เป็นโสดดีจริงไหม? ประเด็นที่โต้เถียงกันอย่างไม่จบสิ้น เพราะแม้แต่งานวิชาการหลายแหล่งก็ได้ผลการวิจัยที่แตกต่าง Open Relationship ชวนเจาะลึกความโสดตั้งแต่การให้ความหมายที่แตกต่าง ประเภทของคนโสดที่มีทั้งเลือกที่จะเป็นโสด และโสดแบบไม่ได้เลือก โสดแบบชั่วคราว หรือบางคนโสดถาวร ซึ่งทั้งหมดต่างมองความโสดไม่เหมือนกัน จนนำไปสู่การจัดการความโสดที่แตกต่าง ซึ่งไม่ว่าจะโสดประเภทไหนต่างก็มีข้อดีและมีเรื่องที่ต้องรับมือด้วยเช่นกัน

Contra-dating คือเทรนด์การเดตล่าสุดในปี 2024 ที่เชื่อว่าปกติแล้วคนมักจะเดตกับคนที่มีรูปร่าง หน้าตา บุคลิก และแบ็กกราวด์ทางสังคมแบบเดิมๆ แต่จะเป็นอย่างไรถ้าหากเราเดตกับคนที่ต่างออกไป พูดง่ายๆ ว่าเลือกมองคนที่ต่างไปจากสเปกที่ตั้งไว้ ซึ่งอาจนำมาสู่ความเป็นไปได้และโอกาสใหม่ๆ  รายการ Open Relationship ชวนคุยถึงเทรนด์ Contra-dating พร้อมชวนกลับมาทบทวนตัวเองว่า ในการเลือกที่จะสร้างสัมพันธ์กับใครสักคน อะไรคือ ‘แก่น’ ที่เรายึดไว้ และ ‘องค์ประกอบ’ ที่บางครั้งอาจไม่ต้องมีก็ได้

เป็นธรรมดาที่เมื่อความสัมพันธ์เดินมาถึงวันที่ต้องเลิกรา หลายคู่จึงต้องเสียน้ำตาให้กับสิ่งที่เกิดขึ้น Open Relationship ชวนพิจารณาถึงน้ำตาที่ไหลออกมาว่าสามารถเกิดได้จากอารมณ์หลายชุด ทั้งความเศร้า เสียใจ โกรธ ฯลฯ เพราะน้ำตาอาจไม่ได้หมายถึงความเสียดายที่ไม่สามารถมีความทรงจำดีๆ ร่วมกันอีก แต่ยังหมายถึงความผูกพันทางใจและความเชื่อมโยงกันทางสังคม รวมถึงคำถามที่ว่า หากอยากร้องไห้ควรร้องกับใครดีถึงจะปลอดภัยทางใจที่สุด

เพราะความจริงของการเป็นคนรักกัน คือไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายมีความสุขได้ตลอดเวลา และการทำร้ายจิตใจเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ Open Relationship จึงอยากคลี่ให้เห็นว่าสาเหตุของการทำร้ายจิตใจคนรักมีที่มาอย่างไรได้บ้าง ซึ่งสุดท้ายไม่มีใครสามารถเปลี่ยนใครได้ มีเพียงตัวเราเองเท่านั้นที่จะประเมินว่ารับการทำร้ายทางใจได้มากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือมีปัญหา สามารถส่งคำถามมาถึงรายการ Open Relationship ด้วยการโพสต์ใน X พร้อมติดแฮชแท็ก #OpenRelationship หรือส่งมาทางอีเมล podcast@thestandard.co

“รักอย่างเดียวเพียงพอจริงหรือไม่” คือคำถามที่ผู้ชมรายการส่งมาถึง Open Relationship เพราะจากประสบการณ์ที่มีความสัมพันธ์ที่เป็นรักทางไกล ทั้งยังเป็นรักต่างวัยในครั้งนี้ ต้องใช้แรงพยายามเป็นอย่างมาก และต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างมากกว่าความรัก แน่นอนว่า Open Relationship ไม่สามารถให้คำตอบในความสัมพันธ์ของใคร แต่อยากชวนให้เห็นถึงแง่มุมในการที่จะไปต่อกับความสัมพันธ์ที่มีเงื่อนไขตั้งแต่ต้นว่าแรงกาย แรงใจ และความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้นควรพิจารณาอย่างไร เพราะสุดท้ายเราคือผู้เลือกสุขและทุกข์ให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือมีปัญหา สามารถส่งคำถามมาถึงรายการ Open Relationship ด้วยการโพสต์ใน X พร้อมติดแฮชแท็ก #OpenRelationship หรือส่งมาทางอีเมล podcast@thestandard.co

แม้จะมีมุมมองทางเพศต่อตัวเองว่าเป็น ‘ชายแท้-หญิงแท้’ ที่ชอบเพศตรงข้าม แต่เมื่อนึกย้อนไปถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาก็พบว่า มีบางคนจำได้ว่าบางครั้งกลับเคยรู้สึกดีๆ รัก หรือแม้กระทั่งร่วมเพศ กับคนเพศเดียวกัน Open Relationship ชวนทำความเข้าใจ Heteroflexibility คำศัพท์ที่จะมาอธิบายปรากฏการณ์ดังกล่าวว่าคืออะไร มีที่มาที่ไปอย่างไร และชวนทำความเข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องผิด เพราะความรักทำให้เรารู้สึกกับที่ ‘ตัวคนคนนั้น’ ก่อน ‘เพศสภาพ’ ด้วยซ้ำไป ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือมีปัญหา สามารถส่งคำถามมาถึงรายการ Open Relationship ด้วยการโพสต์ใน X พร้อมติดแฮชแท็ก #OpenRelationship หรือส่งมาทางอีเมล podcast@thestandard.co

เพราะในความเป็นจริง ความสัมพันธ์ของมนุษย์ไม่ได้จบเป็นคนๆ หรือเป็นเรื่องๆ อย่างชัดเจน แต่ยังมีความทับซ้อนของรักครั้งเก่าและรักครั้งใหม่อยู่เสมอ นำมาซึ่งคำถามที่มีมาถึง Open Relationship ในเอพิโสดนี้ว่า ถ้าจะกลับไปเป็นเพื่อนกับแฟนเก่า จำเป็นต้องบอกแฟนใหม่หรือไม่ แน่นอนว่า Open Relationship ไม่มีคำตอบ แต่ชวนคลี่ให้เห็นข้อควรคิด สิ่งที่ควรพิจารณา และแนวทางที่เป็นไปได้ เพราะสุดท้ายการตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่ตัวคุณเอง ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือมีปัญหา สามารถส่งคำถามมาถึงรายการ Open Relationship ด้วยการโพสต์ใน X พร้อมติดแฮชแท็ก #OpenRelationship หรือส่งมาทางอีเมล podcast@thestandard.co

เมื่อมีความสัมพันธ์เกิดขึ้น บางคนอาจตั้งคำถามว่า ‘สิ่งที่กำลังเจอ’ หรือ ‘คนที่กำลังเจอ’ อยู่นี้ใช่ความรักหรือไม่ เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับนิยามที่คาดหวังไว้ในใจ องค์ประกอบของความรักมักมีความใกล้ชิดผูกพัน (Intimacy), ความดึงดูด (Passion) และคำยืนยันสัญญา (Commitment) แล้วเมื่อมีข้อใดข้อหนึ่งพร่องไป เราจะเรียกสิ่งนี้ว่าความรักได้หรือเปล่า? Open Relationship เอพิโสดส่งท้ายปี ชวนชี้ให้เห็นถึง ‘ความรักสมบูรณ์แบบ’ ที่ใครหลายคนเชื่อว่ามีและกำลังวิ่งตามหา เพราะต้องการรักที่ครบทั้ง 3 ข้อ หรือตามเกณฑ์ที่เช็กลิสต์ไว้ แต่ลืมไปว่าความสมบูรณ์แบบอาจเกิดได้เพียงชั่วเวลาหนึ่ง และอีกฝ่ายที่กำลังสัมพันธ์อยู่ด้วยนั้นคือ ‘มนุษย์’ ที่ไม่มีใครสมบูรณ์พร้อมได้ตลอดเวลาแม้กระทั่งตัวเราเอง

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ คุณอยากกลับไปแก้ไขช่วงเวลาไหน และเรื่องอะไร? คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับอดีต ว่าหากมีโอกาสอีกครั้งจะทำให้ความสัมพันธ์ที่เคยผิดพลาดดีขึ้นได้อย่างไร แต่ในความเป็นจริงไม่มีใครทำอย่างนั้นได้ เพราะเส้นทางของเวลาคือการพุ่งไปข้างหน้า และมีช่วงเวลาที่ผ่านมาอยู่ข้างหลัง  แต่ก็มีคนอีกไม่น้อยที่ติดหล่มเวลา ไม่อนุญาตให้ตัวเองเคลื่อนไปข้างหน้า ซึ่งไม่ว่าจะเพราะสุขมาก หรือทุกข์มาก ก็ล้วนผูกเราไว้กับอดีตได้เช่นกัน แต่ในเมื่อเราต้องใช้ชีวิต จะทำอย่างไรให้ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้เคลื่อนไปพร้อมเวลา ยอมรับและเข้าใจว่าสิ่งเดียวที่พามาได้คือบทเรียนจากความสัมพันธ์ที่เคยเกิดขึ้นเพียงเท่านั้น

‘เป็นผู้ชายทำไมดูไม่แมน’ ‘เป็นผู้หญิงจะแมนไปไหน’ เมื่อรูปลักษณ์ภายนอกและลักษณะนิสัยไม่ตรงกับความคาดหมายของนิยาม ‘ชายจริง หญิงแท้’ ที่สังคมกำหนด ทำให้หลายๆ คนถูกเหมารวมและตัดสินจากภายนอก จนกลายเป็นผู้ไม่ถูกเลือกและไม่ได้เข้าสู่ความสัมพันธ์ Open Relationship เอพิโสดนี้ ชวนสนทนากันในประเด็น ‘Soft Boy’ ผู้ชายที่มีลักษณะอ่อนหวานและนุ่มนวล ว่าสิ่งเหล่านี้มีผลอย่างไรทั้งในแง่ตัวตน ส่งผลกระทบอย่างไรบ้างต่อความสัมพันธ์ มาร่วมเปิดกว้างและทำความเข้าใจถึงความหลากหลายของอัตลักษณ์ และการแสดงออกทางเพศในโลกสมัยใหม่ผ่าน Open Relationship เอพิโสดนี้

อยู่ก่อนแต่ง หรือ Cohabitation เป็นทางเลือกที่หลายคู่ใช้เพื่อทดลองชีวิตคู่และเรียนรู้นิสัยกันและกัน รวมถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น การเงิน ความสะดวกสบาย การผ่อนเบาภาระ หากแต่ปลายทางของการ ‘อยู่’ อาจไม่จำเป็นต้องเป็นการ ‘แต่ง’ เสมอไป  Open Relationship เอพิโสดนี้จะพาคุยถึงอีกมุมมองของการอยู่ก่อนแต่ง พร้อมกับสำรวจความคาดหวัง ความท้าทายที่คู่รักอาจพบเจอ รวมถึงคำถามสำคัญที่ต้องตอบ และสร้างความเข้าใจให้ตรงกันว่า การอยู่ร่วมกันนี้เป็นส่วนหนึ่งของการทำความรู้จัก หรือเป้าหมายเพื่อการแต่งงานกันแน่

บางคนมีความเชื่อว่า ‘รักแท้’ คือการเสียสละ ต้องสามารถเสียสิ่งที่สำคัญ และสละสิ่งที่รักให้คนรักอีกฝ่ายหนึ่งได้ แต่ Open Relationship อยากชี้ชวนให้มองลึกลงไปกว่านั้น เพราะในความเสียสละ นอกจากจะมีการสูญเสียที่แท้จริงเกิดขึ้นแล้ว หลายต่อหลายครั้งยังเป็นความต้องการที่ไม่ตรงกันระหว่างผู้ให้กับผู้รับ หรือแง่มุมของการได้รับจนเป็นความเคยชิน ซึ่งอาจกระทบความรู้สึกและความสัมพันธ์ได้ แล้วถ้าความรักไม่ใช่การเสียสละ เราจะนิยามมันว่าอย่างไร ติดตามได้ใน Open Relationship เอพิโสดนี้

หลังจาก Open Relationship เคยพูดถึงคนที่ต้องอยู่ในความสัมพันธ์กับคนเจ้าชู้ไปแล้ว เอพิโสดนี้ขอเปลี่ยนมุมมองมาเป็นฝ่ายคนเจ้าชู้บ้าง ถ้าคนที่รู้ตัวเองว่าไม่สามารถอยู่ในความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อหนึ่งจะต้องทำอย่างไร Open Relationship ชี้ให้เห็นลักษณะและความต้องการที่แตกต่างกันของคนเจ้าชู้ บางคนรักทุกคนในความสัมพันธ์ บางคนรักแค่บางคนในความสัมพันธ์ หรือบางคนรักใครบางคนมากกว่า ซึ่งทั้งหมดอาจยังไม่สำคัญเท่ากับคำถามที่ลองถามตัวเองว่าเพราะอะไรเราจึงหยุดที่คนคนเดียวไม่ได้ และถ้าเป็นอย่างนั้นเราจะผลักความสัมพันธ์ไปต่อข้างหน้าอย่างไรดี

จะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม การจีบหรือสานสัมพันธ์กับใครสักคนหนึ่งมักถูกดำเนินไปตาม Heterosexual Script หรือบทบาทความเป็นหญิง-ชาย ที่เชื่อกันว่าผู้ชายจะต้องเป็นฝ่ายเข้าหาและผู้หญิงจะต้องเป็นฝ่ายรอ แต่การดำเนินตามบทบาทที่ว่านี้เองทำให้การสานสัมพันธ์กลายเป็นการคุกคาม  Open Relationship ชวนวิเคราะห์ให้เห็นถึงช่วงเวลาการหยั่งเชิงว่า Heterosexual Script กุมความสัมพันธ์ของบทบาทหญิง-ชายไว้มากแค่ไหน เพราะขณะที่ฝ่ายจีบดำเนินตามสคริปต์ แต่ฝ่ายถูกจีบอาจไม่รู้สึกเช่นเดียวกัน จนกลายเป็นการคุกคามและเป็นสาเหตุของ Sexual Harassment ได้

หลายคนคงเคยผ่านประสบการณ์ของคนที่สัมพันธ์ด้วยมีลักษณะ ‘เจ้าชู้’ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการกระทำที่ต่อหน้าหรือลับหลังก็สร้างความเจ็บปวดและส่งผลต่อความไว้เนื้อเชื่อใจเป็นอย่างมาก Open Relationship เอพิโสดนี้ชวนเจาะให้เห็นถึงพฤติกรรมความเจ้าชู้ว่ามีลักษณะอย่างไร ต่างกับความสัมพันธ์แบบ Open Relationship หรือ Polyamory หรือไม่ มีคำอธิบายที่มาของความเจ้าชู้นี้อย่างไร รวมถึงสิ่งที่เป็นแนวทางให้ลองปฏิบัติว่าหากคนที่กำลังคบพูดคุยด้วยนั้นยังคุยยังหยอดใครต่อใครไปเรื่อย เราจะจัดการกับอีกฝั่ง ตัวเอง รวมถึงความสัมพันธ์นี้อย่างไรดี

หลังจากที่ Open Relationship ได้คลี่เบื้องหลังของอาการงอน น้อยใจ ไปแล้ว เอพิโสดนี้จึงขอมองอีกด้าน ด้วยสิ่งที่มาคู่กันนั่นคือการ ‘ง้อ’ หลายคู่รักที่งอนกันด้วยเรื่องที่คนนอกอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่แท้ที่จริงทั้งงอนและง้อเป็นเรื่องใหญ่ และอาจสะท้อนถึงคุณภาพความสัมพันธ์ได้อีกด้วย ไม่ว่าการง้อจะเป็นการเอาใจหรือแสดงให้เห็นถึงความพยายามแค่ไหน Open Relationship อยากชวนคิดต่อไปอีกสเต็ปว่าหลังจากการง้อแล้ว การสื่อสารสิ่งที่คิดและรู้สึกอยู่ในใจต่างหากที่จะทำให้การงอนๆ ง้อๆ ที่อาจบานปลายกลายเป็นการทะเลาะด้วยเรื่องซ้ำๆ ยุติลงได้ในที่สุด

อาการงอนหรือน้อยใจคือการสื่อสารอย่างหนึ่งที่ไม่ตรงไปตรงมาของคู่ความสัมพันธ์ เพราะคาดหวังว่าคนรักจะเข้าข้าง ประคับประคองอารมณ์ หรือเข้าใจ แต่กลับรู้สึกว่าได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น  แต่เพราะอะไรคนรักถึงไม่เลือกที่จะสื่อสารตรงๆ แต่กลับเงียบใส่ ไม่พูดไม่จา โกรธ หรือหายหน้าไปเฉยๆ Open Relationship พอดแคสต์ที่ว่าด้วยความรักความสัมพันธ์จะมาคลี่ให้เห็นว่าอะไรคือเบื้องหลังของการแสดงออกเหล่านี้

บางครั้งรักที่จบลงด้วยความไม่สมหวังหรือรักที่จบลงไม่ดี มีโอกาสที่จะกลายเป็นความแค้น ซึ่งการแก้แค้นลักษณะนี้อาจเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด เพราะคนที่แก้แค้นคือคนที่รู้จักจุดเปราะบาง ความกลัว เป็นอย่างดี ก่อนกระโจนเข้าสู่สงครามอันยืดเยื้อ Open Relationship ชวนคิดถึงสิ่งที่จะตามมาหากลงมือแก้แค้นเพราะความรัก เพราะเริ่มต้นฝ่ายแก้แค้นอาจเป็นผู้คุมเกม แต่เพียงแค่เริ่มต้นก็อาจกลายเป็นผู้สูญเสียอำนาจ และคมมีดที่แทงออกไปอาจย้อนกลับเข้ามาสู่ตัวเองได้

เพราะรักจึงเข้าสู่ความสัมพันธ์ และเพราะหมดรักความสัมพันธ์จึงจบลง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ‘การเลิกกัน’ ไม่ใช่เพราะไม่ได้รักกันแล้วเท่านั้น แต่ยังมีเหตุผลอีกหลายอย่างที่ทำให้ไปกันต่อไม่ได้ Open Relationship ชวนคลี่ให้เห็นว่าสาเหตุของการต้องเลิกราทั้งที่ความรักยังคงอยู่ แต่เพราะอะไรคนคู่หนึ่งจึงไม่สามารถจับมือกันได้อีกต่อไป ซึ่งการเลิกกันลักษณะนี้แม้ว่ายากที่จะตัดใจ แต่การกลับไปมองถึงสาเหตุที่ต้องเลิกกันอาจทำให้ชีวิตขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้

ช่วง ‘แรกรัก’ อันหอมหวานเป็นสิ่งที่ใครหลายคนปรารถนา แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องพบเจอคือช่วงเวลานั้นไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป วันหนึ่งมันจะจืดจางและไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเท่าตอนแรกๆ จนเปรียบเทียบเป็นช่วงการ ‘หมดโปร’ Open Relationship พอดแคสต์ความรักความสัมพันธ์ คลี่ให้เห็นช่วงโปรโมชันอันหอมหวานนั้นหมดลงได้จริงไหม มีสัญญาณอะไรที่สังเกตได้ รวมถึงถ้าความรักเข้าสู่ช่วงหมดโปรแล้วจริงๆ จะทำอย่างไรให้ความรักกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ยาวนานได้มากขึ้น

หนึ่งในปัญหาปวดใจยอดฮิตของคนที่อยู่ในความสัมพันธ์ คือแฟนคนปัจจุบันยังลืมแฟนเก่าของเขาไม่ได้ ความสัมพันธ์ครั้งเก่ายังมีอิทธิพลตามเป็นเงา จนส่งผลกระทบกับความรู้สึกของเราอย่างยากจะหลีกเลี่ยง Open Relationship ชวนสำรวจสัมภาระทางความรู้สึกและสิ่งที่ยังตกค้างในใจว่า ‘มนุษย์แฟนเก่า’ ส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์ปัจจุบันได้ในรูปแบบไหน และเราเองในฐานะคนที่อยู่ในความสัมพันธ์ควรทำอย่างไรเพื่อให้ปัญหานี้คลี่คลายไปได้ด้วยดี

เป็นธรรมดาที่คนเราจะเข้าสู่ความสัมพันธ์เพราะความรัก และออกจากความสัมพันธ์เพราะหมดรัก แต่ก็มีอีกหลายคู่ความสัมพันธ์ที่ความรักหมดลง แต่ยังออกจากความสัมพันธ์ไม่ได้  Open Relationship พาสำรวจสาเหตุต่างๆ ของคนที่ยังไม่ไปไหน ทั้งความรู้สึกผิด ความกลัว หรือเหตุผลที่ฟังไม่โรแมนติกอย่างเพราะหน้าที่ หรือเพราะการพึ่งพิงทางเศรษฐกิจ ซึ่งทั้งหมดชวนทบทวนว่าคนที่หมดรัก ยังอยู่ข้างๆ เพราะเหตุผลอะไรกันแน่

รักกับชอบอาจเป็นความรู้สึกที่มีเส้นบางๆ คั่นอยู่ แยกยาก แถมบางครั้งก็ไม่ได้มาด้วยกัน เพราะคนที่รักอาจมีบางอย่างที่เราไม่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นความคิด บุคลิกภาพ นิสัยใจคอ และในขณะเดียวกันคนที่เราชอบอาจไม่ได้มาพร้อมความรู้สึกรักก็ได้ Open Relationship คลี่ให้เห็นว่าความรักและความชอบไม่จำเป็นต้องมาพร้อมกัน เราอาจรักคนที่ไม่ได้ชอบ และชอบคนที่ไม่ได้รัก แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือเมื่อพบสิ่งที่ไม่ชอบในคนรัก เราจะจัดการ สื่อสาร และปรับเข้ากับสิ่งนั้นอย่างไรมากกว่า

ความสัมพันธ์รักที่เราคุ้นเคยนั้นถูกมองเป็นสเต็ป และเมื่อเลื่อนลำดับขั้นความสัมพันธ์ก็ถูกพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ จากพูดคุยทำความรู้จัก สู่การคบหา ถ้าจริงจังก็อาจหมั้นหมาย หรือแต่งงานตามความคาดหวังหลักของสังคม แต่ในรายละเอียดเล็กๆ นั้นมักมีเรื่อง ‘ระยะเวลา’ เข้ามาเกี่ยวข้อง Open Relationship ชวนคุยถึงคำถามโลกแตกอย่างเรื่องการคุยกันนานแค่ไหนถึงคบ แล้วคบกันนานแค่ไหนถึงจะมีอะไรกัน เพราะในโลกของความเป็นจริง ‘เซ็กซ์’ อาจไม่ได้อยู่เฉพาะในความสัมพันธ์การแต่งงานตามที่สังคมมองว่าดีงาม และระยะเวลาอาจไม่สำคัญก็เป็นได้

ความเหงา นอกจากจะผลักให้ทำสิ่งต่างๆ อย่างไม่คาดคิดแล้ว หนึ่งในนั้นคือการรีบกระโดดเข้าสู่ความสัมพันธ์หรือรีบมีแฟน ซึ่งอาจไม่ใช่เรื่องผิด แต่กลับมีผลที่ตามมามากมาย Open Relationship ชวนคลี่ให้เห็นผลของการตัดสินใจที่มีตั้งแต่การไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ จนถึงความรู้สึกไม่มั่นใจ ไม่ปลอดภัยลึกๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์ทั้งสิ้น

สิ่งหนึ่งที่บรรดาแฟนเก่ายากจะรับมือคือแฟนเก่าของเราไปมีแฟนใหม่ ความรู้สึกต่างๆ นานาที่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นโกรธแค้น หึงหวง หรือเสียใจ ล้วนมาจากสาเหตุยังรัก ยังผูกพัน แต่เมื่อชีวิตต้องเดินหน้าต่อ เราจะจัดการตัวกับใจอย่างไร Open Relationship เอพิโสดนี้ชวนคลี่ให้เห็นแนวทางตั้งแต่การยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น สร้างระยะห่าง จนถึงการเข้าใจและมองเห็นเส้นลำดับเวลาว่าเรากำลังรู้สึกกับเรื่องที่เป็นอดีต แม้คนที่เรารู้สึกด้วยจะเป็นคนคนเดียวกันก็ตาม

เมื่อมีความสัมพันธ์รัก เป็นธรรมดาที่อยากจะประกาศให้คนทั่วไปรู้ถึงสถานะ แต่ในขณะเดียวกันบางคู่ความสัมพันธ์ก็กลายเป็นความเจ็บปวดและอึดอัด เพราะเป็นความรักที่บอกใครไม่ได้ Open Relationship ชวนสำรวจสาเหตุของความรักที่ต้องปกปิดว่ามีปัจจัยอะไรบ้าง ตั้งแต่สาเหตุเฉพาะบุคคล สาเหตุเชิงโครงสร้างขององค์กรที่เกี่ยวพันกับอำนาจและหน้าที่ สาเหตุที่ถูกตัดสินจากบรรทัดฐานต่างๆ ของสังคม ซึ่งแน่นอนว่ารายการไม่มีคำตอบให้ คุณเท่านั้นที่จะเป็นผู้ประเมินว่าแรงกายแรงใจที่คุณลงไปในการปกปิดนั้นยังมีเรี่ยวแรงเหลืออยู่แค่ไหน

คนเราโกหกกันเป็นประจำทุกวันไม่ว่าจะโกหกเพื่อรักษาภาพลักษณ์, โกหกเพื่อบทสนทนาที่ราบรื่น, โกหกเพื่อผลประโยชน์ รวมถึงโกหกในความสัมพันธ์ เพราะการพูดความจริงในใจออกไปร้อยเปอร์เซ็นต์อาจนำไปสู่ความพินาศได้ง่ายๆ ดังนั้นการโกหกเพื่อรักษาน้ำใจจึงเกิดขึ้น ซึ่งไม่ว่าจะถนอมน้ำใจเพราะกลัวคนรักเดินจากไป หลีกเลี่ยงการทะเลาะ หรือแม้แต่ไม่อยากทำร้ายความรู้สึก ต่างก็มีข้อดีและข้อควรระวังในตัวมันเอง ซึ่งทั้งหมดจะถูกคลี่ให้ฟังผ่าน Open Relationship พอดแคสต์เอพิโสดนี้

ทุกวันนี้หลายคนเป็นโสดกันมากขึ้น และสถานะโสดนั้น ‘เลือก’ ด้วยตัวเอง เพราะไม่ต้องการที่จะเดินเข้าสู่ความสัมพันธ์แม้ว่าจะมีคนเข้ามาก็ตาม Open Relationship ชวนรู้จักกับเทรนด์ ‘Single by Choice’ หรือการเลือกจะอยู่เป็นโสด ซึ่งท้าทายกระแสความเชื่อหลักว่าการอยู่เป็นโสดคือการบกพร่องหรือมีอะไรที่ผิดปกติ แต่แท้จริงแล้วความโสดเป็นเพียงสถานะของมนุษย์คนหนึ่งที่จะสุข ทุกข์ เหงา ได้เหมือนกับคนสถานะอื่นๆ ทั่วไป เพียงแต่ความโสดอาจต้องอาศัยทักษะการอยู่ได้ด้วยตัวเองที่ค่อยๆ เรียนรู้ และท้ายที่สุด ‘Single by Choice’ อาจเป็นความคิดที่เกิดขึ้นแค่ช่วงเวลาหนึ่งก็ได้เช่นกัน

หนึ่งประเด็นที่ Open Relationship ย้ำอยู่เสมอ คือความสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องของคนสองคน มักมีอิทธิพลของคนรอบตัวที่อยู่ในนาม ‘ผู้หวังดีต่อโลก’ ด้วยเสมอ โดยเฉพาะคนใกล้ชิดอย่าง ‘พ่อแม่’ ที่ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ของเราเองหรือคนรัก มักมีอิทธิพลต่อความสัมพันธ์อย่างซับซ้อนและคาดไม่ถึง Open Relationship ชวนคลี่ให้เห็นว่าปัญหาความสัมพันธ์บางประการอาจเกิดจากพ่อแม่ ทั้งปัญหาคลาสสิกอย่างพ่อตา-ลูกเขย, แม่ผัว-ลูกสะใภ้, การเข้ามามีอิทธิพลและจัดการ รวมถึงเชิงลึกที่ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ส่งผลต่อตัวความสัมพันธ์และความต้องการของลูกอย่างแยกไม่ออก และเมื่อรู้แล้วว่าเกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้น คู่ความสัมพันธ์ในฐานะคู่รักควรจัดการปัญหานี้อย่างไรดี

เมื่อความสัมพันธ์ไม่ได้ตอบสนองความต้องการทางร่างกาย อารมณ์ หรือจิตใจ ช่วงเวลาหนึ่งที่ไม่ว่าฝ่ายที่ต้องการจะอยู่หรือต้องการจะไป ต้องเดินทางผ่านคือการอยู่ใน ‘ระยะยื้อ’ ที่ในความเป็นจริงโลกนี้ไม่ได้แบ่งเป็นขาวหรือดำ ไม่ว่าจะอยู่หรือจะไปอาจทุกข์ใจได้ไม่แพ้กัน Open Relationship ชวนโฟกัสช่วงเวลาแห่งการ ‘ยื้อ’ ผ่านมุมมองของคนที่ต้องการเดินออกจากความสัมพันธ์ ว่าเพราะอะไรถึงไม่สามารถทำได้อย่างง่ายดาย โดยสำรวจผ่านคำถาม 3 ข้อ ซึ่งสุดท้าย ‘การรักษาน้ำใจ’ อาจไม่ได้ทำให้ใครเจ็บน้อยลง

ความลังเลเป็นเรื่องที่เกิดได้กับหลายสถานการณ์ของชีวิต รวมถึงเรื่องความสัมพันธ์ด้วย คำถามที่เกี่ยวกับความลังเล ไม่ว่าจะเป็น เขาคนนี้เป็นคนที่ใช่หรือยัง, จะตอบรับความสัมพันธ์ครั้งนี้ดีไหม หรือแม้แต่ ถ้ารักแล้วต้องไม่ลังเลจริงหรือเปล่า ล้วนคือความลังเลที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทั้งสิ้น Open Relationship อธิบายให้เห็นภาพที่มาของความลังเลว่าอาจมาจากประสบการณ์อันซับซ้อนในอดีต เป็นเรื่องของกลัวและความหวัง รวมถึงมีข้อดีในการชะลอการตัดสินใจ และเมื่อเกิดความรู้สึกลังเลจะส่งผลกระทบต่อความรักอย่างไรบ้าง

กติกาหลักว่าด้วยความสัมพันธ์ที่หลายคนเข้าใจคือความสัมพันธ์แบบ Monogamy หรือระบบผัวเดียวเมียเดียวที่มีสมาชิกเพียง 2 คน รักกัน มีเซ็กซ์กัน รวมถึงความคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะเติมเต็มซึ่งกัน แต่ความสัมพันธ์อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องการคบกันที่จำนวนมากกว่า 2 คน อย่าเพิ่งด่วนตัดสิน แต่ Open Relationship ชวนเปิดความสัมพันธ์แบบ Non-Monogamy ที่มีอยู่จริงในสังคม ว่าที่มาที่ไปของความสัมพันธ์รูปแบบนี้คืออะไร ต่างจากระบบหลายเมียของสังคมไทยอย่างไร จุดประสงค์เพื่อความเข้าใจและยอมรับในความแตกต่าง เพราะในโลกความสัมพันธ์อาจไม่ได้มีความถูกต้องเพียงรูปแบบเดียว

ชุดความเชื่อหนึ่งในความสัมพันธ์คือเรื่องที่ว่า การที่คนจะมารักและพัฒนาความสัมพันธ์กันอาจมีบางมุมที่ไม่เหมือนกันจึงมาเติมเต็มและตอบสนองความต้องการซึ่งกันและกัน ความรักนั้นจึงสมบูรณ์ แต่หลายครั้ง ‘ความต่าง’ ที่ว่าอาจกลายเป็นอุปสรรค โดยเฉพาะเรื่องภูมิหลังและสังคมที่เติบโตกันมา Open Relationship ชวนคลี่ให้เห็นถึง ‘Social Background’ หรือภูมิหลังทางสังคมว่าส่งผลอย่างไรต่อมุมมอง ทัศนคติ และวิถีชีวิต ซึ่งแน่นอนว่ามีผลต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ และเมื่อความต่างกันกลายเป็นอุปสรรค การเลือกที่จะ ‘ไปต่อ’ หรือ ‘พอแค่นี้’ จะต้องพบเจอความเสี่ยงหรือการลงทุนทางใจอย่างไรบ้าง

‘เวลา’ คือสิ่งที่ใครหลายคนคาดหวังจะได้จากคนรัก เพราะด้วยชุดความเชื่อที่ว่าการใช้เวลาร่วมกันสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ และเชื่อว่าการให้เวลาเท่ากับการให้ความรัก แม้ว่าเวลาจะมีส่วนในการสร้างความสัมพันธ์ก็จริง แต่ Open Relationship อยากชวนชี้ให้เห็นว่าในช่วงเวลาที่ทุกคนมีภาระต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องงาน และเรื่องส่วนตัว การพยายามสร้าง Quality Time หรือช่วงเวลาคุณภาพกับคนรักจนบางครั้งลืม Alone Time หรือช่วงเวลาที่อยู่กับตัวเองก็อาจเสียสมดุล เพราะช่วงเวลาที่ได้ทบทวน และได้ทำตามความต้องการของตัวเอง กลับส่งผลให้ความสัมพันธ์ในชีวิตคู่มั่นคงขึ้นอีกด้วย

เมื่อพูดถึงสถานการณ์ก่อนการเข้าสู่ความสัมพันธ์ Open Relationship ที่ผ่านมาจะมุ่งไปทำความเข้าใจจากมุมคนที่ไปชอบอีกฝ่ายเป็นหลัก แต่ในความสัมพันธ์จำนวนไม่น้อย คนที่มีคนมาชอบแต่กลับไม่ได้ชอบตอบ ก็มีความรู้สึกเป็นของตัวเองเช่นกัน Open Relationship พอดแคสต์ความรักความสัมพันธ์เอพิโสดนี้ เลยขอมองจากมุมของคนที่ถูกชอบ แต่กลับไม่ได้ชอบตอบบ้าง เพราะมีทั้งความอึดอัด ความกังวลจากการถูกคุกคาม และไม่รู้จะปฏิเสธความสัมพันธ์อย่างไร แน่นอนว่าสุดท้ายไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิด แต่การสื่อสารและแสดงความจริงใจอย่างตรงไปตรงมาน่าจะเป็นทางออก และเป็นการให้เกียรติอีกฝ่ายในฐานะมนุษย์คนหนึ่งเช่นกัน

หลายคนคงมีประสบการณ์ได้พบเจอกับคนไม่รู้จัก และใครคนนั้นดึงดูดอย่างแรงกล้าในทันที จนอยากเข้าไปทำความรู้จัก หรือกระทั่งอยากพัฒนาความสัมพันธ์ และเรียกมันว่า ‘รักแรกพบ’ แม้ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องรักแรกพบ แต่พอดแคสต์ Open Relationship อยากชวนมาวิเคราะห์พลังดึงดูดมหาศาลจาก ‘คนที่ใช่’ เมื่อแรกเห็นว่า ก่อให้เกิดความรู้สึกอะไร พ่วงมาด้วยความเชื่อและความคาดหวังอะไร พร้อมตั้งคำถามชวนคิดอีกครั้งว่า ความรู้สึกนั้นใช่ ‘ความรัก’ จริงหรือเปล่า

Open Relationship เอพิโสดนี้ ชวนคุยเรื่องกรอบแนวคิด Heteronormativity ที่มองมนุษย์เป็นเพศชายและหญิงเพียง 2 เพศ มีบทบาท ความคาดหวัง และต้องรักกันข้ามเพศเท่านั้น ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องยาก แต่กรอบการมองโลกนี้ส่งผลต่อความรัก ความสัมพันธ์ และกุมแนวคิดของมนุษย์อย่างแน่นหนาและคาดไม่ถึง Open Relationship ค่อยๆ คลี่ให้เห็นว่า แนวคิด Heteronormativity มีที่มาจากไหน สร้างความยุ่งยากและท้าทายต่อความรักและความสัมพันธ์อย่างไร เพราะท้ายที่สุดแล้วมนุษย์ล้วนมีความแตกต่างหลากหลาย ไม่ควรมีใครถูกเหมารวมหรือแปะป้ายด้วยกรอบเรื่องเพศและเรื่องใดๆ

เมื่อคุณรักใครสักคนและถูกรัก ภาพที่ขึ้นมาอัตโนมัติ ความเข้าอกเข้าใจ ความทะนุถนอม หรือความปรารถนาดีที่ต้องการให้คนรักมีความสุข แต่เชื่อหรือไม่ว่าในนามของความรักนั้นกลับซ่อน ‘ความรุนแรง’ ไว้หลากหลายรูปแบบ และไม่มีใครหนีพ้น Open Relationship พอดแคสต์ความรักความสัมพันธ์ชวนคลี่ให้เห็นรูปแบบความรุนแรงที่ซ่อนอยู่ในความรัก ชวนเช็กลิสต์ในฐานะผู้กระทำและผู้ถูกกระทำความรุนแรงทางด้านร่างกาย จิตใจ เพศ วิธีที่แยบยลเหล่านั้นเราไม่มีทางรู้เลยว่าจะไปกระทบปมอีกฝ่ายที่กำลังเจ็บปวดหรือกังวล และหลายความไม่ตั้งใจเหล่านั้นอาจฝากรอยแผลไว้กับคนรักไปทั้งชีวิต

Dating App หรือแอปนัดเดตถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในการทำความรู้จักคนใหม่ๆ ความสัมพันธ์ใหม่ ที่ทำได้อย่างส่วนตัว ควบคุมได้ และได้รู้จักคนที่อยู่นอกเหนือวงจรในชีวิตประจำวัน แต่หลายคนก็ยังไม่กล้าใช้ ทั้งกลัวอันตราย และมีทัศนคติว่าการใช้แอปนัดเดตเป็นเรื่องแปลก  Open Relationship ชวนคลี่มายาคติเกี่ยวกับการใช้ Dating App ที่แน่นอนว่ามีทั้งด้านบวกที่สามารถนัดเดตโดยที่เราเป็นผู้เลือก และในขณะเดียวกันก็มีด้านลบที่ควรระวัง รวมถึงตัวความสัมพันธ์ที่ไม่ว่ามีที่มามาจากไหน สุดท้ายการเรียนรู้ซึ่งกันและกันก็ยังเป็นเรื่องจำเป็นอยู่ดี

แม้ว่าพื้นฐานของหลายครอบครัวจะประกอบขึ้นด้วยความรัก แต่ภายใต้ความสัมพันธ์นั้นกลับแฝงไปด้วยความกลัวและความคาดหวังของสังคมที่มีต่อหน้าที่และบทบาทของสมาชิกแต่ละคน จนกลายเป็นความขัดแย้งและความรุนแรงอย่างคาดไม่ถึง Open Relationship พอดแคสต์ความรักความสัมพันธ์ ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ด้วยการพาไปสำรวจพื้นที่แห่งความรักที่ชื่อว่า ‘ครอบครัว’ ว่าแท้จริงแล้วอาจกลายเป็นพื้นที่โชกเลือด โดยเฉพาะบทบาทของผู้หญิงที่ต้องแบกรับความคาดหวังของสังคม จนเข้าใจว่านั่นคือสิ่งที่ ‘ต้อง’ ทำ และในทางกลับกัน รายการชวนคลี่ให้เห็นความคาดหวังของลูกที่เรียกร้องจากหน่วยครอบครัวว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร สุดท้ายเพื่อการรับรู้ เท่าทัน และมองเห็นโอกาสที่จะเข้าใจกันมากขึ้น หมายเหตุ: มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์เรื่อง Everything Everywhere All at Once

แม้ว่าทุกวันนี้เทคโนโลยีจะเข้ามามีส่วนช่วยให้ ‘รักทางไกล’ ได้กระชับความสัมพันธ์กันมากยิ่งขึ้น แต่แม้ว่าจะมีเครื่องมืออีกมากแค่ไหน ระยะห่างทางกายก็ยังเป็นอุปสรรคสำหรับความรักความสัมพันธ์อยู่วันยังค่ำ เพราะต้องอาศัยทั้งการนัดหมาย การวางแผน และความไว้ใจที่จะต้องลงทุนลงแรงมากกว่าปกติ Open Relationship พอดแคสต์ความรักความสัมพันธ์ ชวนสำรวจวิธีการที่จะทำให้รักทางไกลเข้าใกล้กันมากยิ่งขึ้น ข้อตกลงอะไรบ้างที่ควรคำนึง รวมถึงคำถามสำคัญว่าเป้าหมายของความสัมพันธ์รูปแบบนี้มันจะไกลกันได้ตลอดไปหรือเปล่า

Open Relationship ต้อนรับควันหลงวันแห่งความรักด้วยเอพิโสดที่มีเสียงเรียกร้องกันเข้ามามากที่สุดนั่นคือ ‘วิธีการทำใจ’ แน่นอนว่าเมื่อความรักจบลง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะค่อยๆ เคลื่อนผ่านเรื่องราวต่างๆ รศ.ดร.ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์ และ นุ้ย-อรัณย์ หนองพล จะชวนคลี่ภาพให้เห็นว่าเส้นทางของการทำใจต้องเคลื่อนผ่านความรู้สึกอะไรบ้าง ตั้งแต่การสร้างระยะห่างทางกายและใจ การหาจุดปิดความสัมพันธ์ด้วยตัวเอง จนถึงการเอาแรงที่เหลือหันกลับมาดูแลตัวเอง เพราะเราตระหนักดีกว่าการทำใจไม่ใช่เรื่องง่าย ขอเพียงคุณเชื่อมั่นในเวลา และเชื่อมั่นในตัวเองว่าจะดีขึ้น เราก็จะวางเขาในตำแหน่งที่สมควร และเราเองก็สามารถเคลื่อนชีวิตไปข้างหน้าได้ในวันหนึ่ง