที่น่าสนใจในที่นี้ก็คือ พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน เมตตาสูตร ว่าด้วยเรื่องของ อัปปมัญญา 4 ในขั้นที่สูงขึ้นไปจนถึงเจโตวิมุติ (การหลุดพ้นแห่งจิต) โดยการนำเอาเรื่องพรหมวิหาร 4 มารวมกันไว้กับโพชฌงค์ทั้ง 7 นี้คือความสวยงามในคำสอนของพระพุทธเจ้าที่สามารถนำเอาธรรมะมาเชื่อมโยงต่อเนื่องกันไปในหมวดธรรมะอื่น ๆ ได้อย่างยิ่ง ๆ ขึ้นไปอธิบายพระสูตรในรายละเอียด: วิธีเจริญพรหมวิหาร 4 ประกอบพร้อมโพชฌงค์ 7, ทำความชำนาญในการเห็นเป็นสิ่งที่ปฏิกูลและไม่ปฏิกูลในสิ่งต่าง ๆ, ที่สุดจบในแต่ละขั้น ๆ เมื่อนำธรรมะ 2 หมวดข้างต้น มาประกอบพร้อมการเห็นสิ่งที่ปฏิกูลและไม่ปฏิกูลในสิ่งต่าง ๆ โดยอาศัยกายวิเวก จิตตวิเวก อาศัยวิราคะ (ความคลายกำหนัด) อาศัยนิโรธ สังเกตเห็นความดับไปต่าง ๆ ที่อยู่ในจิต และน้อมไปเพื่อการสลัดคืน ไม่ก้าวลงไปในสิ่งอื่น ๆ อีก เมื่อทำให้ชำนาญอินทรีย์มีความแก่กล้า จะมีสุภวิโมกข์ และอรูปสัญญา 3 ขั้น เป็นที่สุดจบ เกิดการหลุดพ้นเป็นขั้น ๆ ได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
ทานกับการบรรลุธรรม 6225-3d "บุคคลเหล่าใดมีใจผ่องใส ย่อมให้ข้าวด้วยศรัทธา บุคคลเหล่านั้นย่อมได้ข้าวนั้นเอง ทั้งโลกนี้และโลกหน้า เพราะเหตุนั้นพึงเปลื้องความตระหนี่เสีย แล้วให้ทาน บุญเท่านั้น เป็นที่พึ่งของสัตว์ในโลกหน้า"…จากเสรีสูตรพระพุทธเจ้าได้ทรงจำแนกแจกแจง ในเรื่องของ "ทาน" ไว้อย่างละเอียดในแง่มุมต่าง ๆ โดยยกหัวข้อในเรื่องของลักษณะรูปแบบของการให้ว่า ทานคือการให้ จาคะคือการสละออก เป็นสิ่งที่ควรทำ, การแบ่งจ่ายทรัพย์ในหน้าที่ให้ถูกต้อง, การตั้งเจตนาใน 3 กาล คือ ก่อน ระหว่าง และหลังการให้, วัตถุทานที่เหมาะสม, ลักษณะการให้ทานใน 2 นัยยะของสัตบุรุษและอสัตบุรุษ ให้อย่างไรถึงมีผลมีอานิสงส์มาก, ลำดับของอานิสงส์ในการให้ทาน (มีผลมาก-น้อย) ตามผู้ที่ควรรับ, ความบริสุทธิ์แห่งทานของทั้งผู้ให้และผู้รับ, อานิสงส์ของการให้ทาน โดยรายละเอียด และเพื่อให้เกิดประโยชน์ ทั้งในโลกนี้ โลกหน้า และประโยชน์อย่างยิ่งคือ เรื่องของมรรคผลนิพพาน นั่นเอง"ผู้ขอบ่อย ๆ ย่อมเป็นที่รังเกียจของผู้อื่นฉันใด ผู้ให้ก็ย่อมเป็นที่รักของผู้อื่นฉันนั้น ด้วยเหตุนี้ การให้จึงเป็นสิ่งที่ควรทำ ทำแล้วให้เกิดความดีขึ้นมาได้ ให้เกิดจิตใจที่ตั้งไว้ในกุศลธรรมขึ้นมาได้…เป็นธรรมเครื่องปรุงแต่งจิต สามารถบรรลุธรรมด้วยอำนาจของบุญที่เกิดจากการให้ทาน"แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: คลังพระสูตร Ep.49 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
6/18/2019 • 54 minutes, 57 seconds อุปมาด้วยบัว 4 เหล่า และ บัว 3 เหล่า 6224-3d ยกหัวข้อว่าด้วยเรื่องของ บุคคล 4 จำพวก ขึ้นมา โดยสืบค้นกลับไปที่ตัวแม่บท หัวข้อนี้มีมาใน อุคฆฏิตัญญูสูตร พระพุทธเจ้าทรงตรัสแบ่งบุคคลออกเป็น 4 จำพวก คือ 1) อุคฆฏิตัญญู ผู้ที่รู้เข้าใจได้ฉับพลัน เพียงแค่ยกหัวข้อขึ้นเท่านั้น 2) วิปจิตัญญู ผู้ที่รู้เข้าใจก็ต่อเมื่อขยายความโดยในรายละเอียด 3) เนยยะ ผู้ที่พอแนะนำต่อไปตามลำดับได้ และ 4) ปทปรมะ ผู้ที่รู้ได้เพียงแต่ตัวบท (พยัญชนะ) คือ ถ้อยคำเท่านั้นเอง ไม่อาจจะเข้าใจความหมายในรายละเอียดได้โดยนัยยะเกี่ยวกับ บัว 4 เหล่า มีปรากฏในพระวินัยปิฎกตอนต้น ในส่วนของพุทธประวัติย่อ ๆ โดยนำเอาบุคคล 4 จำพวกข้างต้นมาเปรียบเทียบกับดอกบัว 4 เหล่าไว้ตรงนี้โดยลำดับว่าเป็นดอกบัวพ้นน้ำแล้ว, เป็นดอกบัวที่โคนดอกเสมอด้วยพื้นน้ำ, เป็นดอกบัวที่ยังอยู่ใต้น้ำ แต่ใกล้ที่จะโผล่พ้นน้ำแล้ว และสุดท้ายเป็นดอกบัวยังจมน้ำลึกอยู่ เป็นอาหารของเต่าปลาได้และมีในพระบาลีที่เป็นพุทธประวัติเช่นกัน ซึ่งที่ครบถ้วนจะอยู่ใน โพธิราชกุมารสูตร ในคราวที่ตรัสรู้ใหม่ ๆ พระพุทธเจ้าทรงมีจิตน้อมไปในทางขวนขวายน้อยไม่น้อมไปเพื่อการแสดงธรรม เดือนร้อนถึงท้าวสหัมบหดีพรหมได้มาทูลอาราธนาขอไว้ จึงได้เห็นแก่สัตว์ทั้งหลายผู้มีกิเลสดุจธุลีในดวงตาน้อยบ้าง มากบ้าง ผู้มีอินทรีย์แก่กล้าบ้าง อ่อนบ้าง มีอาการดีบ้าง เลวบ้าง จะพึงสอนให้รู้ได้ง่ายบ้าง ยากบ้าง บางพวกมีปกติเห็นโทษในปรโลกโดยเป็นภัยอยู่ก็มี โดยอุปมาอุปไมยว่าด้วย ดอกบัว 3 เหล่า อยู่ในสระน้ำ มีดอกบัวบางเหล่าที่ 1) เกิดในน้ำ เจริญในน้ำ ยังไม่พ้นน้ำ จมอยู่ในน้ำ 2) เกิดในน้ำ เจริญในน้ำ อยู่เสมอน้ำ 3) เกิดในน้ำ เจริญในน้ำ ขึ้นพ้นน้ำ อันน้ำไม่ถูกต้องแล้ว พระพุทธองค์ทรงเห็นบุคคลมีความแตกต่างกันเช่นนี้ในส่วนเพิ่มเติม ได้นำเรื่องของ นักพูด 4 จำพวก มาใน วาทีสูตร ได้แก่ 1) นักพูดที่จำนนต่ออรรถะ แต่ไม่จนต่อพยัญชนะ 2) นักพูดที่จำนนต่อพยัญชนะ แต่ไม่จนต่ออรรถะ 3) นักพูดที่จำนนทั้งต่ออรรถะและต่อพยัญชนะ 4) นักพูดที่ไม่จำนนทั้งต่ออรรถะและต่อพยัญชนะ…ในบรรดานักพูดซึ่งประกอบด้วยปฏิสัมภิทา 4 แล้ว จะเป็นไปไม่ได้เลยที่พึงจำนนทั้งต่ออรรถะและต่อพยัญชนะสรุป ผู้ที่มาศึกษาคำสอนจะต้องรู้ที่มาที่ไป นำมาเปรียบเทียบส่วนเหมือนส่วนต่างได้ ดังนั้นในการศึกษาวิเคราะห์จึงต้องจำแนกแจกแจงทั้งอรรถะและพยัญชนะด้วย จะทำให้ความรู้ของเรามีความกว้างขวางออกไป ประเด็นในที่นี้จะเห็นว่า คนเราไม่เท่ากัน ถึงแม้จะพยายามที่จะให้บุคคลมีสิทธิเท่าเทียมกันด้วยเหตุอย่างไร ๆ ก็ตาม คนก็ไม่เท่ากัน เพราะด้วยเหตุปัจจัยที่มีมามันแตกต่างกัน จะให้มาเท่ากัน นั่นไม่ใช่ฐานะที่จะเป็นได้ ถ้าเราจะแสวงหาความยุติธรรมไม่ว่าในบุคคลประเภทไหนก็ตาม มันก็จะมีความที่ต่างกันเหมือนกันอยู่ ความที่จะให้จบแล้วให้เหมือนกันไปหมด มันไม่มี มันจะมีส่วนที่เป็นความทุกข์ มีส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่เหมือนกันแน่นอน แต่จุดที่จะให้เหมือนกันได้ เข้ากันได้โดยสนิท ไม่ได้มีความแตกต่างกันเลย คือ ที่ที่จะมีความดับ ที่ที่มีความเย็น ปฏิบัติตามมรรค 8 แล้วจะจบลงที่นิพพานได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
6/11/2019 • 56 minutes, 51 seconds ถ้าเมื่อวันหนึ่งที่เรามีลาภ มียศ มีตำแหน่ง มีเงินทอง มีประสบการณ์ เก่งขึ้น มีลูกน้อง มีคนนับหน้าถือตา แล้วเราจะยังคงความดีอยู่ได้หรือไม่…เพราะจิตใจสามารถเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว ตอนแรกรักษาได้ แต่พอเวลาผ่านไป คนเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามเหตุปัจจัย เปลี่ยนเป็นดีขึ้นได้ เปลี่ยนเป็นเลวลงได้ ธรรม 6 อย่างต่อไปนี้ จะเป็นเครื่องป้องกันรักษาไม่ให้เราเปลี่ยนไปเป็นคนไม่ดีเมื่อมีอาสวัฏฐานิยธรรมเกิดขึ้น โดยต้องพึงละกิเลสเครื่องเศร้าหมองจิตด้วยการสำรวมสังวรในอินทรีย์ทั้ง 6, การพิจารณาแล้วจึงบริโภค (เสพ), การอดทน อดกลั้น, การงดเว้น, การบรรเทา (ละ) และการภาวนาบุคคลที่ตามประกอบในธรรม 6 ข้อนี้ จะเป็นผู้ที่น่านับถือบูชาอย่างยิ่ง เป็นบุคคลที่ควรยกย่อง เป็นบุคคลตัวอย่าง เป็นปูชนียบุคคล เพราะกิเลสไม่เกิดขึ้นในใจของเขา ทั้งยังสามารถรักษาความดี รักษาอุดมการณ์ รักษาความบริสุทธิ์ในจิตใจอยู่ได้แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: ใต้ร่มโพธิบท - อาสวัฏฐานิยธรรม ธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งอาสวะ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
6/4/2019 • 1 hour, 15 seconds อาสวัฏฐานิยธรรม ธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งอาสวะ พอมีคำสอนมากขึ้น คนศึกษากันมากขึ้น ๆ แล้ว ก็มีอาสวะมากขึ้น พอมีอาสวะมากขึ้นแล้ว ก็ต้องมีการบัญญัติพระวินัยขึ้นมาแก้ พอมีสิกขาวินัยมากขึ้น คนก็ศึกษามากขึ้น พอศึกษามากขึ้น อาสวัฏฐานิยธรรม คือ ธรรมที่จะทำให้อาสวะเกิดขึ้นได้ ทำให้มีข้อที่ไม่ดีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น เมื่อมันเกิดมีมากขึ้น ก็เลยต้องยิ่งบัญญัติมากขึ้น จึงทำให้มันก็มีแต่เสื่อมลง ๆ อาสวัฏฐานิยธรรมทั้ง 5 ข้อนี้ ถ้าเราดูผิวเผิน มีหมู่ใหญ่ มีลาภสักการะ มียศ เป็นพหูสูต รู้ราตรีนาน ก็จะไม่ได้เป็นปัญหาอะไร แต่เพราะสิ่งเหล่านี้ มันเนื่องอยู่ในขันธ์ 5 อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดถือ เขาจึงเรียกอุปาทานขันธ์ มันสามาถทำให้เกิดความยึดถือได้ เศร้าหมองได้ ทำให้เกิดความเสื่อมได้ วิธีป้องกัน 6 อย่างที่ไม่ให้ไปตามอำนาจกิเลส โดยหัวข้อ คือ ด้วยการเสพ, การอดทน, การสำรวมอินทรีย์, การภาวนา, การงดเว้นในสิ่งที่เป็นอโคจร, การละมิจฉาสังกัปปะ และจะอธิบายโดยรายละเอียดต่อไปในตอนหน้า Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
5/28/2019 • 1 hour, 1 minute, 26 seconds ยก อาสีวิสสูตร ขึ้นมาอธิบาย เพื่อทำความเข้าใจในเรื่องอริยสัจ 4 โดยสั้น กระชับ เข้าใจง่าย ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงใช้การอุปมาอุปไมยไล่มาตั้งแต่ในเรื่องของขันธ์ 5 (ทุกข์), นันทิราคะ (สมุทัย), อริยมรรคมีองค์ 8 (มรรค) และ ฝั่งโน้นคือนิพพาน (นิโรธ)เรื่องราวเหล่านี้ ให้เราฟังซ้ำฟังย้ำ พิจารณาใคร่ครวญให้ขึ้นใจในอุปมาอุปไมยเปรียบกับข้อธรรมต่าง ๆและจะเห็นถึงความงดงามในเบื้องต้น งดงามในท่ามกลาง งดงามในที่สุดลงรอบ นี้จึงเป็นธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศไว้อย่างดีแล้วTime Index[0:52] เริ่มต้นการปฏิบัติด้วยการตั้งสติขึ้นอยู่กับลมหายใจ พิจารณาเข้ามาในกายอันประกอบด้วยธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ว่าเป็นของไม่เที่ยง เป็นอนัตตา เพื่อปล่อยวางความยึดถือในกายนี้ด้วยกำลังปัญญาที่เราเห็นตามความเป็นจริง [14:33] พุทธภาษิต เรื่อง “เหตุที่กล้าบันลือสีหนาท” (สีหสูตรที่ 2 (๔๕๑)) [17:50] ใต้ร่มโพธิบท ยก อาสีวิสสูตร ขึ้นมาอธิบาย [31:26] ธาตุ 4 / งูพิษ [37:22] ขันธ์ 5 / เพชฌฆาต [39:46] นันทิราคะ (กำหนัดไปด้วยอำนาจความเพลิน) / เพชฌฆาตคนที่ 6 [46:38] อายตนะภายใน / บ้านร้าง, อายตนะภายนอก / โจร [55:03] โอฆะ 4 / ภัยในห้วงน้ำใหญ่ [58:02] พ่วงแพ / อริยมรรคมีองค์ 8, ด้วยมือและเท้า / ความเพียร [59:04] สรุป ยก อาสีวิสสูตร ขึ้นมา เพื่ออธิบาย โดยใช้การอุปมาอุปไมยให้เข้าใจในเรื่องอริยสัจ 4 อย่างสั้น กระชับ เข้าใจง่าย Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
5/21/2019 • 11 minutes, 31 seconds มหาบุรษ 32, มหาสุบิน 5, ถูปารหบุคคล 4 6220-3d เนื่องในช่วงสัปดาห์ของวันวิสาขบูชา เพื่อเป็นการน้อมมาระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงยกเรื่องของพระองค์ขึ้นมาพูดคุยกันในเรื่องการประสูติ: ลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการ, ก่อนการตรัสรู้: มหาสุบิน 5 อย่าง และก่อนการปรินิพพาน: ถูปารหบุคคล 4 จำพวกลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการ เกิดจากสร้างเหตุเช่นนั้นๆ จึงได้ผลเช่นนี้ ๆการตีความความฝันของพระพุทธเจ้าก่อนการตรัสรู้บุคคล 4 จำพวกที่ควรแก่การสร้างสถูปเจดีย์เพื่อเป็นที่ระลึกถึง ให้เกิดความเสื่อมใสศรัทธาหัวข้อที่ยกมาพูดคุย ไม่ใช่เป็นไปในเรื่องของความงมงาย แต่ให้เข้าใจความเป็นเหตุเป็นผลที่ถูกต้อง เข้าใจเรื่องของกรรม ตั้งมั่นอยู่ในความดีความงาม ชีวิตที่มีศึกษาธรรมะนั้นจะเป็นประโยชน์มากTime Index[0:43] เริ่มต้นการปฏิบัติด้วยการตั้งสติขึ้น ทำจิตใจของเราให้น้อมมาระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า มีการเจริญพุทธานุสสติอยู่[14:10] พุทธภาษิต เรื่อง “ทรงเป็นพระธรรมราชา” (พาเวรุชาดก (๖๕๖))[17:25] ใต้ร่มโพธิบท ในเรื่องลักษณะมหาบุรุษ 32, มหาสุบิน 5 และถูปารหบุคคล 4[20:14] มหาบุรุษ 32 ประการ[47:02] มหาสุบิน 5[50:20] ถูปารหบุคคล 4 จำพวก[53:16] สรุป อย่าไปเชื่อเรื่องงมงาย แต่ให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องในความเป็นเหตุเป็นผล เข้าใจเรื่องของกรรม จึงมั่นสร้างความดีงามให้เกิดขึ้น Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
5/14/2019 • 55 minutes, 21 seconds อปริหานิยธรรม 7 ทำให้ไม่เสื่อม 6219-1d “อปริหานิยธรรม 7” คือ ข้อปฏิบัติหรือธรรมอันเป็นเหตุไม่ให้เกิดความเสื่อม ซึ่งมีหลายนัยยะ แต่ที่ได้ยกมานี้เป็นหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสถึงลักษณะการการปกครองบ้านเมืองตามหลักอปริหานิยธรรมของเหล่ากษัตริย์ลิจฉวี แคว้นวัชชี เป็น “ราชอปริหานิยธรรม” ที่เมื่อประพฤติปฏิบัติตามแล้วจะทำให้เกิดความไม่เสื่อม เป็นธรรมะที่จะทำให้มีความสามัคคี มีความพร้อมเพรียงกัน เป็นธรรมะที่จะทำให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองท่าเดียวTime Index[02:00] เริ่มด้วยการทำจิตให้สงบ ฝึกปฏิบัติสมาธิ ถวายเป็นพระราชกุศลฯ ฝึกตั้งสติ ให้มาระลึกรู้ถึงลมหายใจอยู่ ณ ตำแหน่งเดียว[06:02] แยกแยะความคิดนึกที่เป็นเรื่องอกุศลและกุศล…เมื่อเราคิดนึกตริตรึกไปในทางไหนมาก จิตเราก็น้อมไปในทางนั้น จิตเราน้อมไปในในทางไหน สิ่งนั้นมันก็เข้ามากลุ้มรุมห่อหุ้มจิตของเรา มีอำนาจเหนือจิตของเราได้[12:02] จิตของเราจะไปทางกุศลได้ก็ด้วยรู้จักที่จะมีสติสัมปชัญญะ แบ่งสิ่งดีและไม่ได้ออก แล้วให้พิจารณาเห็นโทษในสิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ เหล่านั้น เราจะละได้ พิจารณาให้เห็นคุณประโยชน์ของสิ่งที่ดี ๆ ต่าง ๆ เหล่านั้น เราก็จะทำให้มันเกิดขึ้นในจิตใจของเราได้[12:48] เจริญเมตตา[15:50] พุทธภาษิต เรื่อง “ทรงมีจิตเป็นสมาธิดี” (ติกรรณสูตร)[18:20] ใต้ร่มโพธิบท เรื่องของ “ราชอปริหานิยธรรม” เป็นข้อปฏิบัติหรือคุณธรรมในการปกครองชาติบ้านเมือง[20:39] สมมุติขึ้นมาก็เพื่อเรียกอย่างใดอย่างหนึ่งให้เข้าใจตรงกัน[24:57] วิธีรักษาเหตุปัจจัยให้มันดีอยู่ตลอดได้ ให้มันเกิดมีผลสืบเนื่องต่อไป เราจึงจะต้องมีอันธรรมอันเป็นเหตุไม่ให้เกิดความเสื่อม ยกตัวอย่างเหล่ากษัตริย์ลิจฉวีเป็นผู้ปกครอง แคว้นวัชชี ที่ดำรงอยู่ในข้อปฏิบัติหรือธรรมที่เรียกว่า “อปริหานิยธรรม” ซึ่งจะทำให้บ้านเมืองมีแต่ความเจริญ ไม่เสื่อม[29:05] อธิบายรายละเอียดข้อปฏิบัติทั้ง 7 ข้อ[42:05] ความเจริญรุ่งเรืองที่เกิดจากการดำรงอยู่ใน “ราชอปริหานิยธรรม” สามารถป้องกันภัยที่จะมาจากภายนอกได้[44:10] แต่ความเสื่อมจะมีได้ เกิดขึ้นจากภัยภายใน ด้วยการยุแยงทำให้แตกกัน ทำให้ไม่ไว้ใจกัน[52:30] สรุป จะมีความเจริญรุ่งเรืองอยู่อย่างต่อเนื่องได้ ก็ด้วยการดำรงอยู่ในธรรมอันเป็นเหตุไม่ให้เกิดความเสื่อม คือ อปริหานิยธรรม Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
5/5/2019 • 55 minutes, 37 seconds มีธรรมคุ้มใจ อาชญาก็ไม่ต้องใช้ ศาสตราก็ไม่ต้องกลัว ในคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น ไม่ต้องใช้อาชญา ไม่ต้องใช้ศาสตรา แต่อาชญา ศาสตรา มันมีอยู่ในโลก ที่การกำหนดบทลงโทษ ใช้ทั้งอาชญาและใช้ศาสตรา ใช้กฎหมายบังคับให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย แต่นี้เป็นการแก้ไขป้องกันในระยะสั้น ในธรรมวินัยนี้ไม่ใช่จะใช้อาชญาหรือศาสตราในการลงโทษ แต่ใช้หลักที่ว่า สิ่งใดที่เป็นกุศลหรืออกุศล เป็นความเชื่อที่ถูกต้องในเรื่องของกรรม ผลของกรรม และการปฏิบัติตามทางมรรค 8 เป็นการแก้ไขป้องกันในระยะยาว “หิริโอตตัปปะ” เป็นธรรมะที่ใช้คุ้มครองใจ ที่บุคคลจะเกิดความละอาย และความเกรงกลัวต่อบาป ต่อการกระทำไม่ดี ที่เมื่อเรากระทำแล้ว จะมีความกลัวต่อการติเตียนตนด้วยตน, มีความกลัวต่อการติเตียนจากผู้อื่น, มีความกลัวต่ออาชญา และมีความกลัวต่อทุคติ ความกลัวความละอายที่เกิดขึ้น จะทำให้เราจะสามารถแก้ไขปรับปรุงตัวของเราเองได้โดยไม่ต้องไปถึงจุดที่ต้องใช้อาชญา ใช้ศาสตรา คนที่มาปฏิบัติธรรมได้จะไม่ใช่ด้วยการบังคับ แต่เกิดจากการสมัครใจ เกิดจากหิริโอตตัปปะที่มีอยู่ในใจ จึงสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ Time Index [00:01] เริ่มการปฏิบัติด้วยการพิจารณาเข้ามาในกายของตนเอง ตั้งสติไว้ในกาย คือ กายคตาสติ เห็นกายโดยความเป็นจริง โดยเป็นของไม่เที่ยง โดยความเป็นอนัตตา จะมีความหน่าย มีความคลายกำหนัด ปล่อยวางได้ ละความยึดถือได้ [13:07] แผ่เมตตา [16:00] พุทธภาษิต เรื่อง “การปรินิพพานทำให้มหาชนเดือดร้อน” [19:54] ใต้ร่มโพธิบท เรื่องของ “อาชญาและศาสตรา” เปรียบเทียบให้เห็นว่าในคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น ไม่ต้องใช้อาชญา ไม่ต้องใช้ศาสตรา แต่อาชญา ศาสตรา มันมีอยู่ในโลก [21:02] ความกลัวต่ออาชญา ความกลัวต่อศาสตรา จึงไม่ทำบาป [22:55] พุทธพจน์ “เทวทูตสูตร” (การสั่งลงโทษของพระราชา) [29:33] ความกลัวต่อคำด่าว่าของคนอื่น [30:00] ความกลัวต่อการติเตียนตน [34:58] ความกลัวต่อนรก มหานรก [48:22] หิริโตตัปปะ [53:06] สรุป กรรมดีมีความชั่วมี กฏแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ แก้ไขปรับปรุงชีวิตเราให้ดีด้วยปฏิบัติตามมรรค อาชญาก็ไม่ต้องใช้ ศาสตราก็ไม่ต้องกลัว Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
4/30/2019 • 56 minutes, 40 seconds ธรรมอันเป็นรากแห่งความสุข 6217-3d เมื่อปรารถนาที่จะแสวงหาให้ได้มาซึ่งความสุขอันเป็นที่น่าปรารถนารักใคร่ชอบใจ หาได้โดยยากในโลก…จะทำอย่างไรให้ได้มาซึ่งความสุขในชีวิตเหล่านี้จุดเริ่มต้นที่คุณสามารถทำเองได้ในปัจจุบันขณะ พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสสอนธรรมที่เหมาะแก่ฆราวาสผู้ครองเรือน แก่ผู้ที่ยังยินดีด้วยกาม ที่เมื่อพึงประกอบในธรรมอันเป็นรากฐานนี้แล้ว จะเป็นแนวทางดำเนินชีวิตให้เป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขในปัจจุบัน (ทิฏฐธรรม) และความสุขในภายหน้า (สัมปรายะ)การที่เราจะดำเนินชีวิตอยู่อย่างมีความสุข โดยให้เป็นไปตามธรรม การครองเรือนนั้นบางทีมันก็มีเรื่องราว จิตที่ประกอบด้วยคุณธรรมเหล่านี้ ได้แก่ ศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญา เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นก็สามารถแก้ไขได้ จะไม่ปล่อยให้เรื่องราวสถานการณ์ต่าง ๆ เหล่านั้นเติบโตไปในทางที่ไม่ดี เราจึงรีบดับเสียด้วยธรรมะ แม่บทที่ยกมาในวันนี้คือ หัวข้อที่พระพุทธเจ้าบอกสอนไว้กับพยัคฆปัชชะและอนาถบิณฑิกเศรษฐี ให้เข้าใจถึงความหมายในแง่มุมที่ว่า เมื่อแจกแจงแยกแยะออกแล้ว จะทำให้เกิดความร่มเย็น จะทำให้เรามีธรรมะได้อย่างไร Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
4/23/2019 • 1 hour, 28 seconds นอนอย่างไรจึงเรียก “ตถาคตไสยา”…วิธีการนอนอย่างพระพุทธเจ้า คือ ให้สำเร็จการนอนอย่างราชสีห์ (สีหไสยา) และมีการเจริญสติสัมปชัญญะ มีจิตเป็นสมาธิในทุกอิริยบถ มีการประกอบในธรรมอันเป็นเครื่องตื่น (ชาคริยธรรม) ไม่เพลิดเพลินหลงไหลไปตามกิเลส, ตื่นในที่นี้คือ พุทโธ นั่นเองการนอนอย่างตถาคตที่มีความเอ็นดูในสัตว์โลกทั้งปวง ถึงแม้อยู่ในท่านอน ก็ไม่ได้เป็นไปเพื่อความหลับไหล ไม่ได้เป็นไปด้วยความซบเซาหรือมัวเมา แต่เป็นไปด้วยจิตที่มีความเมตตากรุณาในสรรพสัตว์ทั้งหลาย อยู่ในอิริยาบถใดมันสบาย มีจิตใจที่อ่อนโยนดีงามตื่นอยู่Time Index[00:01] เริ่มการปฏิบัติด้วยตั้งสติขึ้น ทำความสงบไว้ในใจ เจริญเมตตาภาวนา เจริญพรหมวิหาร[13:16] แกะรอยธรรม ในหัวข้อเรื่องของ “ไสยาคือการนอน” ใน 4 แบบ (เปต, กามโภคี, สีหะ, ตถาคต) พร้อมอธิบายโดยรายละเอียด[24:40] โรคนอนไม่หลับ vs การพักผ่อนด้วยจิตที่เป็นสมาธิ ไม่ว่าจะด้วยอิริยาบถใด[29:19] ชาคริยธรรม (ธรรมอันเป็นเครื่องตื่น), นอนอย่างไรให้ตื่น, อิริยาบถกับความตื่นในใจมันคนละอย่างกัน[39:05] บุคคล 5 จำพวกที่ตื่นในเวลากลางคืน[45:47] การนอนกลางวัน[52:00] สรุป ไม่ว่าจะนอนท่าไหน หรืออยู่ในอิริยาบถใด หากเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ มีจิตเป็นสมาธิ มีจิตใจที่สูงที่ประเสริฐ ก็ถือว่าเป็นผู้ไม่หลับไหล แม้นอนก็ชื่อว่าเป็นผู้ตื่นอยู่ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
4/16/2019 • 53 minutes, 33 seconds ทำความเข้าใจในสีลัพพตปรามาส 6215-1d คนที่จะละสีลัพพตปรามาสได้ จะต้องมีศรัทธาในพุทโธ ธัมโม สังโฆ และมีพร้อมด้วยปัญญาที่สามารถแยกแยะในเรื่องของกรรมได้อย่างถูกต้องTime Index[02:39] นำปฏิบัติธรรม ฝึกจิตให้เป็นสมาธิให้เกิดปัญญาขึ้นมา ด้วยการเริ่มตั้งสติโดยใช้อนุสติ10[15:30] ความหมายของสีลัพพตปรามาส[19:54] ตัวอย่างของสีลัพพตปรามาสที่เห็นได้ในชีวิตจริง[30:27] ความเข้าใจที่ถูกต้องคือเรื่องของกรรมและเหตุผล แยกแยะ พร้อมกับฟังสุตะ[37:41] รูปแบบการบูชา[42:29] การปฏิบัติที่ถูกต้อง[46:15] ข้อควรระวัง[52:18] สรุปว่าต้องมีศรัทธาในพุทโธ ธัมโม สังโฆ และมีพร้อมด้วยปัญญาที่สามารถแยกแยะในเรื่องของกรรมได้อย่างถูกต้อง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
4/7/2019 • 55 minutes, 50 seconds ขันติคือรักษาปกติตน 6214-1d เมื่อขันติจะกลายเป็นขันแตก จะอดทนไม่ได้แล้ว เราจะมีวิธีปฏิบัติตนอย่างไรลักษณะความอดทนที่ถูกต้อง, ประเภทของคว ามอดทน , วิธีฝึกให้มีความอดทน และอานิสงส์การมีความอดทนการละอาสวะส่วนที่ละได้ด้วยการอดกลั้นยกตัวอย่างชาดก ครั้งที่มีพระชาติเป็นพระจันทกุมาร ทรงบำเพ็ญขันติบารมีขันติ คือ ความอดทนจะเป็นตบะที่คอยเผาผลาญกำจัดกิเลสให้ออกไปจากจิตใจของเราได้แน่นอน Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
3/31/2019 • 52 minutes, 39 seconds สามัคคีเพื่อประโยชน์ส่วนรวม 6213-3d สุขหรือทุกข์ ทำไมขึ้นอยู่กับสิ่งอื่น ตามอำนาจของสิ่งภายนอก ถ้าเรายึดถือสิ่งใดมาก ความยึดถือที่มีมาก จะทำให้เราทุกข์ ความสามัคคี จะไม่ได้เห็นแก่สุขหรือทุกข์ แต่เห็นแก่ว่า “ต้องลงกันได้เข้ากันได้” คนที่มีธรรมะอยู่ในใจ สามารถที่จะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ได้มากกว่าประโยชน์ส่วนตนการตั้งจิตที่จะให้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมได้ คือ ต้องละเรื่องของกามให้ได้ ซึ่งถ้าเรามีศีล สมาธิ ปัญญา รักษาไว้ให้ดี จิตใจของเรา จะไม่เขวเป๋ไปในทางที่ไม่ดีนั้นได้ ต้องมีมรรค 8 แทรกอยู่ตลอด คำพูดต้องเป็นสัมมาวาจา การคิดนึกให้เป็นสัมมาสังกัปปะ การกระทำให้เป็นสัมมาอาชีวะ สัมมากัมมันตะจะทำได้ต้องมีสติระลึกถึงความดีไว้ตลอดTime Index[0.33] นำปฏิบัติด้วยการระลึกถึงลมหายใจและแผ่เมตตา [18.22] บริบทเรื่องการเมือง ทำอย่างไรในครอบครัวจะมีความสุข[21.51] สามัคคีไม่ได้เพราะยึดถือ[30.22] สัมมาวาจา พูดสิ่งที่เข้ากันลงกันได้[33.55] สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสังกัปปะ[35.55] สติ ตัด ละ กำจัดความยึดถือ[38.48] สามัคคีทำให้เกิดสันติภาพและสันติสุข[42.01] ยึดถือที่มากทำให้สุดโต่ง ยึดถือที่ลดเพราะมรรคที่เจริญ[46.00] ตั้งจิตที่จะละกาม[48.05] เรื่องที่ต้องระวัง 2 อย่าง คือ กิเลสกาม ตัณหาอวิชชา มันดักเราไว้ทุกทิศทุกทาง และทุกอย่างไม่ได้จีรังยั่งยืน แม้กระทั่งสิ่งที่คิดว่า “ดี” จะดีหรือไม่ดี ต้องอยู่ในเส้นทางของมรรค 8 ต้องแล้วแต่สถานการณ์ แล้วแต่บริบทและองค์ประกอบที่เปลี่ยนแปลงไป Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
พึงสำรวมอินทรีย์ อย่าถือเอานิมิตด้วยจิตอกุศล “นิมิต” หมายถึง เครื่องหมาย จุดนี้สำคัญ มันอยู่ที่เราแปลเครื่องหมายนี้อย่างไร เป็นไปทางสุจริต หรือ ทุจริต ในทางกาย วาจา และใจตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นหัวข้อที่พระพุทธเจ้ายกในเรื่องของ “กาม” ที่เรียกว่า “วัตถุกาม” เป็นวัตถุที่จะทำให้เกิดความกำหนัดยินดีพอใจขึ้นในจิตใจของเราได้ ซึ่งเกิดตอนที่ถือเอานิมิตนี้เองมโนสังขาร คือ การปรุงแต่งในทางใจ การปรุงแต่งนี้เกิดขึ้นตอนที่มีผัสสะ เพราะมีผัสสะจึงมีการปรุงแต่งแบบนี้เกิดขึ้นได้ การปรุงแต่งแบบนี้เป็นกรรมแล้ว เป็นกรรมในทางใจ กรรมในทางวาจา และกรรมในทางกาย ก็เกิดตามมา ในที่นี้มันเริ่มจากทางใจก่อนเป็นมโนทุจริต ก็เป็นวจีทุจริตต่อไป แล้วก็เป็นกายทุจริตต่อไป เมื่อมีผัสสะเกิดขึ้นแล้ว มีสัญญาคือความหมายรู้โดยไม่รอบคอบ ไม่มีการสำรวมอินทรีย์ ไม่มีสติสัมปชัญญะตั้งเอาไว้ ถือเอาโดยนิมิตที่ไม่แยบคาย เกิดกามสัญญาขึ้น มโนสังขารที่ปรุงแต่งก็เป็นเรื่องไปในทางกาม ความคิดฟุ้งซ่านไม่สงบก็เป็นมโนกรรมที่ไม่ดี มันเชื่อมต่อไหลกันไปรวดเร็วยิ่งกว่าลัดนิ้วมือจะสำรวมกาย สำรวมวาจา สำรวมใจได้ จะต้องสำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ด้วยไม่ให้เห็นโดยนิมิต ไม่ให้เห็นโดยดูในลักษณะอนุพยัญชนะ เพื่อป้องกันอกุศลธรรมที่ยังไม่มี ไม่ให้เกิดขึ้น, ลบ ละ เลิก ละ ทิ้งอกุศลธรรมที่มันมีอยู่แล้ว ให้มันลดลง, ทำกุศลธรรมใหม่ ๆ ที่ยังไม่มี ให้มันเกิดขึ้น, พัฒนาที่มีดีอยู่ ให้มันมีดีมากขึ้น สติเราเจริญขึ้น นี้เป็นการทำความเพียรถ้ามีผัสสะมากระทบ จะเป็นเครื่องทดสอบว่า เรายังอยู่ในมรรคได้หรือไม่? ถ้าเรายังอยู่ได้ นั่นจะเป็นทาง เป็นทางที่จะให้ความจริง ความรู้ คือ วิชชา เกิดขึ้นได้ จะทำให้เราพ้นจากเรื่องที่ไม่จริง เรื่องที่มันเป็นเท็จ พ้นจากอวิชชา พ้นจากตัณหาได้ นั่นเอง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
3/24/2019 • 3 minutes, 43 seconds อริยบุคคล 4 คู่ 8 6212-5d บุคคลประเสริฐที่ไม่ใช่คนธรรมดา ๆ ไม่ได้ดูกันที่ผิวดำ ผิวขาว ดูเงินในกระเป๋าว่ามีมากหรือน้อย ไม่ได้ดูว่าขับรถยี่ห้ออะไร แต่คนธรรมดาดูกันที่แต่งตัวยังไง ใช้กระเป๋าเสื้อผ้ายี่ห้ออะไรพระพุทธเจ้าทรงจำแนกบุคคลไว้ 3 ระดับ มี ศีล สมาธิ ปัญญาเป็นตัวแบ่งระดับของบุคคล โดยไม่ได้แบ่งความดีของคนด้วยปัจจัยภายนอก คือทรัพย์สิน เงินทอง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
3/21/2019 • 5 minutes, 18 seconds ให้รางวัลตนด้วยมรรค8 6212-1d ยกกรณีการเกิด โยโย่เอฟเฟค (YOYO Effect)ขึ้นมา เปรียบเทียบสภาวะทางจิตของผู้ที่ตั้งเป้าหมายในชีวิตที่จะทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้สำเร็จ แต่พอสำเร็จแล้ว ทำไมมันถึงคืนคลายกลับมาเป็นอย่างเดิม ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?พฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง นั่นคือ ผัสสะ มันจะก่อให้เกิดเวทนา เวทนาตรงนี้ที่เราเสพติดได้ คำว่า “เสพติด” คือ มีความพอใจ กำหนัด ยินดี ลุ่มหลง เพลิดเพลินไปในพฤติกรรมคือผัสสะแบบนั้น ๆ ก็จึงทำอยู่เรื่อย ๆ ยิ่งทำยิ่งมีเวทนาอย่างนี้มากขึ้น ยิ่งเสพติด ยิ่งพอใจ ยิ่งกำหนัด ยิ่งยินดี จนเกิดเป็น กามนุสัย/กามราคานุสัย เป็นนิสัย เป็นความเสพติดที่ติดอยู่ในจิตใจของเราหลักการที่สำคัญ 3 อย่าง คือ อย่าให้รางวัลตัวเองด้วยเรื่องของกาม, ต้องให้รางวัลตัวเองด้วยเรื่องของมรรค8, เพิ่มกำลังใจของเราให้มีมากขึ้นได้ด้วยการนั่งสมาธิอย่างเป็นรูปแบบ ใคร่ครวญพิจารณาให้เห็นความไม่เที่ยงไปในกายของเรา เห็นเป็นสิ่งที่ไม่น่าดูไม่สวยงาม เห็นโดยความที่มันอาศัยเหตุปัจจัยเกิดขึ้น ผลที่จะเกิดขึ้นนั้น คือ ความคิดที่เป็นไปทางกามที่เราลุ่มหลงเพลิดเพลินอยู่นั่น มันจะค่อยจางลงเบาบางลง จะทำให้เลิกพฤติกรรมอะไรที่มันไม่ดีได้แน่นอน Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
3/17/2019 • 52 minutes, 55 seconds คำว่า “อธิปไตย” ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประการได้ ดังนี้อัตตาธิปไตย หมายถึง การถือตัวเองเป็นใหญ่ โดยไม่นำพาว่าคนอื่นจะเห็นเป็นอย่างไร จึงน่าจะเทียบได้กับคำว่า เผด็จการ คุณชาตที่เกิดโดยทำตนให้เป็นใหญ่ ชื่อว่าอัตตาธิปไตย เธอทำตนเองแลให้เป็นใหญ่ แล้วละอกุศล เจริญกุศล ละกรรมที่มีโทษ เจริญกรรมที่ไม่มีโทษ บริหารตนให้บริสุทธิ์โลกาธิปไตย หมายถึง การถือกระแสโลกเป็นใหญ่ และโลกในที่นี้หมายถึงคน จะเห็นได้ในคำสอนของพระพุทธองค์ที่ตรัสว่า โลกคือหมู่สัตว์ ดังนั้นโลกาธิปไตยตามความหมายนี้เทียบได้กับคำว่า ประชาธิปไตยที่ถือคนส่วนใหญ่เป็นหลัก ทำโลกให้เป็นใหญ่ แล้วละอกุศล เจริญกุศล ละกรรมที่มีโทษ เจริญกรรมที่ไม่มีโทษ บริหารตนให้บริสุทธิ์ธรรมาธิปไตย หมายถึง ถือความถูกต้องเป็นใหญ่ อันถือได้ว่าเป็นหัวใจที่ปรากฏอยู่ได้ทั้งในโลกาธิปไตย และอัตตาธิปไตย เพราะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำกับให้ผู้กระทำไม่ว่าจะถือโลกเป็นใหญ่ตามข้อ 1 หรือถือตัวเองเป็นใหญ่ตามข้อ 2 ดำรงอยู่ได้โดยที่ผู้คนในสังคมยอมรับ ในทางตรงกันข้าม ถ้าไม่มีธรรมาธิปไตยกำกับไม่ว่าจะเป็นโลกาธิปไตย หรืออัตตาธิปไตย ที่มีอำนาจล้นฟ้าแค่ไหนถึงจุดหนึ่งแล้วก็ต้องมีอันพังทลายลง เพราะผู้คนในสังคมมองเห็นภัย และลุกขึ้นมาต่อต้านพร้อมกัน โลกุตรธรรมนั่นแหละให้เป็นใหญ่ แล้วละอกุศล เจริญกุศล ละกรรมที่มีโทษ เจริญกรรมที่ไม่มีโทษ บริหารตนให้บริสุทธิ์ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
3/16/2019 • 56 minutes, 15 seconds โต้ตอบคนพาลด้วยกำลังของบัณฑิต 6210-5d พระพุทธเจ้าทรงเอาชนะความโกรธด้วยความเมตตา เอาชนะคำไม่จริงด้วยคำจริง แล้วการที่จะเอาชนะสิ่งเหล่านั้นได้ สิ่งที่พระองค์ใช้มาตลอดก็คือ “ความอดทน”บนสวรรค์แม้แต่ท้าวสักกะก็ต้องอดทนเมื่อถูกท้าวเวปจิตด่าว่า ซึ่งยกตัวอย่างจาก “เวปจิตติสูตร”บุคคลผู้ไม่โกรธตอบต่อผู้ที่โกรธ ย่อมชื่อว่าชนะสงครามซึ่งเอาชนะได้ยาก ผู้ใดรู้ว่า ผู้อื่นโกรธแล้ว เป็นผู้มีสติระงับไว้ได้ ผู้นั้นชื่อว่าประพฤติประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่ายคนพาล คนโง่ คนไม่มีกำลัง … คนเหล่านี้ไม่มีปัญญา ไม่มีกำลังแต่คิดว่า ตัวเองมีกำลังเลยแสดงพลังของตัวเองด้วยคำด่า คำว่า เพราะคิดว่านั่นคือกำลังของตน แต่เป็นกำลังของคนโง่การอดทนที่ถูกคือ การอดทนแบบมีหิริโอตตัปปะ … มีความเมตตา อดทนต่อกัน เราจะมีสวรรค์เป็นที่ไป มีนิพพานเป็นที่ไป Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
3/7/2019 • 51 minutes, 3 seconds การปล่อยวาง ไม่ใช่ ความไม่สนใจ ความไม่ใส่ใจ ปล่อย ๆ มันไป ละเลย มองไปทางอื่นเสีย ปล่อยทิ้งปล่อยขว้างกระบวนการปล่อยวางที่ถูกต้อง เป็นไปตามลำดับโดยรายละเอียดอย่าเอาตัณหากับมรรค 8 มาสับสนกัน เพราะว่าถ้าเราเอามาสับสนกันมากเท่าไหร่ ในการกระทำการประพฤติปฏิบัติของเรามันจะกลายเป็นการเพิ่มพูนตัณหา แต่กิจที่ควรทำในเรื่องของตัณหามันแตกต่างกันกับมรรค 8 เพราะตัณหานั้นพระพุทธเจ้าให้ละ ให้ทิ้ง ให้อย่าไปใส่ในมัน ให้ปล่อยปละละเลยมัน ให้มองไปทางอื่นเสีย ปล่อยทิ้งปล่อยขว้างมันเราจะวางสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มันต้องวางที่ตัวตัณหา เพราะว่าถ้าเมื่อไรก็ตามที่เราละตัณหาได้ ทิ้งมันได้ ปล่อยมันได้ ไม่ถือเอาไว้ซึ่งตัณหาเหล่านี้แล้ว ขันธ์ 5 คือ ความทุกข์ทั้งหลายก็เป็นเหมือนละไปด้วย เหมือนทิ้งไปด้วย วางได้ปล่อยได้ สลัดคืนได้ เพราะอาศัยเหตุปัจจัยคือ ละ ทิ้ง วาง สละ ปล่อยคืนแล้วซึ่งตัณหา และเพราะว่าทั้งสองอย่างนี้มันพ่วงกันอยู่ มันติดกันอยู่ อันหนึ่งคว่ำ อีกอันหนึ่งก็คว่ำไปด้วย อันที่เป็นเหตุคว่ำไปนั้นคือตัณหา ความทุกข์ก็เป็นอันหลุด ละ เลิก ถอนไปได้ด้วยเหมือนกัน Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
3/3/2019 • 54 minutes, 13 seconds การให้ทานที่ให้ผลมาก 6208-5d ทำอย่างไรการให้ทานจึงจะได้ผลและอานิสงส์มากทานสูตร กล่าวถึงองค์ประกอบของผู้ให้ทานและผู้รับทานคำสอนของพระพุทธเจ้าสามารถช่วยรักษาใจยามเจ็บป่วยได้ หมอก็รักษาเราได้แค่ตอนนี้ …รักษาตามอาการ…แต่ธรรมะของพระพุทธเจ้ารักษาใจไม่ให้วุ่นวาย แม้กายจะเจ็บปวด…ซึ่งความรู้ที่ทำให้จิตใจสูงขึ้นมาอดทนขนาดนั้นได้ คือ การรู้เรื่องอริยสัจ 4 Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
2/21/2019 • 51 minutes, 54 seconds สิ่งที่ยากยิ่งกว่าแทงขนทราย 6207-1d พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ยังมีการแทงตลอดอันยากยิ่งไปกว่าการที่ยิงลูกศรให้เข้าไปติด ๆ กันโดยรอดช่องดาลอันเล็กแต่ที่ไกลได้ไม่ผิดพลาด กับ การแทงปลายขนทรายด้วยปลายขนทรายที่แบ่งออกแล้วเป็น 7 ส่วน นั่นคือ บรรดาคนที่แทงตลอดตามความเป็นจริงซึ่งอริยสัจสี่เปรียบเทียบให้เห็นรายละเอียดถึงความยากใน 4 นัยยะคำว่า “ยาก” ไม่ได้หมายความว่าทำไม่ได้ แต่ต้องอาศัยการฝึกฝน ถ้าเราสร้างเหตุปัจจัยให้มันเกิดขึ้นได้ ลำบากหรือสบายก็ไม่ว่าอะไร ขยันก็ทำ ขี้เกียจก็ทำ แต่ให้ทำ; ทำคือ สร้างเหตุปัจจัยในการที่จะรู้อริยสัจสี่ มันมีอยู่ ถ้าเส้นทางมีอยู่ เหตุปัจจัยมีอยู่ อะไรก็ไม่ยากใครก็ตาม ที่ทำตามกระบวนการนี้ อาศัยศรัทธา จะมีความเพียรในการทำจริงแน่วแน่จริง ในการฝึกฝน ในการที่จะทำอยู่อย่างต่อเนื่อง ในการที่จะไม่ย่อท้อต่อความลำบากหรือสบาย ทำแล้วมีสติ มีสมาธิ มีปัญญาเกิดขึ้น ชีวิตเราไปตามทางดีแน่นอน เป็นประโยชน์กับทั้งกับตัวเองและผู้อื่น เป็นประโยชน์กับคนหมู่ใหญ่ ถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อย แต่ว่าคุ้มค่ามาก Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
2/10/2019 • 48 minutes, 20 seconds เหตุที่ทำให้อายุยืน 6206-1d “มนุษย์ผู้มีสติอยู่ทุกเมื่อ รู้จักประมาณในโภชนะที่ได้มา ย่อมมีเวทนาเบาบาง เขาย่อมแก่ช้า ครองอายุได้ยืนนาน ฯ”…โทณปากสูตรที่ ๓นมนุษย์ทั้งหลาย ความที่มี อายุ วรรณะ โภคสมบัติ ลาภยศ ฯลฯ เป็นสิ่งที่น่าปรารถนา น่าใคร่น่าพอใจ ต้องการแสวงหา ในที่นี้จะเฉพาะเจาะจงมาในเรื่องของ “อายุ” ว่าเหตุที่จะทำให้อายุยืนมันคืออะไรซึ่งพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ในหลายพระสูตร ได้แก่ จูฬกัมมวิภังคสูตร , อนายุสสสูตร เป็นต้นการรู้จักอยู่ในที่มีอากาศสบาย สถานที่สะอาดเรียบร้อย และรู้จักระงับสติอารมณ์ไม่ให้มีความวิตกกังวล หรือขุ่นเคืองอยู่ในใจ ชื่อว่ารู้จักทำความสบายแก่ตนเอง เมื่อได้รับสิ่งที่สบายแก่ตนเอง ก็ต้องรู้จักประมาณ คือรู้จักความพอดีในสิ่งนั้น ไม่ทำตนให้สบายเกินไป อย่างนี้เรียกว่า รู้จักประมาณในสิ่งที่สบาย การบริโภคอาหารที่ละเอียดอ่อน เคี้ยวอาหารให้ละเอียด ชื่อว่าบริโภคอาหารที่ย่อยง่าย การทำสิ่งใดรู้จักทำเป็นเวลา ทำพอเหมาะแก่เวลา พักผ่อนพอเหมาะแก่เวลา กินนอนเป็นเวลา อย่างนี้ชื่อว่าประพฤติเหมาะในเรื่องเวลา ผู้เป็นบรรพชิตถือพรหมจรรย์ ผู้เป็นคฤหัสถ์ รู้จักประมาณในกามกิจ ไม่มักมากในกาม ชื่อว่าถือพรหมจรรย์ ผู้ที่ปฏิบัติตามหลักอายุวัฒนธรรมดังกล่าวนี้ได้ ย่อมจะเป็นผู้ที่มีอายุยืน Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
2/3/2019 • 52 minutes, 40 seconds เชิญชวนปฏิบัติธรรมที่วัดป่าดอนหายโศก 6205-3d วัดป่าดอนหายโศก เป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งที่ 5 ของจังหวัดอุดรธานี จัดให้มีการปฏิบัติธรรมทุกเดือน โดยใช้เวลา 7 วัน รวมวันเดินทางไปกลับเป็น 9 วัน สามารถดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ donhaisok.coคำสอนในธรรมวินัยนี้ มีระเบียบขั้นตอนการปฏิบัติเป็นไปตามลำดับของอริยมรรคมีองค์แปด มีความลึกล้ำแยบคายลงไปเป็นขั้นๆ เหมือนกับไหล่ทะเลที่จะลาดเอียงลงไปๆ ไล่มาจากศรัทธา ศีล การเสพเสนาสนะอันสงัด โดยอาศัยการอยู่หลีกเร้น โดยอาศัยการอยู่วิเวก การฝึกตั้งสติ เมื่อสติมีกำลัง จิตมีอารมณ์อันเดียว มีสมาธิ แล้วจึงจะสามารถใคร่ครวญในใจ มีการพิจารณาโดยแยบคาย ซึ่งคำสอนของผู้รู้ทั้งหลายได้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในเรื่องของอริยสัจสี่ขอเชิญชวนให้ท่านผู้ฟังลองมาปฏิบัติธรรมดู ข้าพเจ้านั่นแหละจะเป็นคนสอนให้ สอนกันแบบนี้มันไม่เห็นหน้า มันไม่เห็นตัว มาที่วัดปฏิบัติธรรม เห็นกัน ปฏิบัติกันจริง ๆ เราจะสามารถทำมรรคผลนิพพานให้แจ้งได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
1/29/2019 • 55 minutes, 19 seconds เมื่อใคร่ครวญถึงการตั้งเป้าหมายจุดหมายของการต่อสู้แล้ว จะขมวดลงมาได้เป็น 2 แบบ คือ เป้าหมายจุดหมายที่ผิดหรือที่ถูก และเส้นทางที่ไปสู่เป้าหมายจุดหมายนั้นก็มี 2 อย่างเช่นกัน คือ ผิดทาง (มิจฉามรรค) หรือว่า ถูกทาง (อริยมรรค)ฉะนั้น เมื่อเจอความทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งต้องเลี้ยวขวา เลี้ยวขวานั้นเป็นอุปมาอุปไมยของทางที่จะไปสู่ทางที่ดี อย่าด่าเขา ให้อดทนเอา ให้ต้องจิตเอาไว้ให้ถูก พูดดี ๆ กันเป็นสัมมาวาจา นี่เลี้ยวมาถูกทาง ถ้าเลี้ยวมาถูกทางเป็นทางดีพระพุทธเจ้าตอนเป็นโพธิสัตว์ ท่านก็ต่อสู้ ฝ่าฟัน อดทน ตั้งเป้าหมายไว้ถูกแล้ว คือ แสวงหานิพพาน ต่อสู้เอาอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ นี้คือสูงสุดแล้ว เพราะไม่ได้แสวงหาความทุกข์มาทับถมตัวเอง แต่ว่าถ้าไปผิดทาง เป็นไปเพื่อมิจฉามรรค ก็จะเป็นไปดังที่พระองค์ทรงกล้าวแก่พระสารีบุตรข้างต้น เพราะ ว่าทำทุกรกิริยา นี้เป็นมิจฉามรรค ตั้งเป้าหมายไว้ถูกอยู่ก็จริง ถ้าไปผิดทาง ก็ไปไม่ได้ ตันตึก เป็นความทุกข์ความโศก ความเร้าร้อน เพราะไปไม่ถูกทาง จึงแก้ไขตนเอง เปลี่ยนแปลงจากเรื่องของมิจฉามรรค มาปฏิบัติตามทางสายกลางคือ อริยมรรคมีองค์ 8 ปฏิบัติตามถูกทางแล้วที่แหละ สร้างทางใหม่ขึ้นมา ซึ่งก็คือทางเดิมที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายท่านได้ดำเนินเอาไว้แล้ว ปรับปรุงแก้ไขให้มันดีขึ้นมา เป็นทางที่เกษม ที่ปลอดภัย ที่โล่งได้ บอกประกาศมาจนถึงทุกวันนี้“…ถึงแม้ไม่รู้ว่าจุดหมายฉันต้องการอะไร ไม่รู้ว่าเราเกิดมาทำไม อยู่เพื่ออะไร แต่อย่างน้อยถ้าคุณปฏิบัติเดินตามทาง คือ อริยมรรคมีองค์ 8 คุณจะปลอดภัย…” Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
1/20/2019 • 43 minutes, 31 seconds ฐานที่ตั้งแห่งความเพียร หรือ เกียจคร้าน 6203-1d ลักษณะความแตกต่าง 8 อย่างระหว่าง ผู้มีลักษณะแห่งความเกียจคร้าน (กุสีตวัตถุ) และผู้มีลักษณะแห่งการทำจริง แน่วแน่จริง (อารัพภวัตถุ)เหตุการณ์เดียวกัน เปรียบเหมือนเหรียญเดียวกัน แต่คนละด้าน สถานการณ์เดียวกัน แต่มองคนละมุม คนหนึ่งมองติดอยู่อยู่แค่เรื่องอาหาร เรื่องการเดินทาง เรื่องการงาน เรื่องโรคภัยไข้เจ็บ..แต่อีกคนหนึ่งเห็นโอกาสแห่งการที่จะตั้งไว้ซึ่งความเพียรได้…เหตุการณ์อย่างเดียวกัน คุณใช้เป็นข้ออ้างในการที่จะกระทำชั่วก็ได้ เหตุการณ์อย่างเดียวกัน คุณใช้เป็นที่ตั้งที่จะทำความดีก็ได้ในขันธ์ 5 มีทั้งส่วนที่เป็นมิจฉามรรคที่เป็นไปในทางต่ำ ทั้งความขี้เกียจ และส่วนที่เป็นอริยมรรค ที่จะไปทางสูง เป็นที่ตั้งในการที่จะทำความเพียรได้ โดยในพระสูตรนี้ยกเอา 4 คู่นี้ขึ้นมาพูดอธิบายให้เห็น…สามารถขยายความมาในขันธ์ 5 ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสุขเวทนา หรือทุกขเวทนา ไม่ว่าจะเป็นสัญญาความคิดนึกที่มันเป็นกุศลหรืออกุศลโผล่ขึ้นมาได้…เราจึงต้องไม่ตามความคิดที่ไม่ดี แต่ให้เราเอาตรงนี้มาเป็นที่ตั้งในการปรารภความเพียร ยิ่งทำสติให้มันมีมากขึ้น ไม่ตามสิ่งที่ไม่ดีนั้นไป สัญญาด้วย สังขารด้วย วิญญาณด้วย ตั้งไว้ให้มันดี ให้มันถูก ให้มันชอบ สามารถที่จะไม่ไปตามมิจฉามรรคเมื่อเราฟังเรื่องราวที่เป็นองค์ประกอบตรงนี้ ให้คิดไตร่ตรองใคร่ครวญว่า เราเป็นแบบไหนกัน? เหตุการณ์นี้เราจะใช้เป็นฐานที่ตั้งสำหรับในการทำอะไร? Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
1/13/2019 • 1 hour, 20 minutes, 24 seconds “การเบียดเบียน” หมายถึง ความคิดประทุษร้ายให้คนอื่นนั้นได้ไม่ดีอย่างใดอย่างหนึ่ง นั่นคือการเบียดเบียนผู้อื่น ส่วนการเบียดเบียนตัวเองนั้น คือ การคิดให้ตัวเองได้ไม่ดีอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น การน้อยเนื้อต่ำใจ โทษตัวเอง ความขี้เกียจ ความโกรธ ความไม่พอใจ ฯลฯ โดยเป็นความคิดตริตรึกไปในทางเบียดเบียน ซึ่งบางทีอาจจะไม่ได้เจตนา แต่กิเลสมันพาไป และการที่ไม่ตริตรึกในทางที่จะไม่เบียดเบียนคนอื่น นั่นเป็นสัมมาสังกัปปะ“การกระทบกระทั่ง” ซึ่งเราอยู่ในโลกในสังสารวัฏ มันมีการกระทบกระทั่งกันแน่นอน ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจจะเบียดเบียนการเบียดเบียน การกระทบกระทั่ง มีหลายระดับ คือ การเบียดเบียนโดยตรง ทางอ้อม การเบียดเบียนในทาง Supply chain ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หรือการทำตนเองให้ลำบากโดยไม่จำเป็นการกังวลต่อบาปมากเกินไป นั่นไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง แต่ความกลัวความละอายต่อบาป คือ หิริโอตตัปปะ นั้นต้องมี จะอยู่ในระดับไหนถึงเหมาะสมกับการที่จะให้ชีวิตของเราดำเนินไปได้ เพราะการเบียดเบียน การกระทบทั่งกันในสังสารวัฏ มันมีแน่นอน ที่จะไม่กระทบกัน ไม่มีแน่นอนถ้าเราปฏิบัติตามมรรคแปดได้ กระบวนการเบียดเบียนที่มันมีอยู่ กระทบกระทั่งกันให้เกิดความพอใจบ้าง ไม่พอใจบ้าง มันก็จะค่อยลดลงได้ ๆ ตามขั้นตอน Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
1/8/2019 • 49 minutes, 59 seconds รู้ดีก็ได้ดี รู้ไม่ดีก็ได้ไม่ดี 6202-1d พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ใน สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ว่า . . .“ยาทิสํ วปเต พีชํ ตาทิสํ ลภเต ผลํ กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ บุคคลหว่านพืชเช่นไร ย่อมได้ผลเช่นนั้น ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้รับผลดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้รับผลชั่ว”มรรคมีองค์แปดนั่นเป็นความดี เป็นความงาม เป็นกัลยาณธรรม เป็นกัลยาณวัตร คือ เป็นข้อปฏิบัติที่ดี ศีลสมาธิปัญญา ทานศีลภาวนา ต้องรักษาศีลห้า อย่างน้อยๆ ที่สุดที่จะถึงความดีตรงนั้นได้ก็คือการทำสมาธิขั้นใดขั้นหนึ่งให้เกิดขึ้น การทำให้จิตเป็นอารมณ์อันเดียว รู้จักปล่อยวาง เห็นความตั้งอยู่ไม่ได้ของธรรมต่างๆ บ้าง มีการทำจริงแน่วแน่จริง การรู้จักใช้จ่ายประหยัดมัธยัสถ์ การที่ทำให้จิตเป็นอารมณการที่พูดจาไม่ว่ากันให้ร้ายกัน การที่มีความคิดปรารถนาดีกัน เหล่านี้เป็นความดีแน่นนอน“สุวิชาโน ภวํ โหติ สุวิชาโน ปราภโว” แปลว่า ผู้เจริญก็รู้ได้ง่าย ผู้เสื่อมก็ดูรู้ได้ ผู้ที่มีความใคร่ชอบพอในการฟังธรรมของพระอริยะเจ้ามีจิตโน้มน้อมมาทันที รู้ได้ทันทีว่าคนนี้ต่อไปเจริญแน่ ส่วนผู้ที่มีความเกลียดธรรม ไม่อยากฟังธรรม เป็นคนขี้เกียจ มีอธรรมอยู่ในใจ เราดูรู้ได้เลยว่าคนนี้ต่อไปหรือทำกิจการงานต่อไปเสื่อมแน่นอน นี่คือ ความรู้ได้ง่ายสุวิชาโน Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
1/6/2019 • 31 minutes, 1 second เรื่องเกี่ยวกับภิกษุณี 6201-3d เกร็ดความรู้จากหนังสือ “เรื่องเกี่ยวกับภิกษุณี” บทประพันธ์โดยสมเด็จพระวันรัต (ท่านจุทน์ พฺรหฺมคุตฺโต)ว่าด้วยความเป็นมาของภิกษุณี, วิธีอุปสมบทภิกษุณี, คุณสมบัติของการอุปสมบทเป็นภิกษุณี, ศีลของภิกษุณี, ความเกี่ยวข้องระหว่างภิกษุกับภิกษุณี, เหตุผลที่พระพุทธเจ้าทรงวางกฏเกณฑ์การอุปสมบทภิกษุณี, สถานภาพของภิกษุณี, การพ้นภาวะภิกษุณี, ภาษิตของพระเถรี, ภิกษุณีในประเทศไทย และสตรีที่บวชในพระพุทธศาสนาธรรมบทแปลเรื่อง “พระอุบลวรรณาเถรี” ซึ่งเป็นผู้ที่มีความเป็นเลิศในด้านฤทธิ์ เปรียบเทียบไว้กับพระมหาโมคคัลลานะ ซึ่งเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายของพระพุทธเจ้า และเป็นต้นบัญญัติศีล ที่ห้ามภิกษุณีอยู่ในป่า Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
1/1/2019 • 57 minutes, 46 seconds ทบทวน ใคร่ครวญ เพื่อปัญญาอันแจ่มแจ้ง 6152-7d ทบทวนกับคำสอนที่ใช้อุปมาอุปไมยของพระพุทธเจ้า ในรอบปีที่ผ่านมาในช่วงท้ายรายการ พระอาจารย์มหาไพบูลย์ อภิปุณฺโณ ได้ให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตเพื่อต้อนรับศักราชใหม่ปี พ.ศ. 2562 ไว้ว่า“แต่ละรอบที่ผ่านไป ๆ อันนี้ก็คือสั้นลง ๆ เราก็เข้าถึงจุดที่จะมีการเปลี่ยนแปลง เทวฑูตปรากฏแน่ไม่อันใดก็อันหนึ่ง ในเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่จุดใดจุดหนึ่ง เราต้องเป็นผู้ที่ไม่ประมาท ลองทบทวนดูว่า ชีวิตของเราเป็นอย่างไรบ้าง ดีมีขึ้นบ้างมั้ย อะไรที่มันไม่ดีแล้วสละออกได้บ้างมั้ย ทบทวนใน 4 อย่าง พระพุทธเจ้าอธิบายในเรื่องการใคร่ครวญแล้วให้มันมาถูกทางในการทำจริงแน่วแน่จริงที่ไม่ดีไม่เคยมี แล้วมันมีเพิ่มขึ้นมั้ย เราป้องกันอย่าให้มันมีที่ไม่ดีที่มีอยู่ลดลงบ้างมั้ยความดีอะไรที่มีอยู่ พัฒนาขึ้นมั้ยและความดีอะไรที่เราไม่มีเลย คุณฝึกทำได้มั้ย มีเพิ่มขึ้นมั้ยทบทวนดู ตรงไหนมีรูรั่วเราแก้ไข พอเราทบทวนอย่างนี้ ถือว่าวันคืนที่ผ่านไปไม่สูญเปล่า อาตมาก็อยากจะอวยพรให้ท่านผู้ฟังทั้งหลายเป็นผู้ที่สามารถตั้งตนได้ ตั้งตนได้ให้อยู่ในศีล ตั้งตนได้ให้อยู่ในสติ พอเราตั้งต้นในศีลในสติแล้ว มีปัญญารักษาตัว ปัญญาที่รักษาตัวของเราจะเป็นเหมือนกับเกราะป้องกันสิ่งต่างๆที่เป็นภัยอันตรายให้แคล้วคลาดปลอดภัย สติที่เรามี เราจะมีดวงตาที่จะเห็นช่องทางที่ทำกิน เห็นช่องทางในการที่จะไปให้รอดพ้น ให้มีความสำเร็จในชีวิตได้แน่นอน ขออวยพรทุกท่านทุกคนเลย….เจริญพร” Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
12/29/2018 • 56 minutes, 52 seconds ว่าด้วยเรื่องคนถ่อย 6152-1d “บุคคลไม่เป็นคนถ่อยเพราะชาติ ไม่เป็นพราหมณ์เพราะชาติ แต่เป็นคนถ่อยเพราะกรรม เป็นพราหมณ์เพราะกรรม ท่านจงรู้ข้อนั้น ตามที่เราแสดงนี้”พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสกับอัคคิกภารทวาชพราหมณ์ไว้ใน วสลสูตร ว่าด้วยเรื่องคนถ่อยและธรรมเป็นเครื่องกระทำให้เป็นคนถ่อย 20 ข้อ อัคคิกภารทวาชพราหมณ์เมื่อได้ฟังธรรมนั้นเกิดความเลื่อมใสขึ้นเป็นอย่างมาก ได้เปลี่ยนจากมิจฉาทิฏฐิมาเป็นสัมมาทิฏฐิ "ปรียบเหมือนหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง หรือตามประทีปไว้ในที่มืด ด้วยหวังว่า คนมีจักษุ จักเห็นรูปได้" และได้ประกาศตนเป็นอุบาสก ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะไปตลอดชีวิต Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
12/23/2018 • 53 minutes, 17 seconds ความบากบั่นพากเพียรย่อมมีผลด้วยอำนาจเหนือจิต พระพุทธเจ้าตรัสไว้เป็นอุปมาอุปมัยใน เทวทหสูตร ปรารภเหล่าปริพาชกที่ทำความเพียรชนิดที่ไร้ผล ยกตัวอย่างของบุรุษผู้หนึ่ง ที่กล่าวถึง “ความบากบั่น ความพากเพียร จะมีผลขึ้นมาได้” จิตของเราที่ตกอยู่ในอำนาจราคะ โทสะ หรือโมหะ ไปตามอำนาจของจิตแล้ว พาเราไปทุกข์ได้ พาเราไปลงนรก เปตรวิสัย กำเนิดเดรัจฉานก็ได้ พาไปได้หมด เพราะไปตามอำนาจของจิตแล้ว จะทำอย่างไรให้เราทำจิตให้อยู่ในอำนาจ ไม่ให้เราตกไปตามอำนาจของจิต พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ใน “ธรรมที่ทำความเป็นผู้มีอำนาจเหนือจิต” 7 ประการ คือต้องเป็นผู้ฉลาดในสมาธิต้องเป็นผู้ฉลาดในการเข้าสู่สมาธิต้องเป็นผู้ฉลาดในการดำรงอยู่ในสมาธิต้องเป็นผู้ฉลาดในการออกจากสมาธิต้องเป็นผู้ฉลาดในความเหมาะสมแห่งสมาธิต้องเป็นผู้ฉลาดในธรรมเป็นโคจรแห่งสมาธิต้องเป็นผู้ฉลาดในอภินิหารแห่งสมาธิ ให้ฉลาดในธรรมอันเป็นโคจรแก่สมาธิ สมาธิเราจะเพ่งจดจ่อลงไปให้มันดีได้ ให้มันเข้าถึงเหตุผลที่แท้จริงเป็นโยนิโสมนสิการได้ ต้องมีการคบเพื่อนดี ต้องมีการรู้ประมาณในการบริโภค ต้องมีการอยู่หลีกเร้น ต้องมีการสำรวมอินทรีย์ ต้องมีการอยู่ง่าย กินง่าย สันโดษในบริขารแห่งชีวิต ประกอบอยู่ในธรรมอันเป็นเครื่องตื่น ฟังธรรมอยู่เนืองนิตย์ พวกนี้จะเป็นธรรมะที่เหมาะสมแก่สมาธิ จะทำให้เราทำจิตให้อยู่เหนืออำนาจได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
12/16/2018 • 48 minutes, 28 seconds ธรรมะรับอรุณ Live : กิเลสเครื่องเศร้าหมอง 6150-7d กิเลส หมายถึง เครื่องเศร้าหมองหรือสิ่งที่ไม่ดีซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดทุกข์ เช่น ตัณหา อวิชชา อาสวะ เป็นต้น จัดอยู่ในอริยสัจข้อที่สองคือ “สมุทัย” หรือ “เหตุเกิดแห่งทุกข์” ทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่จะเป็นไปตามอำนาจของกิเลส สามารถแบ่งกิเลสออกเป็น 3 กองใหญ่ ๆ ได้ดังนี้โทสะ เป็นกิเลสกองที่ทำให้เราเกิดความโกรธ เร่าร้อน รุ่มร้อน ขัดเคืองใจ2. โลภะหรือราคะ เป็นกิเลสกองที่ทำให้เราเกิดความหิว ความอยากได้3. โมหะ เป็นกิเลสกองที่ทำให้เราเกิดความมืดบอด มีหมอกหรือควันบดบังทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจน จนกลายเป็นความไม่รู้หรือเห็นผิดได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
12/15/2018 • 58 minutes, 31 seconds "ปฏิปทา" แปลว่า ทางดำเนิน ข้อปฏิบัติ แนวทางปฏิบัติ ความประพฤติ ในทางธรรมเพื่อบรรลุคุณวิเศษ คือ มรรคผล นิพพาน มักปรากฏต่อท้ายคำอื่นๆ เช่น มัชฌิมาปฏิปทา ทุกขนิโรธปฏิปทา เป็นต้น ส่วนปฏิปทาในทางโลกมักถูกนำมาใช้ในความหมายว่าความประพฤติ และใช้กับความประพฤติที่ดีงาม ไม่ใช้กับความประพฤติที่ไม่ดี เช่นว่า "เขาเป็นคนมีปฏิปทาอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว" หมายความว่าเขาเป็นคนมีความประพฤติที่ดี เช่น ชอบช่วยเหลือคนอื่น มีอัธยาศัยดี หรือมีอุปนิสัยใจคอตามที่แสดงออกมาเช่นนั้นปฏิปทาแบ่งออกเป็น 4 ประการดังนี้ทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ปฏิบัติลำบาก และรู้ได้ช้า กว่าจะบรรลุธรรมพิเศษก็ใช้เวลานาน เช่น พระจักขุบาล เลือกทำวิธีบำเพ็ญเพียรโดยไม่นอนตลอด 3 เดือนจนตาบอด จึงบรรลุอรหัตตผลทุกขาปฏิปทาขิปปาภิญญา ปฏิบัติลำบาก แต่รู้ได้เร็ว เช่น พระโสณโกฬิวิสะ เดินจงกรมจนฝ่าเท้าแตก, พระปูติคัตตะบำเพ็ญเพียรในขณะอาพาธได้รับความลำบากโดยเอาทุกขเวทนามาพิจารณาจนบรรลุพร้อมทั้งนิพพานไปด้วย เรียกว่า “ชีวิตสมสีสี” ดับจิตสังขารพร้อมกิเลสสุขาปฏิปทาทันธาภิญญา ปฏิบัติสะดวก แต่รู้ได้ช้า เช่น พระจูฬปันถกถูกพระพี่ชายให้ปฏิบัติวิธีที่ไม่ถูกจริตจึงไม่บรรลุ ตราบได้รับคำแนะนำจากพระพุทธเจ้าให้บำเพ็ญเพียรโดยลูบคลำผ้าขาวไปเรื่อยๆก็บรรลุได้สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา ปฏิบัติสะดวก และรู้ได้เร็ว เช่น พระพาหิยทารุจีริยะ ปฏิบัติตามพระธรรมเทศนาที่พุทธองค์ตรัสก็บรรลุที่ตรงนั้นเลย Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
12/14/2018 • 51 minutes, 57 seconds เข้าใจความหมายและรายละเอียดของ “อวิชชา”เหตุปัจจัยและวีธีแก้ เพื่อให้เกิดความรู้คือ “วิชชา” ได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
12/8/2018 • 57 minutes, 36 seconds พระอานนท์ ผู้เป็นเอตทัคคะในทางพหูสูต ได้กราบทูลขอพรจากพระพุทธเจ้าก่อนที่จะรับทำหน้าที่เป็นพุทธอุปัฏฐาก 8 ประการพหูสูตมีองค์ 5 (คุณสมบัติที่ทำให้ควรได้รับชื่อว่าเป็น “พหูสูต”)ด้วยเหตุเพียงเท่าไร ภิกษุจึงจะเป็นผู้ใคร่ครวญได้เร็วในกุศลธรรมทั้งหลาย เรียนได้ดี เรียนได้มาก และสิ่งที่เธอเรียนแล้วย่อมไม่เลือนไป Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
12/7/2018 • 57 minutes, 3 seconds “เมถุนสูตร” ว่าด้วยชานุสโสณีพราหมณ์ได้กราบทูลถามถึงความบริสุทธิ์บริบูรณ์แห่งพรหมจรรย์ของพระพุทธองค์อะไรชื่อว่าความขาด ทะลุ ด่าง พร้อย แห่ง พรหมจรรย์ ฯเปรียบเทียบส่วนต่างระหว่างการประพฤติพรหมจรรย์กับเมถุนธรรม (ศีลข้อที่ 3 ในศีลห้าและในศี ลแปด)ข้อแตกต่างระหว่างความชื่นชมยินดีมีความปลื้มใจไปในกามคุณทั้งหลายกับความมุทิตา (การอนุโมทนา)เจริญอสุภะสัญญา เพื่อละความกำหนัดเพลิดเพลินในเมถุนธรรม Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
12/2/2018 • 53 minutes, 32 seconds ศรัทธา คือ พลังที่จะก่อให้เกิดการบรรลุธรรมรายละเอียดเกี่ยวกับศรัทธาที่ตั้งไว้ในแง่มุมทั้งผิดและถูกเหตุปัจจัยและตัวอย่างการปฏิบัติให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
12/1/2018 • 1 hour, 2 minutes, 29 seconds สาเหตุที่แท้จริงของความทุกข์หรือจิตที่วุ่นวาย เมื่อต้องข้องแวะกับปัญหาและสิ่งรอบตัวต่างๆ ที่เข้ามากระทบเข้าใจความหมายและรายละเอียดของ “สังโยชน์”ขบวนการที่จะรักษาจิตให้หลุดพ้นจากความทุกข์ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
11/30/2018 • 59 minutes, 22 seconds สภิยะผู้ข้ามพ้นสงสัย 6148-1d สภิยสูตร ว่าด้วยพระพุทธเจ้าทรงตอบปัญหาของสภิยปริพาชกถึง 20 คำถาม (โดยแบ่งคำถามเป็น 5 ส่วน ๆ ละ 4 คำถาม)คำ ตอบของทุกคำถามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสตอบ รวมลงมาที่ความพ้นทุกข์ (ทางพ้นทุกข์)ทั้งสิ้น มีความสวยงามทางด้านภาษาศาสตร์ มีความใกล้เคียง คล้องจอง มีความหมายต่อเนื่องกันจนรวมลงที่นิพพานได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
11/25/2018 • 1 hour, 3 minutes, 51 seconds โพชฌงค์เจ็ด (ตอนที่ 2): เจริญโพชฌงค์ตามกาล 6147-7d การใช้งาน “โพชฌงค์เจ็ด” อย่างเหมาะสม ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
โพชฌงค์เจ็ด (ตอนที่ 1): องค์ธรรมแห่งการตรัสรู้ธรรม โพชฌงค์เจ็ด จะสามารถเกิดขึ้นได้นั้นจะต้องเริ่มจากการตั้งสติให้ดีเป็นหลักเสียก่อน อีกทั้งต้องมีการฝึกปฏิบัติเป็นขั้นเป็นตอน สะสมทีละเล็กทีละน้อยอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นการพัฒนาให้ละเอียดจนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยการทำจากไม่มีให้มี ทำจากไม่ดีให้ดีขึ้นมา เราเรียกขั้นตอนนี้ว่า “ภวิตา” นั่นเอง การปฏิบัติในแต่ละอย่างของโพชฌงค์เจ็ดนั้น ควรต้องปฏิบัติในลักษณะอยู่ในความวิเวกด้วยกายและจิต ไม่ข้องแวะกับสิ่งที่ไม่ดี เป็นอกุศลธรรม ปราศจากความคลายกำหนัด (วิราคะ) เพื่อจิตที่น้อมไปในการปล่อยวาง คลายความยึดถือจากสิ่งที่เป็นทุกข์ และสามารถใช้โพชฌงค์เจ็ดเพื่อพัฒนาให้อริยมรรคมีองค์แปดเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้เราควรจะสร้างกำลังใจในการปฏิบัติธรรมโดยมีสรณะ ที่พึ่ง ที่ระลึกถึง โดยการตั้งศรัทธาไว้ในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ปลูกศรัทธาขึ้น โดยใช้ทุกข์เป็นที่ตั้งของศรัทธาเราจะเห็นทุกข์ได้โดยมีปัญญา หรือ “โยนิโสมนสิการ” Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
11/23/2018 • 26 minutes, 12 seconds ทิศทั้งหกประกอบด้วยอะไรบ้างบทบาทหน้าที่ในทิศทั้งหก ทั้งเชิงอนุเคราะห์และพึงบำรุง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
11/17/2018 • 28 minutes, 30 seconds ปรายนสูตร รู้ยิ่งซึ่งธรรมที่ควรรู้ยิ่ง 6146-1d หัวข้อการสนทนากันของภิกษุผู้เถระ ณ ป่าอิสิปตนะมฤคทายวัน เกี่ยวกับเรื่องที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ซึ่งปัญหาของเมตเตยยมาณพในปรายนสูตร“ผู้ใดทราบส่วนสุดทั้งสองด้วยปัญญาแล้ว ไม่ติดอยู่ในส่วนท่ามกลาง เรากล่าวผู้นั้นว่าเป็นมหาบุรุษ ผู้นั้นก้าวล่วงเครื่องร้อยรัดในโลกนี้ได้แล้ว…”…อะไรเป็นส่วนสุดที่ 1, อะไรเป็นส่วนสุดที่ 2, อะไรเป็นส่วนท่ามกลาง แลอะไรเป็นเครื่องร้อยรัดคำตอบของพระภิกษุทั้ง 6 รูป พระพุทธองค์กล่าวว่าทั้งหมดเป็นสุภาษิตโดยปริยาย แต่ท่านหมายเอาข้อความที่ได้กล่าวไว้กับเมตเตยยมาณพในปรายนสูตรเหตุใดภิกษุจึงชื่อว่า “ย่อมรู้ยิ่งธรรมที่ควรรู้ยิ่ง กำหนดรู้ธรรมที่ควรกำหนดรู้” Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
11/11/2018 • 41 minutes, 14 seconds วิธีจัดการกับโลกธรรม 6145-7d ความหมายของคำว่า “โลกธรรมแปด”วิธีจัดการกับโลกธรรม เพื่อถึงซึ่งความพ้นทุกข์ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
11/10/2018 • 1 hour, 2 minutes, 7 seconds ความหมายโดยละเอียดของคำว่า “อุตตริมนุสสธรรม”“อุตตริมนุสสธรรม” ในแง่มุมของการ “อวด” “แสดง” และ “พัฒนา”ธรรม 6 ประการที่เป็นคู่เปรียบ ซึ่งทำให้ “อุตตริมนุสสธรรม” สามารถเกิดขึ้นและไม่เกิดขึ้นได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
11/9/2018 • 29 minutes, 55 seconds ผู้ปฏิบัติชอบในบุคคล 4 จำพวก 6145-1d บุคคลใดปฏิบัติผิดในบุคคล 4 จำพวกนี้ คือ ประพฤติปฏิบัติผิดในมารดา, บิดา, พระตถาคต และ สาวกของพระตถาคต ย่อมเป็นคนพาล ไม่ฉลาด ไม่ใช่สัตบุรุษ ย่อมบริหารตนให้ปราศจากคุณสมบัติ เป็นผู้ประกอบด้วยโทษ ทั้งนักปราชญ์ติเตียน และย่อมประสบกรรมที่มิใช่บุญเป็นอันมากส่วนบุคคลใดปฏิบัติชอบในบุคคล 4 จำพวกนี้แล ย่อมเป็นบัณฑิตฉลาด เป็นสัตบุรุษ ย่อมบริหารตนไม่ให้เสื่อมเสีย เป็นผู้ไม่มีโทษ ทั้งนักปราชญ์ก็สรรเสริญ และย่อมประสบบุญเป็นอันมากหน้าที่ที่พึงปฏิบัติต่อทิศทั้ง 6 เมื่อปฏิบัติแล้ว จะปิดกั้นภัยที่จะเกิดขึ้น จะเป็นทิศเกษมผู้เป็นบัณฑิตพึงพิจารณาใคร่ครวญ สืบสวนรอบคอบแล้ว จึงกล่าวติเตียนผู้ที่ควรติเตียน, จึงกล่าวสรรเสริญผู้ที่ควรสรรเสริญ, ยังความไม่เลื่อมใสให้เกิดในฐานะที่ไม่ควรเลื่อมใส, ยังความเลื่อมใสให้เกิดในฐานะที่ควรเลื่อมใสผู้เป็นคนพาลนั้น ย่อมไม่พิจารณาใคร่ครวญ สืบสวนรอบคอบ ให้ดีเสียก่อนแล้ว จึงกล่าวฯ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
11/4/2018 • 40 minutes, 30 seconds ผู้ยินดีในธรรมะ เพื่อความสุขในปัจจุบันขณะ หลักธรรมะทั้ง 6 เมื่อเป็นผู้ยินดีแล้วจะทำให้อยู่อย่างมีความสุขกับปัจจุบันขณะ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
11/2/2018 • 30 minutes, 59 seconds วิชชา คือ ความรู้ที่เป็นญาณ นี้เป็นเรื่องที่ลึกซึ้ง พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ธรรมทั้งหลายมีปัญญาเป็นอันดับสูงสุด” ปัญญานี้ คือ วิชชาตรงนี้…ถ้าเราเอาคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ท่านสอนมากอง ๆ รวมกันไว้ จัดลำดับหมวดหมู่ให้ดี สิ่งที่เป็นยอดที่สุดของคำสอนนี้ คือ วิชชา 8 เพราะว่ามีปัญญาเป็นอันดับสูงสุด พื้นฐานมาจากศีล มีสมาธิเป็นหัวหน้าส่วนสูงที่สุดที่จะเห็นได้ตรงยอดคือ วิชชา ซึ่งในหมวดธรรมของปัญญาก็จะมีหลายอย่าง เช่น สัมมาทิฎฐิก็เป็นปัญญาอย่างหนึ่ง, ปัญญาในการเห็นเรื่องของอายตนะต่าง ๆ ก็เป็นปัญญาอย่างหนึ่ง ซึ่งปัญญานั้นมีหลายชั้น แต่ชั้นที่จะอยู่สูงที่สุดที่เราจะได้ในทางคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็คือ “วิชชา 8 ประการ” ซึ่งในที่นี้ได้นำเนื้อหามาจาก สามัญญผลสูตร เป็นเรื่องราวที่พระพุทธเจ้าอธิบายให้พระเจ้าอชาติศัตรูฟังถึงอานิสงส์ไล่มาตั้งแต่เรื่องของศีลจนถึงสูงสุดในเรื่องของปัญญาทั้ง 8 ข้อ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
10/28/2018 • 57 minutes, 49 seconds เสวิตัพพสูตร ว่าด้วยบุคคลที่ควรคบ 6142-1d เสวิตัพพสูตร/เสวิสูตร ว่าด้วยบุคคลที่ควรคบ พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนแก่ภิกษุทั้งหลาย โดยมีจุดประสงค์เพื่อความก้าวหน้าในธรรมะวินัยนี้ คือ มีการพัฒนาขึ้น มีการที่จะปรับปรุงไปในทางที่ดีขึ้นได้ถ้าเราจะให้ศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งเป็นองค์แห่งมรรคของเราให้เจริญขึ้นได้ อย่าไปคบคนที่มีศีล สมาธิ และปัญญาต่ำกว่า แต่ให้คบคนที่มีอย่างน้อยเสมอกับเรา หรือสูงกว่าจะคบคนที่มีศีล สมาธิสูงกว่าได้ ควรมีการสักการะเคารพมาก่อน แล้วจึงค่อยเสพคบด้วย เพราะว่าต้องมีการเมตตาอนุเคราะห์กันด้วยใจอันงามตรงนี้จะมีเมตตา มีความอนุเคราะห์กันได้ ต้องมีจิตใจที่อ่อนนุ่ม นุ่มนวล นอบน้อม พระพุทธเจ้าได้เปรียบเทียบไว้ใน ชิคุจฉิตัพพสูตร ว่าด้วยบุคคลที่ควรรังเกียจ ไม่ควรคบด้วยเลยศีล สมาธิ ปัญญา ก็คือ อริยมรรคมีองค์ 8 ซึ่งการเสพคบกับทั้งบุคคลหรือข้อปฏิบัติเป็นเหตุเป็นปัจจัยที่จะทำให้ ศีล สมาธิ ปัญญาของเราดีขึ้น จะสามารถทำให้เกิดผลเป็นความสุขที่เกษมขึ้นมาได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
10/14/2018 • 56 minutes, 15 seconds ทำความแยบคายในพิธีกรรมด้วยจิตกุศล 6141-1d คำสอนของพระพุทธเจ้านั้นมีความลึกซึ้ง มีในหลายนัยยะ เราจึงต้องมีการพิจารณาโดยแยบคาย ยิ่งมีรายละเอียดมาก ก็ยิ่งต้องแยบคายรัดกุมถ้วนถี่รอบคอบให้มาก พระพุทธเจ้าทรงตรัสเปรียบเทียบ “การกระทำที่ไม่แยบคายและการกระทำที่แยบคาย” เอาไว้ในภูมิชสูตรอย่าดีแต่ปาก ดีแต่พูด แต่ให้เข้าใจถึงมีความแยบคายอะไรในพิธีกรรมนั้น ๆ ถ้าเราไม่แยบคายแล้ว เราจะไม่สามารถเข้าถึงธรรมะได้เลยให้จิตใจเราตั้งขึ้นให้ดี ให้เป็นกุศล ให้เข้าใจถูกต้อง เริ่มจากสัมมาทิฏฐิไปจนถึงสัมมาสมาธิ ความเพียรในพิธีกรรมนั้นจะไม่ไร้ผล"ความลึ่กซึ่ง ความแยบคายไม่ได้อยู่ว่าเสียงคุณได้ยินวาจาภาษาอะไร หรือว่าจุดธูปเทียน หรือว่าพนมมือหรือว่าอะไร นั้นเป็นแค่ภายนอก กาย วาจา แต่ที่สำคัญให้มีความแยบคาย นั่นคือ ภายใน ในใจของเราของเราตั้งจิตไว้อย่างไร ถ้าตั้งจิตไว้ด้วยความเป็นอกุศลพิธีกรรมอะไรที่มันศักดิ์สิทธิ์มาก ๆ มันก็เป็นอกุศลหมด มันก็ไม่ถูกหมด ไม่ดีหมด ใช้ไม่ได้ ไม่ได้เรื่องหมด แต่่ถ้าจิตของเราเป็นกุศล จะไปอยู่ในพิธีกรรมใด ๆ ก็ตาม ศาสนาใดก็ตาม ที่ไหนก็ตาม เป็นมงคลหมด ถ้าจิตใจเราดี จิตใจเราเข้าถึง จิตใจเรารู้ให้มันถูกต้อง ความเพียรการปฏิบัติพิธีกรรมนั้นจะไม่ไร้ผล" Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
10/7/2018 • 33 minutes, 23 seconds เข้าใจและยอมรับทุกข์ เพื่อเป็นผู้ที่ผาสุกอยู่ได้ รายละเอียดของภัยในอนาคตทั้ง 5ความสัมพันธ์ระหว่างความเข้าใจ การยอมรับ และความยึดถือในทุกข์ทั้งหลายความหมายของ “ผู้ที่ผาสุกอยู่ได้” และการที่จะสามารถเป็นผู้ที่ผาสุกอยู่ได้ต้องปฏิบัติตนอย่างไร เมื่อจิตติตรึกไปในเรื่องใด ๆ มาก จิตจะน้อมไปด้วยอาการอย่างนั้น ๆ จะทำให้สิ่งนั้นมีพลังและมีอำนาจเหนือจิต ดังนั้นการพัฒนาให้ ”เป็นผู้ที่ผาสุกอยู่ได้” ในระดับที่ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปนั้น ต้องเริ่มจากมีสติ คิดไปในเรื่องดี ๆ เป็นไปในทางกุศลธรรม ระลึกถึงองค์ธรรมในอนุสสติสิบอย่าง ทำให้สติตั้งขึ้น สติมีกำลังมากขึ้น จนสติรักษาจิต เมื่อจิตมีกำลังมากขึ้น จะทำให้จิตรวมลง ระงับลง เพ่งดิ่งต่ออารมณ์อันเดียว ซึ่งจะทำให้ความผาสุกมากขึ้นด้วยตามลำดับ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
10/5/2018 • 29 minutes, 8 seconds ปัญญามิได้สร้างมาเพื่อแกงกิน 6140-1d "ผู้ใดชนะตนคนเดียวได้ ผู้นั้นแลเป็นยอดแห่งผู้ชนะในสงคราม"ประวัติเรื่องราวของพระภัททากุณฑลเกสีเถรี เอตทัคคะในฝ่ายผู้ตรัสรู้เร็วพลัน ซึึ่งท่านเปลี่ยนจากความโง่มาเป็นฉลาด เพราะรู้ว่าปัญญามิได้สร้างมาเพื่อแกงกิน แต่เพื่อประโยชน์พิจารณาให้เห็นถึงโทษภัยในสิ่งต่าง ๆ ได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
See more
9/30/2018 • 26 minutes, 48 seconds